รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ - บทที่ 418 มีเซอร์ไพรส์ใหม่
ลู่เฉิงฮ่าวมีความประทับใจเล็กน้อยเกี่ยวกับลั่วเสี่ยวชิง เพราะว่าลั่วเสี่ยวชิงนั้นเป็นชื่อที่ไพเราะ ดังนั้นในตอนนั้นลู่เฉิงฮ่าวจึงจำลั่วเสี่ยวชิงได้ในทันที เมื่อได้ยินจี้หลิงชวนพูดเช่นนั้น เขาจึงตอบกลับว่า “งั้นก็ดี อย่างไรก็ตามทางฉันก็กำลังหาล่ามแปลภาษา งั้นแกก็ลองไปคุยกับลั่วเสี่ยวชิงดูแล้วกัน ลองดูว่าบ่ายวันนี้เธอว่างหรือเปล่า หากว่าว่างแกก็ลองให้เธอมาหาฉันและสัมภาษณ์งานก็แล้วกัน”
เมื่อจี้หลิงชวนได้ยินว่าลู่เฉิงฮ่าวตกลง และรู้ว่าถ้าลู่เฉิงฮ่าวตกลงที่จะให้สัมภาษณ์ เรื่องนี้ก็น่าจะประสบความสำเร็จถึง 80%
เขาจึงตอบกลับว่า “โอเค เดี๋ยวฉันจะแจ้งเธอเลย”
หลังจากเสร็จสิ้นการสนทนากับลู่เฉิงฮ่าว จี้หลิงชวนก็เดินออกจากห้องทำงานและเดินไปยังห้องนอนของเด็กน้อย จากนั้นเขาก็เห็นมู่ซีซีกำลังค่อยๆเดินออกจากห้องนอนของเด็กน้อย
จี้หลิงชวนเหลือบมองเข้าไปในห้องเด็กและเห็นว่าลูกชายคนเล็กของเขาหลับไปแล้ว
เด็กแรกเกิด ใช้เวลานอนมากกว่าเวลาตื่น
จี้หลิงชวนมีเรื่องงานอยากจะพูดคุยกับมู่ซีซี ขณะที่ครุ่นคิดเขาก็เอื้อมมือไปคว้าข้อมือเล็กๆของมู่ซีซีไว้ เขาดึงแขนมู่ซีซีและพาเธอกลับมายังห้องนอน ทันทีที่ประตูปิดลง มู่ซีซีมองจี้หลิงชวนด้วยสีหน้าหมดคำจะพูดและเอ่ยว่า “เป็นอะไรไป? ลากฉันกลับมาที่ห้องอีกทำไม?”
จี้หลิงชวนใช้โอกาสนี้ดึงมู่ซีซีเข้ามาไว้ในอ้อมกอด เมื่อมองใบหน้าที่ยิ้มเยาะของมู่ซีซี จี้หลิงชวนรู้สึกเหมือนกับว่าหัวใจของเขานั้นกำลังถูกมู่ซีซีขีดข่วน คันยุบยิบ จี้หลิงชวนอดไม่ได้ที่จะก้มศีรษะและเอนกายไปข้างหน้า มอบสัมผัสจุมพิตที่ลึกซึ้งและหนักหน่วงให้แก่มู่ซีซี
สำหรับเรื่องการจูบมู่ซีซีนั้น เหมือนกับว่าจี้หลิงชวนจะทำกี่ครั้งต่อกี่ครั้งเขาก็ไม่มีวันเบื่อ
มู่ซีซีที่ถูกจี้หลิงชวนจูบนั้นแทบจะขาดอากาศหายใจ เธอไม่สามารถรับพลังงานที่เหลือล้นของจี้หลิงชวนได้ เธออดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปและผลักหน้าอกของจี้หลิงชวน หลังจากที่ผลักจี้หลิงชวนออกไป มู่ซีซีรีบสูดลมหายใจและจ้องมองจี้หลิงชวนพร้อมเอ่ยว่า “จี้หลิงชวน พูดมา มีเรื่องอะไรกันแน่?”
จี้หลิงชวนกระตุกริมฝีปาก เขากอดเอวมู่ซีซีไว้และเอ่ยว่า “ไม่ใช่ว่าเธอพูดเรื่องลั่วเสี่ยวชิงกับฉันเหรอ เมื่อกี้ฉันโทรหาลู่เฉิงฮ่าวแล้ว เขาตกลงแล้วด้วย เขาบอกว่าให้พวกเราไปแจ้งข่าวกับลั่วเสี่ยวชิง ในช่วงบ่ายนี้ก็ไปที่บริษัทลู่เฉิงฮ่าวเพื่อสัมภาษณ์ได้เลย”
เมื่อได้ยินคำพูดของจี้หลิงชวน ดวงตาของมู่ซีซีก็สว่างวาบขึ้นทันที เธอเอื้อมมือออกไปกอดคอของจี้หลิงชวนอย่างดีใจและพูด “จี้หลิงชวน คุณพูดจริงใช่ไหม? หางานให้ลั่วเสี่ยวชิงได้แล้วจริงๆใช่ไหม?”
จี้หลิงชวนมองไปยังท่าทางดีใจของมู่ซีซี เขาอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มออกมา เขาแตะจมูกของมู่ซีซีพร้อมกับพูดว่า “ในเมื่อลู่เฉิงฮ่าวบอกว่าให้ลั่วเสี่ยวชิงไปสัมภาษณ์ นั่นหมายความว่าประสบความสำเร็จไปแล้ว 80% เหลือเพียงแค่ความสามารถของลั่วเสี่ยวชิง แล้วเรื่องนี้ก็จะผ่านไปได้ด้วยดี”
ลั่วเสี่ยวชิงเป็นเจ้าแห่งการเรียนรู้มาโดยตลอด ภาษาญี่ปุ่นนั้นเธอเรียนเก่งมาเสมอ การแปลล่ามนั้นเธอทำได้สบายอยู่แล้ว มู่ซีซีมีความมั่นใจในตัวลั่วเสี่ยวชิงมาก มู่ซีซีหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกมาอย่างดีใจและรีบพูดกับจี้หลิงชวนว่า “งั้นฉันไปโทรบอกเสี่ยวชิงก่อนนะ”
เมื่อจี้หลิงชวนเห็นว่ามู่ซีซีพูดจบและถือโทรศัพท์พร้อมกับกำลังจากจะไป เขาอดไม่ได้ที่จะหึงหวงขึ้นมา เขารีบเอื้อมมือไปคว้าเอวเรียวบางของมู่ซีซี หลายคนบอกว่าผู้หญิงจะมีน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้นเมื่อได้ตั้งครรภ์ แต่มู่ซีซีนั้นไม่เลย ร่างกายของเธอนั้นดูซูบผอมกว่าแต่ก่อนเสียอีก จี้หลิงชวนนั้นเห็นแล้วแทบปวดใจ
ตอนนี้จี้หลิงชวนกำลังกอดมู่ซีซีไว้ในอ้อมแขน เขามองมู่ซีซีและพูดว่า “ซีซี เรื่องลั่วเสี่ยวชิง ฉันจัดการให้เธอแล้ว แล้วเมื่อไหร่ฉันจะได้รับรางวัลอื่นๆที่เธอพูดไว้?”
มู่ซีซีมองดูความคาดหวังของจี้หลิงชวน เธอนึกขึ้นได้ถึงรางวัลที่เตรียมไว้ให้กับจี้หลิงชวน แก้มขาวนวลอดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย มู่ซีซีเหลือบมองจี้หลิงชวนและเอ่ย “ตอนนี้ยังไม่แน่ชัดไม่ใช่หรือ? รอให้เรื่องทุกอย่างเสร็จสิ้นก่อนค่อยพูด!”
มู่ซีซีผลักจี้หลิงชวนทันทีขณะที่เธอพูด จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์และรีบโทรหาลั่วเสี่ยวชิง
หลังจากที่ได้รับสายจากมู่ซีซีและได้ยินว่ามู่ซีซีแนะนำงานพาร์ทไทม์ให้กับเธอ ลั่วเสี่ยวชิงก็ตกใจมาก เมื่อฟื้นคืนสติ เธอรู้สึกตื้นตันใจเป็นอย่างมาก ลั่วเสี่ยวชิงไม่คาดคิดเลยว่าคำพูดที่เธอพลั้งปากพูดไปนั้นมู่ซีซีจะจดจำได้
และยิ่งกว่านั้น มู่ซีซีห่วงใยและจงใจช่วยเธอหางาน…
ภายในใจของลั่วเสี่ยงชิงนั้นตื้นตันและประทับใจเป็นอย่างมาก
ลั่วเสี่ยวชิงไม่ใช่คนประเภทปากไม่ตรงกับใจ เมื่อได้ยินมู่ซีซีพูดเช่นนั้น ลั่วเสี่ยวชิงไม่ปฏิเสธความหวังดีของมู่ซีซีและยังตอบรับอย่างตื้นตันใจ
ยิ่งไปกว่านั้น ในตอนนี้ลั่วเสี่ยวชิงก็ต้องการหางานอยู่แล้ว
ลั่วเสี่ยวชิงยังพูดอย่างติดตลกอีกว่าหากเธอได้งานนี้จริงๆ พรุ่งนี้เธอจะเชิญจี้หลิงชวนและมู่ซีซีไปทานข้าวด้วยกัน!
หลังจากที่วางสายกับมู่ซีซีแล้ว ลั่วเสี่ยวชิงก็ได้ตรวจดูตารางเรียนช่วงบ่ายนี้และปรากฎว่าบ่ายนี้เธอไม่มีเรียน ลั่วเสี่ยวชิงเก็บข้าวของทันทีและรีบสะพายกระเป๋าเดินออกจากโรงเรียน
มู่ซีซีได้ส่งที่อยู่บริษัทของลู่เฉิงฮ่าวให้กับลั่วเสี่ยวชิง
ลั่วเสี่ยวชิงเห็นที่อยู่บริษัทของลู่เฉิงฮ่าว หากจะขับรถไปที่นั่นใช้เวลาไปจากโรงเรียนประมาณสิบกว่านาที เพื่อประหยัดเงินลั่วเสี่ยวชิงจึงไม่ได้เรียกแท็กซี่ เธอตรงขึ้นไปนั่งรถบัส
ลั่วเสี่ยวชิงนั้นไม่ได้นัดหมายเวลาไว้ เธอจึงรีบไปยังบริษัท จากนั้นเธอพบว่าบริษัทของลู่เฉิงฮ่าวนี้เป็นบริษัทชั้นแนวหน้าของเมืองหรงอีกด้วย
ลั่วเสี่ยวชิงไม่รู้ว่าจะเจอลู่เฉิงฮ่าวได้อย่างไรและเธอไม่มีเบอร์ติดต่อลู่เฉิงฮ่าว ลั่วเสี่ยวชิงจึงเดินไปที่แผนกต้อนรับของบริษัทจากนั้นเธอเอ่ยอย่างสุภาพกับหญิงสาวที่แผนกต้อนรับว่า “สวัสดีค่ะ ฉันมาหาประธานลู่เฉิงฮ่าว”
ผู้หญิงที่แผนกต้อนรับมองตั้งแต่หัวจรดเท้าของลั่วเสี่ยวชิงอย่างไม่รู้ตัว “คุณได้นัดไว้หรือเปล่า?”
ลั่วเสี่ยวชิงคาดว่าเธอน่าจะได้นัดหมายไว้แล้ว…อย่างไรก็ตามลู่เฉิงฮ่าวเป็นคนบอกให้เธอมาในตอนบ่าย ขณะที่เธอครุ่นคิด เธอก็พูดกับพนักงานแผนกต้อนรับว่า “เอ่อ น่าจะนัดไว้แล้ว เขาเป็นคนบอกให้ฉันมาในตอนบ่ายนี้”
แม้ว่าผู้หญิงที่แผนกต้อนรับยังต้องการถามลั่วเสี่ยวชิง แต่เมื่อได้ฟังคำตอบของลั่วเสี่ยวชิงแล้วก็เกรงว่าจะกระทบต่อเวลาของธุระของประธาน ดังนั้นเธอจึงพูดกับลั่วเสี่ยวชิงอย่างลังเลว่า “งั้นได้โปรดรอสักครู่ ฉันจะโทรเช็คกับประธาน”
หญิงสาวที่แผนกต้อนรับโทรไปยังสายภายในบริษัท พนักงานต้อนรับไม่ได้รับอนุญาตให้โทรหาลู่เฉิงฮ่าวโดยตรง เธอโทรหาเลขาของลู่เฉิงฮ่าว
หลังจากที่ลู่เฉิงฮ่าวพูดคุยกับจี้หลิงชวนเสร็จแล้วเขาก็ได้ออกคำสั่งกับเลขาของเขาว่าในช่วงบ่ายนี้จะมีคนมาสมัครตำแหน่งล่าม
เมื่อหญิงสาวที่แผนกต้อนรับแจ้งข่าวไป เลขาก็นึกขึ้นได้ในทันทีและขอให้หญิงสาวที่แผนกต้อนรับพาเธอขึ้นมายังชั้น 11 และได้วางสายโทรศัพท์ไป