รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ - บทที่ 405 เสียงปืนดังขึ้น
ปากกระบอกปืนในมือของลู่เฉินอันหันไปที่หว่างคิ้วของจี้หลิงชวน ทั้งคู่สบตากันจากนั้นลู่เฉินอันก็หัวเราะดังขึ้นและพูดขึ้นว่า”จี้หลิงชวน ต้องบอกเลยว่า ความกล้าหาญของแกชั่งน่ายกย่องจริงๆ”
ลู่เฉินอันพูดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจให้จี้หลิงชวนตอบ จากนั้นก็พูดต่อไปว่า “จี้หลิงชวน แกรู้ไหม ตั้งแต่ที่ฉันขอให้แกมาที่นี่ ฉันไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะสามารถแก้แค้นแกได้สำเร็จ ”
ลู่เฉินอันพูดกับลูกน้องที่เหลืออีกสองคนที่ทำการคุ้มกันอยู่ทางด้านหลังว่า”แกสองคนหนีออกไปก่อน”
เมื่อลูกน้องทั้งสองคนได้ยินลู่เฉินอันพูดเช่นนี้แล้ว พวกเขาก็ขมวดคิ้วพร้อมกับมองไปที่ลู่เฉินอันและกล่าวอย่างซื่อสัตย์ขึ้นว่า “เจ้านาย ถ้าคุณไม่ไปเราก็จะไม่ไปไหนทั้งนั้น ”
“ฉันบอกให้พวกแกหนีไป ! ก็รีบไสหัวออกไปสิ!
พวกเขาไม่กล้าปฏิเสธคำพูดของลู่เฉินอัน บอดี้การ์ดทั้งสองกระโดดออกจากหน้าต่างและหลบหนีไปในทันที
และตอนนี้ที่ชั้นสองเหลือเพียงจี้หลิงชวนกับลู่เฉินอันสองคนเท่านั้น
ลู่เฉินอันทอดสายตามองไปที่จี้หลิงชวนอย่างเย็นชา “จี้หลิงชวน เรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างเราสองคน ดังนั้นเราสองคนต้องมาแก้ปัญหานี้ด้วยตัวเราเอง วันนี้หากไม่ใช่แกก็ต้องเป็นฉันที่ต้องตาย!”
หลังจากลู่เฉินอันพูดจบก็ไม่ลังเลที่จะขยับนิ้วมือบนปืนพกที่กำลังจ่ออยู่ที่หว่างคิ้วของจี้หลิงชวน
ทันใดนั้น ในคฤหาสน์อันเงียบสงบก็มีเสียงปืนดัง ปัง ขึ้นหนึ่งนัด
ที่ชั้นล่าง มู่ซีซีซึ่งเพิ่งนั่งลงบนโซฟาด้วยความวิตกกังวลโดยมีฟางเซิ่งค่อยปลอบใจอยู่ข้างๆ ทันทีที่เสียงปืนดังขึ้น หัวใจของเธอก็เต้นแรงขึ้น และความคิดที่ไม่ดีเท่าไหร่ก็ผุดขึ้นมาในหัวของเธอทันที ดวงตาของเธอค่อยๆแดงขึ้น จากนั้นมู่ซีซีก็รีบลุกขึ้นจากโซฟาและก้าวออกไปอย่างสิ้นหวังพร้อมกับรีบวิ่งขึ้นไปที่ชั้นอย่างไม่คิดชีวิต “จี้หลิงชวน ! ไม่! ไม่นะ! จี้หลิงชวน !!! !”
เมื่อฟางเซิ่งเห็นอย่างนั้นแล้วก็ไม่กล้าที่จะปล่อยให้มู่ซีซีขึ้นไปยังสถานที่ที่อันตราย เขาสั่งลูกน้องหยุดมู่ซีซีเอาไว้ จากนั้นก็พาเธอกลับมานั่งที่โซฟาอีกครั้ง
“คุณซีซี คุณใจเย็นๆก่อนนะครับ คุณชายจี้ต้องไม่เป็นไร คุณต้องใจเย็น ๆ !”
ทันทีที่คำพูดปลอบโยนของฟางเซิ่งแผ่วเบาลง จู่ๆที่ชั้นบนก็มีเสียงรัวปืนปัง ๆ ๆ ขึ้นอีกหลายนัด
ครั้งนี้ไม่เพียงแต่มู่ซีซีเท่านั้น เพราะแม้แต่ฟางเซิ่งเองก็ยังตกตะลึงตาเบิกกว้างและยืนตัวแข็งค้างอยู่กับที่
บรรยากาศดูเหมือนจะตกอยู่ในความเงียบสงบของแดนมรณะ
ในท้ายที่สุดก็เป็นมู่ซีซีที่เป็นคนได้สติกลับมาก่อน มู่ซีซีที่ใบหน้าซีดเผือดและเต็มไปด้วยคราบน้ำตา เธอกัดริมฝีปากของเธอแน่น จากนั้นก็วิ่งขึ้นไปที่ชั้นบนอย่างบ้าคลั่งโดยไม่สนใจอะไรเลย
เมื่อมู่ซีซีเคลื่อนที่ออกไป ฟางเซิ่งจึงได้สติกลับมา ฟางเซิ่งตกใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นมู่ซีซี กำลังวิ่งขึ้นไปที่ชั้นบน เขารีบสั่งการให้ลูกน้องของเขาวิ่งตามมู่ซีซีไปอย่างรวดเร็ว และให้ทำการคุ้มกันมู่ซีซีเอาไว้
คนกลุ่มหนึ่งวิ่งขึ้นไปที่ชั้นสองเพียงไม่กี่ก้าว เมื่อเห็นฉากบนชั้นสองทั้งสายตาของมู่ซีซี และคนที่อยู่รอบตัวเธอหยุดก็ชะงักในทันที
ไม่รู้ว่าใคร ที่ถอนหายใจออกมาอย่างกะทันหัน
มู่ซีซีสัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือกแผ่ซ่านออกจากแผ่นหลังและลามไปยังแขนและขาของเธอ!
หัวใจของเธอดูเหมือนกำลังถูกบีบอย่างแรง และแม้แต่หายใจก็ยังรู้สึกเจ็บปวด!
เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง มู่ซีซีอยากให้ฉากที่เธอกำลังมองเห็นอยู่ตรงหน้าเป็นเพียงแค่เรื่องโกหก! ! !
เธอรู้สึกได้สึกความเย็นยะเยือกที่แผ่ซ่านออกมาจากกระเบื้องปูพื้นตรงทางเดิน จี้หลิงชวน และลู่เฉินอันทั้งคู่ล้มลงไปกองกันอยู่กับพื้น
ดวงตาของจี้หลิงชวนถูกปิดสนิท และร่างกายท่อนล่างของเขาก็มีของเหลวสีแดงไหลพร่างพรายออกมาจำนวนมาก แม้แต่บรรยากาศตรงนั้นก็ยังเต็มไปด้วยกลิ่นคาวของเลือดสด
จี้หลิงชวนที่มีเลือดไหลออกท่วมตัว จนมองไม่ออกว่าบนร่างกายของเขาถูกกระสุนยิ่งไปโดนตรงไหน
มู่ซีซีรู้สึกเพียงว่าขาของเธออ่อนแรงลงและร่างกายก็ไม่มีเรี่ยวแรงกะทันหัน ร่างกายของเธอสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้ ถ้าฟางเซิ่งที่อยู่ทางด้านข้างไม่รีบวิ่งเข้ามาพยุงตัวเธอไว้ล่ะก็ มู่ซีซีก็คงจะล้มลงไปทั้งตัว
ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยที่มู่ซีซียังสามารถยืนหยัดอย่างมั่นคงอยู่ต่อได้ และก่อนที่ฟางเซิ่งจะรู้สึกตัว มู่ซีซีก็รีบวิ่งไปหาจี้หลิงชวนอย่างบ้าคลั่ง
มือที่สั่นเทาค่อยๆกอดลงบนร่างของจี้หลิงชวนที่นอนจมอยู่ในกองเลือด น้ำตาของมู่ซีซีค่อยๆ หยดลงบนแก้มที่เปื้อนเลือดของจี้หลิงชวน แม้ว่าตอนนี้มู่ซีซีอยากจะพูดอะไรบางอย่างกับจี้หลิงชวน แต่ก็ดูเหมือนว่าเธอจะพูดอะไรไม่ออก มู่ซีซีหายใจเข้าออกได้อย่างยากลำบาก ยิ่งกว่านั้นแม้แต่คำพูดคำเดียวเธอก็ไม่สามารถที่จะพูดออกมาได้
และตอนนี้นี้เองที่มู่ซีซีสามารถสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของคนหนึ่งคนที่กำลังเศร้าและเจ็บปวดจนถึงขีดสุด แม้แต่คนคนนั้นต้องการจะร้องไห้ แต่ก็ไม่สามารถที่จะร้องออกมาได้
มู่ซีซีกัดริมฝีปากของตัวเองแน่น เธอกัดจนริมฝีปากของเธอมีเลือดไหลออก จากนั้นจึงพยายามบีบเสียงออกมาจากในลำคออย่างยากลำบากว่า”จี้หลิงชวน…อย่าตายนะ จี้หลิงชวนอย่าตาย… … ”
มู่ซีซีซึ่งกำลังปากสั่น เธอยื่นมือออกมาปิดปากแผลที่กำลังมีเลือดไหลออกมาของจี้หลิงชวนเอาไว้ แต่ทว่าบาดแผลนั้นดูเหมือนเธอจะไม่สามารถปิดมันให้สนิทได้ เลือดยังคงไหลออกจากนิ้วของมู่ซีซีอยู่ตลอด มือขาวๆเล็กๆของมู่ซีซีถูกย้อมให้กลายเป็นสีแดงด้วยเลือดในทันที
เมื่อเห็นแบบนั้นแล้วมู่ซีซีก็ตะโกนใส่ฟางเซิ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลและยังคงแข็งอยู่กับที่ว่า “รีบเข้ามาสิ ! รีบเข้ามาช่วยจี้หลิงชวนเร็วๆ ! รีบช่วยจี้หลิงชวน !! จี้หลิงชวนจะต้องไม่ตาย! รีบเข้ามาสิ!!!”
เมื่อได้ยินเสียงของมู่ซีซี ดูเหมือนว่าฟางเซิ่งจะได้สติกลับมาแล้ว เขาก็รีบเดินตรงเข้าไปหาจี้หลิงชวนในทันที
ฟางเซิ่งที่ดูเหมือนว่าจะผ่านและเคยเห็นฉากแบบนี้มาแล้ว ทำให้ในตอนนี้เขาสงบลงมาก มือข้างของเขายื่นออกไปตรวจสอบชีพจรและการเต้นของหัวใจของจี้หลิงชวน จากนั้นก็สั่งคนให้เตรียมรถในทันที
เมื่อสัมผัสได้ถึงการเต้นของหัวใจที่แผ่วเบาของจี้หลิงชวนแล้ว ฟางเซิ่งก็ยิ้มดีใจออกมาในทันที เขารีบบอกกับมู่ซีซีว่า “คุณซีซี คุณชายจี้ยังมีสัญญาณชีพจรอยู่ !!! ”
เมื่อได้ยินฟางเซิ่งพูดอย่างนี้แล้ว มู่ซีซีก็ชะงักขึ้นมา ผ่านไปสิบวินาทีมู่ซีซีจึงได้สติกลับมา เธอจับไปแขนของฟางเซิ่งอย่างรวดเร็วพร้อมกับจ้องมองที่ฟางเซิ่งและกล่าวขึ้นว่า “ช่วยจี้หลิงชวนหน่อย! ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องช่วยจี้หลิงชวนกลับมาให้ได้นะ !!!”
ฟางเซิ่งสั่งให้คนมายกจี้หลิงชวนลงไปที่ชั้นล่างในทันที จากนั้นตัวเองก็ออกไปจากที่นี่พร้อมกับมู่ซีซีและจี้หลิงชวน โดยทิ้งคนกลุ่มหนึ่งให้อยู่ดูแลที่เกิดเหตุ
ฟางเซิ่งเป็นคนขับรถนำจี้หลิงชวนที่กำลังนอนหมดสติทางเบาะหลังของรถไปส่งโรงพยาบาลด้วยตัวเอง เขาเหยียบคันเร่งทะยานขึ้นสองร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมงและวิ่งฝ่าไฟแดงหลายไฟแดง ในที่สุดก็สามารถไปถึงที่โรงพยาบาลกลางที่ดีที่สุดในเมืองหรงได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว
ฟางเซิ่งได้โทรมาบอกกับโรงพยาบาล ในตอนที่เขากำลังขับมา
ฉะนั้น ทันทีที่รถของฟางเซิ่งจอด เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์มืออาชีพก็เข้ามายกเอาร่างที่เต็มไปด้วยเลือดของจี้หลิงชวนออกจากรถไปในทันที
โรงพยาบาลได้เรียกเจ้าหน้าที่ระดับศาสตราจารย์ในแผนกต่างๆให้มาเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว พอยกร่างของจี้หลิงชวนลงจากรถเขาก็ถูกส่งไปที่ห้องผ่าตัดในทันที
มู่ซีซีทำได้เพียงแค่ยืนรออยู่นอกหน้าห้องผ่าตัดเท่านั้น
สายตาของเธอจ้องไปที่ประตูห้องผ่าตัดตาไม่กะพริบ เพราะความกังวลใจทำให้เธอนั่งไม่ติด มู่ซีซีเดินวนเวียนไปมาที่ทางเดินหน้าของห้องผ่าตัดด้วยความกระวนกระวายใจ