รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ - บทที่ 419 แม่ที่แปลกประหลาด
ลั่วเสี่ยวชิงเดินตามผู้หญิงที่แผนกต้อนรับและขึ้นลิฟต์ไปจนถึงชั้น11 จากนั้นเธอก็ถูกพามายังห้องประชุมเล็ก หญิงสาวที่แผนดต้อนรับหันศีรษะมาและเอ่ยกับลั่วเสี่ยวชิงว่า “คุณรอที่นี่สักครู่ อีกสักครู่จะมีคนเข้ามาสัมภาษณ์คุณ”
หลังจากอธิบายเสร็จ ผู้หญิงที่แผนกต้อนรับก็เดินจากไปและกลับไปยังแผนกของตน
ลั่วเสี่ยวชิงนั่งอยู่คนเดียวอย่างประหม่า นี่เป็นครั้งแรกที่เธอสมัครงานในบริษัทใหญ่ๆแบบนี้ เธอยังเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัย บริษัทขนาดใหญ่ส่วนใหญ่จะไม่รับนักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่
ดังนั้นบริษัทที่ลั่วเสี่ยวชิงทำงานพาร์ทไทม์จึงเป็นเพียงบริษัทเล็กๆ แต่ถึงแม้จะเป็นบริษัทขนาดเล็ก แต่เงินเดือนนั้นก็ยังดีกว่าการเป็นพนักงานเสิร์ฟอาหารในร้านอาหารนอกโรงเรียนเสียอีก
ดังนั้นในตอนนี้ลั่วเสี่ยวชิงรู้สึกกระวนกระวายเป็นอย่างมาก…เธอเกรงว่าเธออาจจะไม่ได้งานนี้เพราะคุณสมบัติไม่เพียงพอ
ลั่วเสี่ยวชิงนั้นว้าวุ่นเป็นอย่างมาก ในขณะที่ครุ่นคิด เสียงรองเท้าส้นสูงก็ดังขึ้นจากระยะไกลและใกล้เข้ามา
ทันทีที่ลั่วเสี่ยวชิงเงยหน้าขึ้น เธอเห็นหญิงสาวสวยสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวและกระโปรงทรงเอแบบมาตรฐานพร้อมการแต่งหน้าแบบบางเบาก้าวเข้ามา
ลั่วเสี่ยวชิงยืนขึ้นอย่างเร่งรีบและพูดกับหญิงสาวที่งดงามคนนั้นว่า “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อลั่วเสี่ยวชิงมาสมัครตำแหน่งล่ามค่ะ”
“สวัสดี ฉันเป็นเลขาของประธาน หลินอี้” เรื่องของลั่วเสี่ยวชิงนั้น ลู่เฉิงฮ่าวได้บอกกับหลินอี้ไว้แล้ว
จี้หลิงชวนโทรหาลู่เฉิงฮ่าวเป็นการส่วนตัว เรื่องเล็กๆนี้ลู่เฉิงฮ่าวจะต้องช่วยจี้หลิงชวนอยู่แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นในตอนนี้บริษัทของลู่เฉิงฮ่าวเองก็ขาดพนักงานตำแหน่งล่าม ดังนั้นลู่เฉิงฮ่าวจึงบอกกับหลินอี้ว่าตอนที่ไปสัมภาษณ์ลั่วเสี่ยวชิง ตราบใดที่ภาษาญี่ปุ่นของลั่วเสี่ยวชิงสามารถผ่านการทดสอบได้และสามารถรับผิดชอบหน้าที่การเป็นล่ามได้ก็ให้รับลั่วเสี่ยวชิงเข้ามาทำงาน
เดิมทีลั่วเสี่ยวชิงคิดว่าลู่เฉิงฮ่าวจะมาสัมภาษณ์ด้วยตัวเอง ก่อนหน้านี้ที่งานแต่งของมู่ซีซี ลั่วเสี่ยวชิงเคยเห็นหน้าของลู่เฉิงฮ่าว
ในตอนนั้นลั่วเสี่ยวชิงเป็นเพื่อนเจ้าสาว ลู่เฉิงฮ่าวเองก็น่าจะเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว
อย่างไรก็ตาม งานแต่งงานทั้งหมดนั้นยุ่งวุ่นวายเกินไป ลั่วเสี่ยวชิงและลู่เฉิงฮ่าวจึงไม่ได้มีการพูดคุยอะไรกัน
ความประทับใจเพียงอย่างเดียวของลั่วเสี่ยวชิงที่มีต่อลู่เฉิงฮ่าวคือเขาสูงโปร่งและผอมเพรียว ดวงตาสีพีชคู่นั้นยามเมื่อได้ยิ้มหรือหัวเราะช่างน่าหลงใหลเป็นอย่างมาก
ประธานบริษัทใหญ่อย่างลู่เฉิงฮ่าว ไม่จำเป็นต้องมานั่งสัมภาษณ์ตำแหน่งล่ามอย่างเธอ เมื่อคิดได้เช่นนี้ ลั่วเสี่ยวชิงก็ละทิ้งความสนใจไป จากนั้นเธอเผชิญหน้ากับหลินอี้อย่างจริงจัง
“ลั่วเสี่ยวชิงใช่หรือเปล่า นั่งลงก่อน” หลินอี้ดึงเก้าอี้ออกและนั่งลง เธอมองลั่วเสี่ยวชิงและถามคำถามสองสามคำถาม “ตอนนี้เธอเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยAใช่ไหม”
ลั่วเสี่ยวชิงนั่งอยู่ตรงข้ามหลินอี้ เธอพยักหน้าให้กับหลินอี้ “ใช่ค่ะ อีกหนึ่งปีฉันก็เรียนจบแล้ว”
หลินอี้พยักหน้าแล้วทดสอบภาษาญี่ปุ่นของลั่วเสี่ยวชิง
และผลลัพธ์ก็ผ่านไปได้โดยไม่มีปัญหาอะไร
หลังจากเสร็จสิ้นการทดสอบภาษาญี่ปุ่น หลินอี้จ้องมองลั่วเสี่ยวชิงและถามว่า “ลั่วเสี่ยวชิง ระดับภาษาญี่ปุ่นของคุณไม่มีปัญหาอะไร แต่ฉันมีเรื่องหนึ่งที่ฉันอยากจะยืนยันกับคุณ ในตอนนี้คุณเป็นนักศึกษามีเวลาอยู่เสมอใช่หรือเปล่า? เนื่องจากล่ามของบริษัทเราอาจต้องเดินทางไปทำงานที่ญี่ปุ่นกับประธานบริษัทของเราและบางครั้งก็จำเป็นต้องแปลในระหว่างการประชุมทางวิดิโอซึ่งเป็นเวลาที่ไม่แน่นอน”
วันนี้ที่ลั่วเสี่ยวชิงมาสมัครงานนั้นเธอก็ต้องดูตารางเรียนของโรงเรียน
เนื่องจากตอนนี้ลั่วเสี่ยวชิงเป็นนักศึกษชั้นปี3 ปี4เธอต้องฝึกงาน ดังนั้นในปีนี้ลั่วเสี่ยวชิงจึงไม่มีคาบเรียนที่สำคัญมากนัก และวิชาเรียนส่วนใหญ่นั้นสามารถโดดเรียนได้ อย่างน้อยก็ทำงานล่วงเวลาในเวลากลางคืนและแยกแยะเนื้อหาของชั้นเรียนได้
ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาเรื่องเวลา ขณะครุ่นคิดลั่วเสี่ยวชิงก็อธิบายให้หลินอี้ฟังว่า “เนื่องจากตอนนี้ฉันอยู่ปี3 เวลาจึงมีเหลือเฟือ สำหรับเรื่องนี้จึงไม่มีปัญหา ฉันสามารถทำงานให้กับบริษัทได้ตลอดเวลา”
หลินอี้พยักหน้าด้วยความพึงพอใจหลังจากได้ยินคำตอบของลั่วเสี่ยวชิง จากนั้นเธอก็อธิบายขั้นตอนหน้าที่และเรื่องเงินเดือนให้กับลั่วเสี่ยวชิงได้ฟัง
มาตรฐานเงินเดือนที่หลินอี้กล่าวมานั้นเกินความคาดหมายของลั่วเสี่ยวชิง เพราะว่าเงินเดือนที่หลินอี้พูดมานั้นราวกับว่าเป็นเงินเดือนของพนักงานประจำ หนึ่งเดือน6,000 หยวนและยังไม่รวมค่าใช้จ่ายหากต้องไปทำงานนอกสถานที่
หากลั่วเสี่ยวชิงนั้นออกทำงานต่างจังหวัด ทางบริษัทก็ยังออกค่าใช้จ่ายต่างๆให้อีกด้วย
พูดได้เลยว่านี่มันเยี่ยมมาก ลั่วเสี่ยวชิงเซ็นสัญญากับหลินอี้และเธอยังบอกกับหลินอี้อีกว่าเธอสามารถเข้าบริษัทได้ตั้งแต่วันพรุ่งนี้
เมื่อลั่วเสี่ยวชิงเดินออกจากบริษัท เธอก็เริ่มหัวเราะอย่างโง่เง่า จากนั้นเธอรีบโทรบอกข่าวดีกับมู่ซีซีอย่างดีใจ
มู่ซีซีรับโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว ทันทีที่ลั่วเสี่ยวชิงได้ยินเสียงของมู่ซีซี เธอรีบกล่าวอย่างดีใจว่า “ซีซี ฉันมีข่าวดีจะบอก! เมื่อบ่ายฉันไปสัมภาษณ์มาแล้ว! ตอนนี้ฉันเซ็นสัญญาแล้ว พรุ่งนี้ฉันสามารถเริ่มงานได้เลย!”
เมื่อได้ยินเสียงที่มีความสุขของลั่วเสี่ยวชิง มู่ซีซีเองก็ดีใจและมีความสุขไปด้วยจากนั้นเธอรีบเอ่ยว่า “ได้ทำงานก็ดีมากแล้ว ยินดีด้วยลั่วเสี่ยวชิง อย่าลืมล่ะ ตอนนี้เธอติดหนี้อาหารมื้อใหญ่นะ”
มู่ซีซีพูดหยอกล้อ
เมื่อลั่วเสี่ยวชิงได้ยินเสียงที่สดใสนั้นเธอรีบโบกมือและพูดว่า “แน่นอนว่าไม่มีปัญหา ต้องเลี้ยงแน่ๆ รอให้เธอออกมาได้ พวกเราจะเลี้ยงมื้อใหญ่กันทันที!”
ทั้งสองพูดคุยและหัวเราะกันจากนั้นก็วางสายไป
ทันทีที่วางสายจากมู่ซีซี ยังไม่ทันที่โทรศัพท์จะเก็บกลับเข้ากระเป๋า โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นอีกครั้ง
ลั่วเสี่ยวชิงเหลือบมองไปที่หมายเลขโทรศัพท์ เป็นสายโทรศัพท์จากแม่ ลั่วเสี่ยวชิงเหลือบมองคำว่าแม่บนหน้าจอ คิ้วของเธออดไม่ได้ที่จะขมวดแน่น หลังจากที่รออยู่เป็นเวลานานกระทั่งสายโทรศัพท์ตัดไป ลั่วเสี่ยวชิงจึงกลับมามีสติอีกครั้ง ขณะที่เธอคิดจะเก็บโทรศัพท์กลับเข้าไปภายในกระเป๋า สายโทรศัพท์กลับดังขึ้นมาอีกครั้ง ปรากฎว่าก็ยังคงเป็นสายจากแม่ของเธอ
ลั่วเสี่ยวชิงขมวดคิ้วแน่นและกดรับสาย
ทันทีที่เธอวางโทรศัพท์แนบหู เสียงของแม่ลั่วก็ดังขึ้น “เสี่ยวชิง เกิดอะไรขึ้น ฉันโทรหาแกแต่ขึ้นว่าสายไม่ว่าง จากนั้นแกก็ไม่รับสาย เมื่อกี้แกคุยอยู่กับใคร?”
ลั่วเสี่ยวชิงอธิบาย “แม่ เมื่อกี้ฉันโทรคุยกับเพื่อน โทรเสร็จก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า สายแรกที่แม่โทรมาฉันไม่ได้ยิน”
หลังจากฟังคำอธิบายของลั่วเสี่ยวชิงแล้วน้ำเสียงของแม่ลั่วก็ดีขึ้นและพูดอีกว่า “เสี่ยวชิง พรุ่งนี้แกว่างหรือเปล่า? ป้าหวางที่อยู่บ้านถัดไปจะแนะนำบัดบอดให้กับแก เขาอายุ40ปี ถึงแม้จะแก่กว่ามาก แต่เขาก็มีบ้านในเมืองหรงและยังมีอำนาจด้วย เขาเปิดบริษัทของตัวเอง เปิดบริษัทเล็กๆ ไม่เลวเลยทีเดียว แม้ว่าจะเคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว แต่ก็คล้ายกับครอบครัวเรา หากว่าแกแต่งงานกับเขาแกจะได้ไม่ต้องทุกข์ทนและยากลำบากแล้วเขาก็มีลูกสาวคนหนึ่ง อายุ10ขวบ หากแกแต่งไปแล้วได้ลูกชาย พวกเขาจะต้องปฏิบัติกับแกดีอย่างแน่นอน”