รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ - บทที่ 359 เปิดไพ่ตาย
คำพูดของชูเหยาดังเข้าไปในโสตประสาทของมู่ซีซีอย่างชัดเจน นิ้วทั้งสิบของมู่ซีซีกำแน่นอย่างยับยั้งชั่งใจ เธอมองไปที่ชูเหยาด้วยแววตาเย็นชา มุมปากของเธอขยับขึ้นและยิ้มเย้ยหยัน “ชูเหยา ในตอนนี้เธอดำเนินการผิดขั้นตอนไปหรือเปล่า? ในเมื่อเธอท้องลูกของจี้หลิงชวน ไม่ใช่ว่าควรไปหาจี้หลิงชวนหรือ? ถ้าหากว่าจี้หลิงชวนออกปากเองว่าจะให้ฉันออกไปจากคฤหาสน์ ไม่ใช่เธอมาออกปากแบบนี้ ฉันก็จะออกไปเอง!”
ชูเหยากระอักกระอ่วนกับคำพูดที่มู่ซีซีพูดกับเธอ สีหน้าของเธอแปรเปลี่ยนเป็นสีเขียวด้วยความโกรธเกรี้ยวและจ้องเขม็งมู่ซีซี เวลาผ่านไปประมาณสิบวินาทีกว่าเธอจะฟื้นคืนสติจากนั้นเธอตะโกนใส่มู่ซีซีอย่างคลุ้มคลั่งว่า “มู่ซีซี แกคอยดูเถอะ! ฉันจะทำให้จี้หลิงชวนขับไล่แกออกไปให้พ้น!”
มู่ซีซีมองดูชูเหยาคลุ้มคลั่งด้วยท่าทีเหนื่อยหน่ายจากนั้นเธอก้าวเท้าและเดินผ่านชูเหยาไปและเดินออกจากร้านกาแฟในทันที
ต่อหน้าชูเหยา การแสดงออกของมู่ซีซีนั้นสงบนิ่งแต่ไม่อาจสงบจิตใจได้ แต่มีเพียงมู่ซีซีเท่านั้นที่รู้ความรู้สึกของตัวเอง เมื่อเธอได้ยินชูเหยาเล่าเรื่องการตั้งครรภ์ของเธอออกมา หัวใจของมู่ซีซีเหมือนกับโดนมีดกรีดเป็นบาดแผลขนาดใหญ่และเลือดรินไหลออกมาอย่างไม่อาจหยุดยั้งได้
ชูเหยาท้อง และเด็กในท้องเป็นลูกของจี้หลิงชวน!
ก่อนหน้านี้มู่ซีซีไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดจู่ๆจี้หลิงชวนจึงรีบร้อนส่งตัวชูเหยาไปยังอเมริกา
ในที่สุดตอนนี้มู่ซีซีก็เข้าใจแล้ว เพราะในตอนนั้นชูเหยาและจี้หลิงชวนได้หลับนอนกันแล้ว!
จี้หลิงชวนต้องการปกปิกเธอ ดังนั้นในชั่วข้ามคืนเขาจึงส่งชูเหยาไปต่างประเทศ!
ตลอดทั้งเส้นทางมู่ซีซีเดินอย่างสิ้นหวัง แม้แต่ในตอนที่กลับมาถึงห้องเรียนเธอเองก็ยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
ท้ายที่สุดก็ยังคงเป็นลั่วเสี่ยวชิงที่มองเห็นบางสิ่งที่ผิดปกติกับมู่ซีซีตั้งแต่ที่เธอเดินเข้ามาภายในห้องเรียน ด้วยความกังวลเธอจึงรีบเดินเข้าไปหามู่ซีซีจากนั้นเอื้อมมือออกไปและจับมือของมู่ซีซี “ซีซี เป็นอะไรไป? ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า? ทำไมสีหน้าไม่ดีเลย?”
หลังจากได้ยินคำพูดของลั่วเสี่ยวชิง มู่ซีซีก็ได้สติ สายตาของเธอจ้องมองไปยังท่าทีที่เป็นห่วงของลั่วเสี่ยวชิง มู่ซีซีเม้มริมฝีปากแน่นจากนั้นเธอก็ฝืนยิ้มให้กับลั่วเสี่ยวชิงและเอ่ยว่า “เสี่ยวชิง ฉันไม่ได้เป็นอะไร…”
เมื่อได้ยินมู่ซีซีพูดเช่นนั้น ลั่วเสี่ยวชิงขมวดคิ้วแน่นยิ่งกว่าเก่า “ยังจะมาพูดว่าไม่เป็นอะไรอีก! สีหน้าเธอแย่มาก! เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? เธอไม่พูดแบบนี้ เธอจะฆ่าฉันให้ตายหรือไง?”
เมื่อเห็นถึงความเป็นกังวลของลั่วเสี่ยวชิง ดวงตาของมู่ซีซีรู้สึกร้อนผ่าว ความคับข้องใจและความเจ็บปวดในใจของเธอไม่อาจอดกลั้นได้อีกต่อไป มู่ซีซีอดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือออกไปและกอดลั่วเสี่ยวชิง น้ำตาของเธอรินไหลลงบนไหล่ของลั่วเสี่ยวชิงและร้องไห้ออกมาอย่างเงียบๆ
หลังจากที่ลั่วเสี่ยวชิงถูกมู่ซีซีกอด เธองุนงงไปชั่วขณะ เมื่อสติของเธอฟื้นคืน เธอก็ยื่นมือออกมาและกอดมู่ซีซีไว้ราวกับทุกข์ใจ แต่หลังจากนั้นไม่นาน ลั่วเสี่ยวชิงรู้สึกได้ถึงความร้อนและความชื้นบนไหล่ของเธอ เธอจึงรู้ได้ว่ามู่ซีซีกำลังร้องไห้
ขณะที่ครุ่นคิด หัวใจของลั่วเสี่ยวชิงก็เจ็บปวดมากยิ่งขึ้น ลั่วเสี่ยวชิงรู้ดี พูดคำพูดปลอบโยนมากมายไปก็เท่านั้น ปล่อยให้มู่ซีซีอยู่เงียบๆคนเดียวน่าจะดีกว่า
ลั่วเสี่ยวชิงยกมือขึ้นและลูบหลังมู่ซีซีเพื่อปลอบโยนเธอ
มู่ซีซีไม่ปล่อยให้ตัวเองนั้นเศร้าโศกนานจนเกินไป สิบวินาทีถัดมา เธอปรับอารมณ์ของตัวเองและผละจากอ้อมกอดของลั่วเสี่ยวชิง เธอเช็ดดวงตาที่แดงก่ำจากการร้องไห้จากนั้นเธอเอ่ยกับลั่วเสี่ยวชิงพร้อมรอยยิ้ม “เสี่ยวชิง ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว”
ลั่วเสี่ยวชิงยังคงเป็นกังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับรอยยิ้มที่ดูฝืนๆของมู่ซีซี “ซีซี คาบบ่ายนี้ไม่ได้สำคัญขนาดนั้น ฉันลาให้เธอได้ เธอกลับบ้านไปพักก่อนเถอะ”
เมื่อมู่ซีซีได้ยินลั่วเสี่ยวชิงพูดเช่นนั้น เธอก็พยักหน้า ในตอนนี้หัวใจของเธอนั้นว้าวุ่นมาก แม้ว่าเธอจะนั่งเรียนอยู่ในชั้นเรียน แต่เธอก็คงไม่มีสมาธินั่งฟังอาจารย์หรอก
ตอนนี้มู่ซีซีคิดเพียงแค่ว่าอยากหาสถานที่เงียบสงบ
หลังจากที่มู่ซีซีบอกลาลั่วเสี่ยวชิง เธอเดินออกจากโรงเรียนและเรียกแท็กซี่ตรงไปยังคฤหาสน์
เมื่อมู่ซีซีถึงคฤหาสน์แล้ว เวลายังคงเช้าอยู่ จี้หลิงชวนยังไม่กลับบ้าน มู่ซีซีตรงไปยังห้องนอนของเธอและล็อคประตูทันที
ป้าหลิงเห็นว่าเมื่อมู่ซีซีกลับมาดวงตาของมู่ซีซีนั้นบวมและแดงระเรื่อ ป้าหลิงสังเกตเห็นถึงความผิดปกติของมู่ซีซี
เมื่อเห็นว่ามู่ซีซีรีบขึ้นไปชั้นบน ป้าหลิงก็รีบวิ่งตามขึ้นไป เมื่อเห็นว่าประตูห้องนอนปิดอยู่ ป้าหลิงก็รีบเอื้อมมือเคาะประตูและถามอย่างระมัดระวัง “คุณหนูซีซี? ป้าเตรียมผลไม้มาให้หนูแล้ว”
มู่ซีซีที่อยู่ภายในห้องได้ยินเสียงของป้าหลิง เธอจึงตอบกลับว่า “ไม่ต้องหรอกค่ะป้าหลิง ตอนนี้หนูยังไม่อยากทาน หนูรู้สึกเหนื่อย อยากพัก หากว่าไม่มีเรื่องอะไรไม่ต้องเรียกหนูนะป้า”
เมื่อป้าหลิงได้ยินเสียงของมู่ซีซี เธอก็ยิ่งมั่นใจมากยิ่งขึ้นว่าวันนี้มู่ซีซีจะต้องไปเจอเรื่องราวแย่ๆมาแน่นอน หลังจากที่เธอตอบรับ ป้าหลิงก็รีบลงไปยังชั้นล่างและกดโทรศัพท์โทรหาจี้หลิงชวน
ขณะนั้นจี้หลิงชวนกำลังประชุมอยู่ เมื่อเห็นว่าโทรศัพท์ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะสั่น จี้หลิงชวนชำเลืองมองบนหน้าจอโทรศัพท์และเห็นว่าเป็นสายจากป้าหลิง
ป้าหลิงดูแลจี้หลิงชวนมานานหลายปี จี้หลิงชวนรู้ดีว่าป้าหลิงนั้นเป็นคนที่เข้าใจในทุกเรื่อง โดยปกติแล้วหากว่าไม่มีเรื่องอะไร ป้าหลิงจะไม่โทรหาเขาเด็ดขาด
และไม่แน่ว่าบางทีอาจจะเกี่ยวข้องกับมู่ซีซี
ขณะที่ครุ่นคิด จี้หลิงชวนขมวดคิ้วทันทีโดยไม่รู้ตัว เขายกมือขึ้นเพื่อแสดงให้คนอื่นเห็นว่าพักการประชุม จากนั้นเขาลุกขึ้นและเดินออกไปจากห้องประชุมแล้วรับสาย “ป้าหลิง? มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
ทันทีที่สิ้นเสียงจี้หลิงชวน จากปลายสายโทรศัพท์ก็มีเสียงที่ไม่สบายใจของป้าหลิงดังขึ้น “คุณชายจี้ วันนี้คุณหนูซีซีกลับมาก่อนเวลา ทันทีที่กลับมาก็ขึ้นห้องตัวเองและล็อคห้องไว้ ป้าเรียกคุณหนูก็ไม่ยอมเปิดประตู พอป้าได้ฟังเสียงคุณหนู ป้าก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ตอนที่คุณหนูกลับมา ป้าเห็นว่าดวงตาของคุณหนูแดงก่ำเหมือนกับเพิ่งร้องไห้มา…”
จี้หลิงชวนฟังทุกประโยคของป้าหลิง เขาขมวดคิ้วแน่นมากกว่าเก่า
ทันทีที่ป้าหลิงพูดจบ สีหน้าของจี้หลิงชวนก็มืดมนมากยิ่งขึ้น
เขาจับโทรศัพท์ไว้แน่น จากนั้นจี้หลิงชวนก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่งว่า “ป้าหลิง ป้าช่วยดูเธอก่อน หากว่ามีอะไรผิดปกติรีบโทรหาผมเลย ผมจะรีบกลับไปเดี๋ยวนี้”
หากว่าเป็นเรื่องของมู่ซีซี สติของจี้หลิงชวนก็หลุดหายไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากกลับมาที่ห้องประชุม จี้หลิงชวนรีบตรงไปหาฟางเซิ่งที่นั่งอยู่ด้านข้างและพูดว่า “ฉันมีธุระต้องกลับก่อน การประชุมที่เหลือ คุณจัดการเลย”
เมื่อออกคำสั่งเสร็จ จี้หลิงชวนก็เดินออกจากห้องประชุมทันที เขาขับรถด้วยความเร็ว ภายในสมองของเขานั้นนึกถึงภาพดวงตาที่แดงระเรื่อของมู่ซีซี ยิ่งนึก ภายในใจของจี้หลิงชวนก็ยิ่งเป็นกังวล