รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ - บทที่ 388 เจอกันอีกแล้ว คุณชายลู่
เพราะว่าก่อนหน้านั้นจี้หลิงชวนไม่เคยยุ่งขนาดนี้มาก่อน……
จี้หลิงชวนได้ยินสิ่งที่มู่ซีซีพูด จึงเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นเสียงที่ทุ้มต่ำน่าฟังของจี้หลิงชวนจึงดังขึ้นมาว่า “อื้อ ที่บริษัทมีปัญหานิดหน่อย”
“แต่ว่าซีซีเธอไม่ต้องเป็นห่วงหรอก แค่ปัญหาเล็กๆเอง ยังรับมือได้ แค่อาจจะต้องยุ่งอีกหลายวัน เดี๋ยวก็จัดการได้เอง”
ได้ยินเสียงที่อ่อนโยนของจี้หลิงชวน แล้วพูดปลอบมู่ซีซีว่า “ซีซี ตอนนี้ดึกมากแล้วนะ เธอรีบไปนอนเถอะ ฝันดีนะ”
ตอนนี้จี้หลิงชวนยุ่งมากจริงๆ มู่ซีซีไม่อยากให้จี้หลิงชวนเป็นห่วง จึงตอบรับอย่างเป็นเด็กดี แล้วกดวางสาย
ป้าหลิงที่อยู่ข้างๆจึงหันไปมองมู่ซีซี “คุณหนูซีซีคะ รีบกลับห้องไปนอนเถอะค่ะ คุณหมอย้ำว่าคุณหนูนอนดึกมากไม่ได้ ไม่ดีต่อร่างกายนะคะ”
มู่ซีซีรู้ว่าถึงแม้ตอนนี้ตัวเองจะรอจนกว่าจี้หลิงชวนกลับมาก็ไม่มีประโยชน์อะไร แต่จะทำให้จี้หลิงชวนเป็นห่วงมากกว่า เธอจึงพยักหน้าให้ป้าหลิง แล้วให้ป้าหลิงพยุงตัวเองกลับไปที่ห้องนอน
พอนอนลงบนเตียงแล้วห่มผ้าเสร็จแล้ว มู่ซีซีจึงหลับตาลง แล้วเอาแต่นับแกะ บังคับให้ตัวเองหลับ ผ่านไปครู่หนึ่งมู่ซีซีค่อยนอนหลับ
มู่ซีซีที่งัวเงีย ไม่รู้ว่านอนไปนานแค่ไหน ค่อยรู้สึกว่าตัวเองโดนท่อนแขนที่แข็งแรงกอดเข้าไปในอ้อมกอดที่ทั้งอบอุ่นทั้งคุ้นเคย
มู่ซีซีง่วงจนลืมตาไม่ขึ้น แค่ได้สตินิดหน่อย จึงยื่นมือไปกอดอ้อมกอดนั้นแทน จากนั้นเธอค่อยหลับไปอีกครั้ง
รอเช้าวันต่อมา มู่ซีซีลืมตาขึ้น เลยหันมองไปบริเวณข้างๆ จึงเห็นเตียงนอนที่ว่างเปล่าอีกครั้ง
พอยื่นมือไปแตะ ที่นอนเย็นแล้ว จี้หลิงชวนคงตื่นตั้งนานแล้วสินะ
ขณะคิดมู่ซีซีจึงไม่รีรอเปลี่ยนชุดนอน แล้วรีบดึงผ้าห่มออก ร้อนใจจนลืมสวมรองเท้า แล้วรีบเดินออกไปนอกห้องด้วยเท้าเปล่า
เธอเดินลงบันได มู่ซีซีเพิ่งเดินไปถึงห้องรับแขก จึงเจอกับป้าหลิงที่ได้ยินเสียงแล้วเดินมาพอดี
แว็บแรกป้าหลิงก็เห็นเลยว่ามู่ซีซีไม่ได้ใส่รองเท้าลงมาด้วย จึงอุทานอย่างตกใจ แล้วรีบไปเอารองเท้าแตะคู่ใหม่ที่ตู้มาวางไว้ข้างเท้ามู่ซีซีทันที “คุณหนูซีซีคะ ช่วงนี้อากาศเย็น เดินเท้าเปล่าไม่ได้นะคะ เดี๋ยวจะไม่สบายเอา”
มู่ซีซีใส่รองเท้าไปด้วย แล้วยื่นมือไปดึงป้าหลิงมาใกล้ แล้วเอ่ยถามป้าหลิงว่า “ป้าหลิง เมื่อคืนจี้หลิงชวนกลับมาเมื่อไหร่คะ?”
ป้าหลิงเห็นมู่ซีซีใจร้อนขนาดนี้ จึงรีบเอ่ยตอบว่า “คุณหนูซีซี เมื่อคืนคุณชายจี้กลับมาตอนประมาณตีสองค่ะ”
มู่ซีซีได้ยินจึงขมวดคิ้วทันที “แล้วตอนนี้ล่ะคะ? จี้หลิงชวนไปที่บริษัทแล้วเหรอคะ?”
ป้าหลิงพยักหน้าให้ “ค่ะ คุณชายจี้เพิ่งขับรถไปบริษัทเมื่อกี้ค่ะ วันนี้คุณชายจี้ตื่นตั้งแต่หกโมงเช้า แล้วยังทำมื้อเช้าให้คุณหนูด้วยค่ะ แล้วย้ำกับป้าว่าต้องให้คุณหนูทานให้หมด”
มู่ซีซีได้ยินในใจจึงเป็นห่วงมาก จี้หลิงชวนยุ่งขนาดนี้ต้องเกิดเรื่องกับบริษัทแน่นอน แล้วคงไม่ได้จัดการง่ายๆเหมือนกับที่จี้หลิงชวนบอกในโทรศัพท์เมื่อคืนด้วย
นี่เป็นครั้งแรกที่มู่ซีซีรู้สึกหมดแรงแล้วตัวเองช่วยอะไรไม่ได้เลย ไม่รู้ว่าตอนนี้ที่บริษัทจี้หลิงชวนเป็นยังไงบ้าง เกิดเรื่องอะไรกันแน่……
ทันใดนั้นจึงมีเสียงของป้าหลิงดังแทรกมู่ซีซีที่กำลังคิดมากอยู่ “คุณหนูซีซีคะ คุณไปทานมื้อเช้าก่อนดีกว่าค่ะ เดี๋ยวเย็นแล้วจะไม่อร่อยนะคะ มื้อเช้าคุณชายเป็นคนตื่นมาทำเองเลยนะคะ”
นึกถึงเรื่องที่บริษัทของจี้หลิงชวน มู่ซีซีจะมีอารมณ์กินมื้อเช้าได้ยังไง แต่ว่าพอนึกได้ว่าจี้หลิงชวนเป็นคนทำให้ มู่ซีซีจึงรู้สึกเสียดาย
จึงต้องพยักหน้าให้ป้าหลิง มู่ซีซีบังคับตัวเองกินมื้อเช้าให้หมด แล้วนั่งฆ่าเวลาอยู่บนโซฟาอย่างไม่นิ่งนอนใจไปทั้งเช้า พอถึงเวลามื้อเที่ยง ป้าหลิงเพิ่งทำมื้อเที่ยงเสร็จ มู่ซีซีเป็นห่วงว่าจี้หลิงชวนอยู่ที่บริษัทอาจจะยุ่งจนไม่มีเวลากินมื้อเที่ยง จึงสั่งให้ป้าหลิงเตรียมใส่กล่องแล้วให้คนขับรถเอาไปส่งให้จี้หลิงชวนที่บริษัท”
รอไปสักพัก มู่ซีซีคิดว่าตอนนี้คนขับรถน่าจะส่งถึงแล้ว จึงกดโทรศัพท์โทรไปหาจี้หลิงชวน
ผ่านไปไม่กี่วินาที จึงมีเสียงที่คุ้นเคยของจี้หลิงชวนดังลอยมา “ซีซี”
“จี้หลิงชวน นายกินมื้อเที่ยงหรือยัง? ฉันกลัวว่านายจะลืมกินมื้อเที่ยง ก็เลยให้คนขับรถเอาไปส่ง นายได้รับหรือยัง?”
ได้ยินน้ำเสียงมู่ซีซีแฝงไปด้วยความเป็นห่วง คิ้วของจี้หลิงชวนที่ขมวดแน่นอยู่ตลอดจึงคลายออก มุมปากบนใบหน้าที่เย็นชาก็เลิกขึ้นเล็กน้อย แม้แต่น้ำเสียงก็อ่อนโยนอย่างไม่รู้ตัว “ซีซี ฉันเพิ่งได้รับเมื่อกี้ ตอนนี้กำลังกินอยู่ เธอไว้ใจเถอะ ฉันจะกินข้าวให้หมดเลย”
จากนั้นจี้หลิงชวนจึงพูดอย่างเป็นห่วงว่า “ซีซี เธอกินมื้อเที่ยงหรือยัง?”
“ฉันเพิ่งกินเมื่อกี้”
มู่ซีซีลังเลไปครู่หนึ่ง แต่ก็อดถามไม่ได้ว่า “จี้หลิงชวน เคลียร์งานที่บริษัทเรียบร้อยหรือยัง?”
จี้หลิงชวนไม่อยากให้มู่ซีซีเป็นห่วง จึงตอบว่า “อื้อ ใกล้จะเรียบร้อยแล้ว เธออย่าเป็นห่วงเลย ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้ว เดี๋ยวกลับไปฉันค่อยอธิบายให้เธอฟังนะ”
มู่ซีซีได้ยินแบบนี้ใจที่ร้อนรนจึงสงบลง “อื้อ งั้นนายยุ่งต่อเถอะ ถ้าเป็นไปได้งั้นตอนเย็นก็กลับมาเร็วหน่อยนะ ฉันจะรอนาย”
พูดจบมู่ซีซีค่อยกดวางสายอย่างอาลัยอาวรณ์
มู่ซีซีเพิ่งวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ ทันใดนั้น โทรศัพท์จึงมีเสียงแจ้งเตือน
สายตามู่ซีซีจึงเหลือบมองไปที่หน้าจอโทรศัพท์ จึงเห็นว่าเป็นข้อความของลู่เฉินอันที่ไม่ได้ติดต่อมานาน
มู่ซีซีมองชื่อลู่เฉินอัน แล้วคิ้วก็กระตุก จึงขมวดคิ้วเล็กน้อย มู่ซีซีค่อยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วกดเปิดข้อความที่ลู่เฉินอันส่งมา เห็นบนนั้นเขียนแค่ว่า “มู่ซีซี ไม่เจอกันนานเลย ยังจำได้ไหมว่าผมเป็นใคร?”
ตั้งแต่ที่มู่ซีซีกลับมาอยู่กับจี้หลิงชวนแล้วแยกกับลู่เฉินอัน ทางมู่ซีซีก็เอาแต่มีเรื่องเข้ามาเรื่อยๆ บวกกับลู่เฉินอันไม่ติดต่อเธอเลย ไม่โผล่มาด้วย มู่ซีซีจึงไม่ค่อยได้สนใจเขา
ขณะคิดมู่ซีซีจึงรีบตอบกลับข้อความไปว่า “บุญคุณที่ช่วยชีวิตไว้ฉันไม่ลืมแน่นอนค่ะ คุณชายลู่ ขอโทษนะคะ ก่อนหน้านั้นมีเรื่องต้องยุ่งอยู่ตลอด ก็เลยไม่ได้ขอบคุณคุณชายลู่ดีๆสักที”