รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ - บทที่ 401 ซีซี เธออย่าร้องไห้
มู่ซีซีกอดจี้หลิงชวนแน่นและพูดขึ้นทั้งน้ำตาว่า “จี้หลิงชวน ฉันไม่เป็นไร คุณไม่ต้องห่วงฉันหรอกนะ ฉันและลูกต่างปลอดภัยดี แล้วคุณล่ะ?คุณต้องได้รับบาดเจ็บแน่ๆ บาดแผลของคุณเป็นอย่างไรบ้าง ? ให้ฉันดูหน่อย…”
จี้หลิงชวนรู้สึกว่าเสื้อผ้าของเขากำลังจะเปียกไปด้วยน้ำตาของมู่ซีซี เมื่อมองเห็นน้ำตาที่ไหลออกมานองหน้าของมู่ซีซีแบบนี้แล้ว จี้หลิงชวนก็รู้สึกทุกข์ใจ เขายกมือขึ้นมาและเช็ดน้ำตาที่กำลังไหลนองหน้าของมู่ซีซีอย่างอ่อนโยนพร้อมกับปลอบโยนมู่ซีซีว่า “ซีซี เด็กดี อย่าร้องไห้นะ ฉันไม่เป็นไร แค่ฟกช้ำที่ผิวเท่านั้น ไม่ได้เป็นไรมาก เธอไม่ต้องห่วง ตอนนี้ฉันมีเธอกับลูก และฉันจะไม่ปล่อยให้ตัวเองเป็นอะไรไปแน่นอน ”
เมื่อมู่ซีซีได้ฟังคำพูดของจี้หลิงชวนเช่นนั้นแล้ว หัวใจที่เต็มไปด้วยความอึดอัดก็รู้สึกโล่งขึ้น
และเมื่อจี้หลิงชวนมองเห็นใบหน้าที่ซีดเซียวและอ่อนแอของมู่ซีซี เขาก็ถามขึ้นด้วยความกังวลว่า “ซีซี เธอเป็นอะไรไป? ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า? ทำไมใบหน้าของเธอถึงได้ซีดเซียวขนาดนี้ ?”
“ฉันไม่เป็นไร … ” มู่ซีซีไม่กล้าบอกกับจี้หลิงชวนเรื่องที่เธอไม่ได้ทานอาหาร
ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน บอดี้การ์ดก็นำอาหารที่ปรุงเสร็จแล้วเข้ามา
ตอนนี้มู่ซีซีได้พบกับจี้หลิงชวนแล้ว เป้าหมายของเธอถือว่าเป็นอันสำเร็จ และแน่นอนว่าเธอ ไม่จำเป็นต้องอดอาหารอีกต่อไปแล้ว หลังจากที่ทนความหิวมาทั้งวัน ทันทีที่มู่ซีซี ได้กลิ่นอาหาร ท้องของเธอก็ร้องเสียงดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน
เมื่อจี้หลิงชวนได้ยินเสียงท้องร้องของมู่ซีซี คิ้วของเขาก็ขมวดขึ้นในทันที จี้หลิงชวนมองไปที่มู่ซีซี และถามขึ้นว่า “ซีซีตอนนี้ดึกมากแล้ว เธอยังไม่ได้กินข้าวเย็นอีกเหรอ?”
มู่ซีซีกลัวว่าจี้หลิงชวนจะโทษตัวเอง เธอไม่รู้ว่าจะพูดยังไงกับจี้หลิงชวนดี มู่ซีซีเห็นว่ายังมีบอดี้การ์ดสองคนที่คอยติดตามอยู่ในห้อง มู่ซีซีจึงเหลือบมองไปที่บอดี้การ์ดทั้งสองและพูดขึ้นด้วยความอึดอัดใจว่า “นายสองคนออกไปเฝ้าข้างนอกได้ไหม ? ฉันไม่ชอบให้คนแปลกหน้ามาอยู่ในห้องนี้”
บอดี้การ์ดทั้งสองมองหน้ากันหลังจากได้ยินคำพูดของมู่ซีซี หลังจากที่ลังเลอยู่สักพัก บอดี้การ์ดทั้งสองก็เดินออกจากห้องไปอย่างพร้อมเพรียงกัน เมื่อกี้นี้คุณมู่ก็ทำให้เจ้านายโกรธขนาดนั้นแล้ว แต่สุดท้ายเงื่อนไขของเจ้านายก็ไม่สามารถทำอะไรคุณมู่ได้ และเท่าที่รู้นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนสามารถข่มขู่เจ้านายได้ ไม่เพียงแต่เธอจะไม่ถูกเจ้านายฆ่าตายเท่านั้น แต่เธอยังบรรลุเป้าหมายของเธออีกด้วย
แม้แต่เจ้านายก็ไม่สามารถจัดการคุณมู่ได้ และแน่นอนว่าพวกเขาก็คงไม่กล้ามีปัญหากับคุณมู่คนนี้เป็นแน่
มู่ซีซีเหลือบมองไปยังประตูที่ค่อยๆถูกปิดลง ในห้องเหลือเพียงตัวเธอและจี้หลิงชวนเท่านั้นแล้ว มู่ซีซีมีถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก จากนั้นเธอก็หันกลับมามองจี้หลิงชวนด้วยความกังวลพร้อมกับรีบปลอบประโลมจี้หลิงชวนด้วยรอยยิ้มและพูดขึ้นว่า “จี้หลิงชวน ไม่ต้องกังวล ฉันไม่เป็นไร”
จี้หลิงชวนรู้สึกสงสาร เขาค่อยๆ ยกมือขึ้นและลูบไปที่ใบหน้าอันซีดเซียวและดูอิฐโรยของมู่ซีซี โดยในใจของเขาก็พอจะเดาออกอยู่บ้าง มู่ซีซีต้องใช้วิธีการอดอาหารเพื่อข่มขู่ลู่เฉินอันอย่างแน่นอน และลู่เฉินอันจึงตกลงที่จะให้เขาเข้ามาหาเธอ
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา จี้หลิงชวนรู้สึกทั้งสงสารและทุกข์ใจเป็นอย่างมาก เขารีบหยิบอาหารขึ้นมา จากนั้นก็ตักโจ๊กไก่หอมๆป้อนเข้าไปในปากของมู่ซีซีพร้อมกับพูดเกลี้ยกล่อมเธอว่า”ซีซีกินอะไรก่อนเถอะนะ”
มู่ซีซีทานโจ๊กที่จี้หลิงชวนป้อนให้อย่างเชื่อฟัง จากนั้นเธอยื่นมือออกไปแตะที่ตัวของจี้หลิงชวนอย่างเขินอายพร้อมกับพูดขึ้นว่า “จี้หลิงชวน ฉันกินเองก็ได้”
ทันทีที่มู่ซีซีพูดจบ จี้หลิงชวนก็ปฏิเสธในทันที “ให้ฉันป้อนเธอเถอะนะ”
จี้หลิงชวนยืนกรานที่จะป้อนอาหารให้กับมู่ซีซี ฉะนั้นมู่ซีซีจึงทำได้เพียงแค่ต้องเชื่อฟังจี้หลิงชวนเท่านั้น
มู่ซีซีรู้สึกหิวมากๆ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ท้องของเธอต้องการสารอาหารในการบำรุง หลังจาก จี้หลิงชวนป้อนอาหารให้กับเธอเสร็จ มู่ซีซีทานอาหารจนหมดชาม และนี่เป็นการทานที่อิ่มมากจริงๆ
เมื่อจี้หลิงชวนมองเห็นชามอาหารที่ว่างเปล่า ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกทุกข์ใจขึ้นมา ก่อนหน้านี้ ตอนที่อยู่บ้านทุกๆครั้งที่จี้หลิงชวนเข้าครัวทำอาหารด้วยตัวเองจึงสามารถทำให้มู่ซีซีทานได้มากเป็นพิเศษ
แต่อาหารมื้อนี้ที่มู่ซีซีทานเข้าไป เพียงพอสำหรับมู่ซีซีทานสองถึงสามมื้อเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน
ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะเธอหิวมากจะทานได้มากมายขนาดนี้เชียวหรือ?
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ จี้หลิงชวนก็รู้ว่ามู่ซีซีกำลังทำสิ่งนี้เพื่อตัวเขา เขาแทบจะอดทนไม่ไหวและอยากจะตบหน้าของตัวเองแรงๆ
ไม่นานหลังจากนั้น จี้หลิงชวนก็หยิบกระดาษเช็ดมือขึ้นมาเช็ดที่มุมปากของมู่ซีซีอย่างระมัดระวัง เขามองไปที่มู่ซีซีด้วยความเป็นห่วงและถามเธอขึ้นว่า “ซีซี กินอิ่มหรือยัง?”
เมื่อมู่ซีซีนึกถึงตอนที่เธอทานอาหาร เธอก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อย มู่ซีซีพยักหน้าให้กับจี้หลิงชวน อย่างรวดเร็ว “ฉันอิ่มแล้ว อิ่มแล้วจริงๆ”
เมื่อเห็นว่ามู่ซีซีดูเหมือนจะไม่ได้โกหก จี้หลิงชวนจึงรู้สึกโล่งใจขึ้นมา จี้หลิงชวนกุมมือของมู่ซีซีเอาไว้แน่นแล้วพูดขึ้นว่า”ซีซี สัญญากับฉันสิ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามในอนาคตอย่าเอาร่างกายของเธอมาเล่นตลก ?ฉันไม่อนุญาตให้เธอเมินเฉยต่อตัวเอง อดอาหาร หรือไม่อนุญาตให้เธอทำร้ายตัวเอง เข้าใจไหม?”
เมื่อได้ฟังคำพูดของจี้หลิงชวน มู่ซีซีก็อดไม่ได้ที่จะตาแดงขึ้นมาอีกครั้ง เธอยกมือขึ้นมาแล้วกุมมือของจี้หลิงชวนเอาไว้แน่น พร้อมกับพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
มู่ซีซีมองไปยังจมูกที่มีรอยช้ำและใบหน้าที่บวมเปล่งของจี้หลิงชวน ทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาในใจ เธอยกมือขึ้นและลูบไปยังบาดแผลที่อยู่บนใบหน้าของจี้หลิงชวน ดวงตาของมู่ซีซีก็ค่อยๆแดงขึ้นและน้ำตาก็ค่อยๆซึมออกมา “จี้หลิงชวน เจ็บไหม?”
สิ่งที่จี้หลิงชวนไม่อยากจะเห็นมากที่สุดก็คือน้ำตาของมู่ซีซี เมื่อน้ำตาของมู่ซีซีไหลออกมา หัวใจของจี้หลิงชวนก็รู้สึกเป็นทุกข์อย่างมาก และเมื่อได้ยินคำพูดของมู่ซีซี จี้หลิงชวนก็ เอื้อมมือออกไปจับที่มือเล็ก ๆ ของมู่ซีซีเพื่อปลอบโยนเธอพร้อมกับกล่าวขึ้นว่า “ไม่เจ็บหรอก จริงๆ แล้วมันก็เป็นอาการบาดเจ็บที่ผิวหนังเท่านั้น ไม่เป็นไร กลับไปแล้วรอสักสองสามวันก็หาย”
เมื่อมู่ซีซีได้ฟังคำพูดปลอบโยนของจี้หลิงชวน เธอก็กลั้นน้ำตาไม่อยู่ น้ำตาของเธอค่อยๆไหลรินลงมาอาบที่ใบหน้า
จี้หลิงชวนรีบเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาของมู่ซีซี ขณะที่กำลังเช็ดก็พูดเกลี้ยกล่อมเธอเบาๆว่า “ซีซี ฉันไม่เป็นไร ไม่เป็นไรจริงๆ ไม่ต้องห่วง และก็อย่าร้องไห้เลย… ”
จี้หลิงชวนพูดยังไม่ทันจบ มู่ซีซีก็ร้องไห้โฮออกมาขัดจังหวะ “จี้หลิงชวน ! ทำไมคุณถึงได้โง่จัง! ลู่เฉินอันทำร้ายคุณ แล้วทำไมคุณถึงไม่สู้กลับไปล่ะ!”
แต่มู่ซีซีก็รู้ว่าดีว่าที่จี้หลิงชวนไม่ทำแบบนั้น เป็นเพราะเขากลัวลู่เฉินอันทำร้ายเธอ แต่มู่ซีซีก็ยังคงรู้สึกทุกข์ใจอยู่ ในตอนที่เธอเห็นจี้หลิงชวนถูกลู่เฉินอันทำร้ายแต่จี้หลิงชวนไม่มีท่าทางจะตอบโต้ ในใจของเธอกลับรู้สึกว่ายอมให้ลู่เฉินอันทำร้ายเธอซะดีกว่า!
เพราะเธอไม่อยากเป็นภาระของจี้หลิงชวน
เมื่อเห็นมู่ซีซีกำลังรู้สึกทรมานกับความคิดของตัวเองอยู่ จี้หลิงชวนก็รู้สึกเป็นทุกข์ขึ้นมา เขารีบยกมือขึ้นและจับไปที่ใบหน้าของมู่ซีซี จากนั้นก็ก้มศีรษะลงจูบลงบนหน้าผากของเธอพร้อมทั้งพูดปลอบโยนเธอว่า“ซีซี ขอโทษนะ ฉันเป็นคนผิดเอง ทั้งหมดเป็นความผิดของฉันเอง เธออย่าร้องไห้เลย โอเคไหม?”