รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ - บทที่ 420 หลังจากดื่มแล้วเกิดเรื่องใหญ่
- Home
- รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ
- บทที่ 420 หลังจากดื่มแล้วเกิดเรื่องใหญ่
เมื่อลั่วเสี่ยวชิงได้ยินเรื่องการนัดบอดอีกครั้ง ในตอนนั้นลั่วเสี่ยวชิงรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที
เหตุผลที่เธอไม่รับสายโทรศัพท์แม่ก็เพราะเหตุนี้
ในปีนี้ลั่วเสี่ยวชิงอายุเพียง 23 ปี แต่หลังจากลั่วเสี่ยวชิงจบมัธยมแม่ของเธอก็นัดบอดให้กับเธอเสมอ!
แม่ลั่วนั้นเรียนหนังสือมาไม่มากนักและแม่ลั่วนั้นมีความคิดที่ว่าผู้ชายจะต้องเป็นใหญ่ ในสายตาของแม่ลั่ว ลูกสาวน่ะไม่ช้าก็เร็วก็จะต้องแต่งงานและลูกสาวที่แต่งงานแล้วก็เหมือนการออกเรือนแล้วดังนั้นเด็กสาวในสายตาแม่ลั่วจึงไม่จำเป็นที่จะต้องเรียนมหาวิทยาลัย!
ยังไงก็ตามก็ต้องแต่งงานอยู่ดี จะเรียนไปทำไม เอาเงินที่เสียไปกับการเรียนของลั่วเสี่ยวชิงนั้นมาซื้อของให้ลูกชายตัวน้อยของเธอยังดีเสียกว่า
ดังนั้นเมื่อแม่ลั่วเห็นว่าลั่วเสี่ยวชิงสอบเข้ารับการศึกษาในมหาวิทยาลัย แม่ลั่วจึงอ้างว่าไม่มีเงินส่งให้ลั่วเสี่ยวชิงได้เข้าเรียนและยังแนะนำการนัดบอดให้กับลั่วเสี่ยวชิงตอนเธออายุเพียง20ปี
ในตอนนั้นแม่ลั่วไม่อยากให้ลั่วเสี่ยวชิงเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย แต่ใครจะรู้ว่าลั่วเสี่ยวชิงนั้นมีความพยายามเป็นอย่างมาก เมื่อแม่ลั่วไม่ให้เงินเธอ เธอจึงใช้ประโยชน์จากช่วงปิดเทอมฤดูร้อนเป็นหญิงสาวทำงานพาร์ทไทม์ งานนั้นยุ่งตั้งแต่เช้ากระทั่งค่ำแทบไม่มีเวลานอนเลย ภายในเวลาหนึ่งเดือนก็เพียงพอแล้วที่จะมีเงินสำหรับจ่ายค่าเทอม
ลั่วเสี่ยวชิงนั้นนำเงินตัวเองไปและยืนกรานจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัย แม่ลั่วนั้นไม่ขัดใจลั่วเสี่ยวชิง แต่เธอกล่าวอย่างโหดร้ายว่า หากลั่วเสี่ยวชิงเข้ามหาวิทยาลัย ภายในสี่ปีนี้ แม่ลั่วจะไม่ให้เงินลั่วเสี่ยวชิงเลยสักบาทเดียว
ดังนั้นตั้งแต่ลั่วเสี่ยวชิงเข้ามหาวิทยาลัย นอกเหนือจากเวลาเรียน เธอก็เอาแต่ทำงาน
ในช่วงระยะเวลานั้นมีอยู่ช่วงหนึ่ง เพราะน้องชายของลั่วเสี่ยวชิงเกลี้ยมกล่อมแม่ของลั่วเสี่ยวชิงว่าเธอยังเด็ก ยังไม่รีบร้อนหาคู่ ในช่วงเวลานั้นแม่ลั่วจึงหยุดไปช่วงหนึ่ง
แต่ในช่วงเวลานี้ ดูเหมือนว่าแม่ลั่วกำลังวางแผนที่จะส่งน้องชายของลั่วเสี่ยวชิงไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ
ไปเรียนต่อต่างประเทศต้องใช้เงินจำนวนมาก ครอบครัวลั่วไม่มีเงินมากขนาดนั้น แม่ลั่วจึงใช้ความคิดของเธอที่ว่าหากลั่วเสี่ยวชิงได้แต่งงาน เธอก็จะได้รับสินสอดทองหมั้น ดังนั้นในช่วงเวลานี้เธอจึงเริ่มโทรหาลั่วเสี่ยวชิงอยู่บ่อยครั้งและคอยบังคับให้ลั่วเสี่ยวชิงไปนัดบอด
สองสามครั้งก่อนนี้ ลั่วเสี่ยวชิงไม่อาจเลี่ยงได้ เธอจึงยอมไปตามคำสั่งของแม่
สรุปอีกฝ่ายเป็นชายวัยกลางคนที่อยู่ในวัยสี่สิบ เขาแก่กว่าลั่วเสี่ยวชิงถึงยี่สิบปี และอีกฝ่ายแต่งงานมาแล้วสองครั้งและเหตุผลของการหย่าร้างแต่ละครั้งก็เพราะผู้ชายนอกใจ
สามารถบอกได้เลยว่าการนัดบอดนั้นไม่ใช่เรื่องดี ดีอย่างเดียวก็คือมีเงิน
ตั้งแต่ครั้งก่อนที่แม่ลั่วโทรมาบอกให้ลั่วเสี่ยวชิงไปนัดบอด ลั่วเสี่ยวชิงก็ไม่อยากรับสายและพยายามหาเหตุผลเพื่อเลี่ยงที่จะไม่ไป
เรื่องสำหรับเรื่องนี้ ในตอนนี้ลั่วเสี่ยวชิงก็ค้นพบข้ออ้างที่จะย้ายออกจากบ้านได้แล้ว
แม่ลั่วที่ยังคงพูดอยู่ในปลายสายโทรศัพท์ ลั่วเสี่ยวชิงยกมือขึ้นและกุมขมับที่กำลังปวดอยู่พร้อมกับพูดขัดบทสนทนาของแม่มู่ว่า “แม่ พรุ่งนี้หนูต้องไปหางานพาร์ทไทม์ ต้องไปทำงานแล้ว ไม่มีเวลากลับไป”
ทันทีที่เสียงของลั่วเสี่ยวชิงเบาลง แม่ลั่วก็ถอนหายใจอย่างไม่สบอารมณ์และเอ่ยอย่างไม่เกรงใจว่า “ทำงานอะไรของแก! เงินพาร์ทไทม์ของแกมันจะได้สักแค่ไหนกันเชียว! ลั่วเสี่ยวชิง แกเลิกรั้นกับฉันสักทีจะได้ไหม ฉันเป็นแม่แกนะ ฉันจะไปทำร้ายแกได้ไง? นัดบอดที่ฉันหามาให้แก ล้วนแต่เป็นคนมีเงินกันทั้งนั้น แกแต่งงานไปโดยไม่ต้องกังวลเรื่องกินเรื่องใช้เลย ไม่ต้องออกไปทำงานด้วยซ้ำ แกรับหน้าที่เป็นภรรยาและคลอดลูก แค่นั้นเอง แกมีอะไรไม่พอใจตรงไหน?”
ลั่วเสี่ยวชิงรู้สึกว่าหัวของเธอแทบจะระเบิด ลั่วเสี่ยวชิงเข้าใจดี เธอรู้ดีว่าในเรื่องนี้ แม่และเธอนั้นไม่มีวันที่จะลงรอยกันได้ ต่อให้พูดอะไรไปเท่าไหร่ก็ไร้ประโยชน์
ในสายตาของแม่ลั่ว ลั่วเสี่ยวชิงสามารถแต่งงานกับคนรวยได้แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว
แต่ในความคิดของลั่วเสี่ยวชิงนั้น ลั่วเสี่ยวชิงต้องการหาใครสักคนที่สามารถเติบโตไปพร้อมกับเธอได้
หากว่าไม่ใช่คนที่ลั่วเสี่ยวชิงชอบ ต่อให้เขาจะให้เงินกับลั่วเสี่ยวชิงมากมายแค่ไหน เธอก็ไม่มีทางแต่งงานกับเขา
หากว่าเป็นคนที่ลั่วเสี่ยวชิงชอบล่ะก็ แม้ว่าเขาคนนั้นจะยากจนและไม่มีเงินก็ตาม ลั่วเสี่ยวชิงก็เต็มใจที่จะทนต่อความยากลำบากกับเขาคนนั้น
อย่างไรก็ตามลั่วเสี่ยวชิงรู้อย่างชัดเจนว่าความคิดของเธอนั้นไม่อาจโน้มน้าวแม่ของเธอได้
ขณะที่คิด ลั่วเสี่ยวชิงขมวดคิ้วของเธอและพูดกับแม่ลั่วว่า “แม่ โทรศัพท์หนูไม่มีแบตแล้ว ไม่คุยแล้ว รอกลับบ้านแล้วหนูค่อยโทรไปนะ”
พูดจบ ลั่วเสี่ยวชิงไม่รอให้แม่ลั่วได้ตอบโต้อะไร ลั่วเสี่ยวชิงตัดสายในทันที แม่ลั่วก็มีความพยายาม เมื่อลั่วเสี่ยวชิงตัดสาย แม่ลั่วก็โทรหาเธออีกครั้ง และปรากฎว่าโทรศัพท์นั้นไม่สามารถติดต่อได้และทุกอย่างจึงสงบลง
เป็นเพราะสายโทรศัพท์จากแม่ลั่ว เรื่องราวการได้ทำงานและอารมณ์ที่ดีของลั่วเสี่ยวชิงก็พลันหายไปจนหมดสิ้น
ตอนนี้ลั่วเสี่ยวชิงรู้สึกอึดอัดอยู่ภายในใจ
ทันใดนั้น ลั่วเสี่ยวชิงเกิดความรู้สึกที่ไม่อยากจะกลับไปยังห้องเช่าขนาดเล็กนั่น
หากอยู่คนเดียว ความเศร้าภายในใจจะเพิ่มมากยิ่งขึ้น ตอนนี้ลั่วเสี่ยวชิงต้องการหาสถานที่ที่มีผู้คนจำนวนมากขึ้นเพื่อให้เธอมีอารมณ์ที่ดีขึ้น ในตอนนี้ลั่วเสี่ยวชิงอยากจะดื่มเหล้าเสียหน่อย
ว่ากันว่าเหล้านั้นสามารถย้อมใจได้ ลั่วเสี่ยวชิงนั้นคาดว่าหากเธอเมา ความเศร้าใจอาจจะจางหายไป
ภายในใจของเธอคิดเช่นนี้ ลั่วเสี่ยวชิงจึงทำเช่นนั้น ลั่วเสี่ยวชิงเรียกรถแท็กซี่และตรงไปที่ยังเส้นถนนที่มีบาร์มากที่สุดในเมืองหรง
ลั่วเสี่ยวชิงอายุ 23 ปี ในหมู่ญาติและเพื่อนๆลั่วเสี่ยวชิงเป็นเด็กดีมาโดยตลอด เป็นเด็กดีในสายตาของคณะครูอาจารย์ นี่เป็นครั้งแรกที่ลั่วเสี่ยวชิงมาบาร์
ลั่วเสี่ยวชิงเลือกร้านที่ดูสบายตาและเดินเข้าไป
หัวใจของลั่วเสี่ยวชิงนั้นทั้งหงุดหงิดและไม่รู้จะทำอย่างไร ทันทีที่เดินเข้าภายในบาร์ ลั่วเสี่ยวชิงก็เดินตรงไปที่บาร์ เหลือบมองที่บาร์เทนเดอร์ที่กำลังชงเหล้าอยู่และเอ่ยว่า “ขอไวน์ที่แรงที่สุดของคุณให้ฉันสักแก้ว”
บาร์เทนเดอร์นั้นรับคำสั่ง ไม่นานนักเขาก็ชงเหล้าแก้วหนึ่งและมอบให้กับลั่วเสี่ยวชิง
ลั่วเสี่ยวชิงถือแก้วไวน์และดื่มมันหมดในคราเดียว เสียงปึงดังขึ้น ลั่วเสี่ยวชิงวางแก้วลงบนโต๊ะ จากนั้นก็พูดกับบาร์เทนเดอร์อีกว่า “เอามาให้ฉันอีกสองแก้ว!”
เหล้านั้นขมมาก แต่เมื่อเหล้านั้นได้กลืนลงไปในลำคอของลั่วเชี่ยวชิงแล้วความรู้สึกหงุดหงิดภายในใจของลั่วเสี่ยวชิงนั้นลดลงมากจริงๆ
ลั่วเสี่ยวชิงดื่มเตกีลาสี่แก้วหมดภายในคราเดียว นี่เป็นครั้งแรกที่ลั่วเสี่ยวชิงดื่ม เธอดื่มอย่างรวดเร็ว หลังจากดื่มเตกีลาที่แรงที่สุดสี่แก้วแล้ว ลั่วเสี่ยวชิงก็รู้สึกได้ว่าภาพตรงหน้าของเธอในตอนนี้กำลังพร่ามัว
หัวของเธอนั้นหนักอึ้ง แต่ร่างกายของเธอราวกับว่ากำลังเลื่อนลอย
ลั่วเสี่ยวชิงส่ายหัวอย่างสุดแรง แต่ไม่สามารถทำให้ตัวเองนั้นได้สติมากขึ้น ตรงกันข้าม เธอรู้สึกว่าภาพตรงหน้าของเธอนั้นทำให้เธอเวียนหัวมากขึ้นยิ่งกว่าเก่าเสียอีก