รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ - บทที่ 429 ร่วมรับประทานอาหาร
ลู่เฉิงฮ่าวมองไปที่ใบหน้าเล็กๆไร้อารมณ์ของลั่วเสี่ยวชิงขมวดคิ้ว รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยอย่างอธิบายไม่ถูกและพูดกับลั่วเสี่ยวชิง”ไม่มีอะไรแล้ว ไปเถอะ”
ลั่วเสี่ยวชิงได้ยินคำพูดของลู่เฉิงฮ่าวและหันหลังออกจากห้องทำงานของประธานโดยไม่ลังเล
เมื่อลั่วเสี่ยวชิงกลับมาที่ห้องทำงานเล็กๆ ของเธอ เธอเห็นหลินอี้ตั้งหน้าตั้งตามองอยู่หลังโต๊ะด้วยท่าทางที่มืดมน เมื่อเห็นลั่วเสี่ยวชิงตาของหลินอี้ก็ก้มลงมองที่ร่างของลั่วเสี่ยวชิงและหลินอี้มองมาที่เธอขมวดคิ้วและพูดว่า”ลั่วเสี่ยวชิง เมื่อกี้คุณไปไหน? เธอไปไหนตั้งนาน!”
ลั่วเสี่ยวชิงไม่ต้องการให้คนอื่นรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์พิเศษของเธอกับลู่เฉิงฮ่าว เมื่อได้ยินคำพูดของหลินอี้ เธอระงับความรู้สึกผิดไว้ในใจและรีบพูดไป”เลขาหลิน ฉันเพิ่งจะไปห้องน้ำมา”
หลินอี้ฟังคำพูดของลั่วเสี่ยวชิงแล้วละสายตาจากลั่วเสี่ยวชิงและพูดกับลั่วเสี่ยวชิงว่า “เอาล่ะ ฉันรู้แล้ว คุณควรรีบแปลเอกสารสองสามฉบับแล้ว สักครู่จะต้องใช้มันในการประชุม”
“ค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว”ลั่วเสี่ยวชิงตอบและแปลอย่างรวดเร็ว
ไม่ง่ายเลยในที่สุดลั่วเสี่ยวชิงก็ทำงานเสร็จมองดูเวลากำลังจะเลิกงานในอีกห้านาที
ลั่วเสี่ยวชิงวางปากกาในมือลงแล้วลูบข้อมือที่ปวดเมื่อยจากการเขียน
พักแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาดูหน้าจอ เธอเห็นว่ามู่ซีซี่โทรหาเธอ เธอขมวดคิ้วสักพักก็หยุดฟังเสียงระฆังเลิกงาน ลั่วเสี่ยวชิงหลีกเลี่ยงการพบเจอลู่เฉิงฮ่าวทันทีที่ระฆังดังขึ้นลั่วเสี่ยวชิงรีบออกจากสำนักงานอย่างรวดเร็ว ลั่วเสี่ยวชิงวิ่งเร็วที่สุด ตลอดทางออกจากบริษัทเธอไม่เจอลู่เฉิงฮ่าว เธอถอนหายใจอย่างโล่งอก เห็นว่าโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าดังขึ้น
ลั่วเสี่ยวชิงหยิบออกมา ลั่วเสี่ยวชิงนึกว่าเป็นแม่ของเธอที่โทรหาเธอเพื่อบังคับให้เธอไปนัดหาคู่
เธอรีบรับสายของมู่ซีซีอย่างรวดเร็วและทันทีที่เธอวางโทรศัพท์แนบหูลั่วเสี่ยวชิงก็ได้ยินเสียงห่วงใยของมู่ซีซีดังขึ้น “ลั่วเสี่ยวชิง เธอไปทำงานหรือยัง? เป็นอย่างไรบ้าง? โอเคไหม?”
เมื่อฟังเสียงที่กังวลของมู่ซีซี หัวใจของลั่วเสี่ยวชิงก็อบอุ่น ลั่วเสี่ยวชิงรู้สึกว่าเธออาจจะสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างแต่ไม่สูญเสียเพื่อนที่ดีอย่างมู่ซีซี
ขณะที่ลั่วเสี่ยวชิงคิดก็ตอบอย่างรวดเร็ว “ไม่มีอะไรแล้ว เธอไม่ต้องกังวลแล้ว ฉันทำงานทั้งช่วงบ่ายแล้ว รู้สึกก็โอเค ฉันเพิ่งเลิกงานและเตรียมตัวจะกลับ”
เมื่อมู่ซีซีได้ยินสิ่งที่ลั่วเสี่ยวชิงพูดเธอรู้สึกโล่งใจ ในชั่วพริบตาเธอนึกขึ้นได้ว่าลั่วเสี่ยวชิงมาเล่นกับเธอที่บ้านเมื่อไม่กี่วันก่อน ตอนเธอกลับไปเพราะเป็นเวลาดึกแล้วจี้หลิงชวนจึงให้คนขับรถที่บ้านไปส่งลั่วเสี่ยวชิง หลังจากที่คนขับกลับมามู่ซีซีกังวลลั่วเสี่ยวชิงจึงถามคนขับ มู่ซีซีจึงได้รู้ว่าตอนนี้ลั่วเสี่ยวชิงเช่าบ้านอยู่ข้างนอกแล้ว
มู่ซีซีรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ในครอบครัวของลั่วเสี่ยวชิงแม่ของเธอมีทัศนคติที่ยกย่องลูกผู้ชายมากกว่าลูกผู้หญิงต่อลั่วเสี่ยวชิงตั้งแต่วัยเด็กหลังจากจบการศึกษามัธยม แม่ลั่วไม่เคยให้เงินลั่วเสี่ยวชิงสักแดงเดียวเลย
ลั่วเสี่ยวชิงเข้าเรียนที่วิทยาลัย เธออยู่บ้านเพราะเธอต้องประหยัดเงิน ตอนนี้ต้องมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นในบ้านลั่วเสี่ยวชิงถึงย้ายออกจากบ้าน
ขณะที่มู่ซีซีคิด เธอก็ยกประเด็นขึ้นมาอย่างกังวลว่า“เสี่ยวซิง วันที่คนขับพาส่งคุณกลับมาในวันนั้น ฉันจึงได้รู้ว่าคุณย้ายออกจากบ้านและคุณกำลังเช่าบ้านอยู่ข้างนอกด้วยตัวเองเหรอ?”
ลั่วเสี่ยวชิงย้ายออกจากบ้านไม่กี่วัน เธอต้องการหาโอกาสคุยกับมู่ซีซีแต่ช่วงนี้เธอยุ่งมาก วันนั้นเธอไปบ้านมู่ซีซีเพื่อเล่นกับอันอัน แต่ลั่วเสี่ยวชิงบังเอิญลืมบอกเรื่องนี้ไป ตอนนี้เมื่อลั่วเสี่ยวชิงได้ยินมู่ซีซีพูดถึงมันเธอก็จำขึ้นได้ทันที
ขณะที่ลั่วเสี่ยวชิงคิด เธอก็รีบตอบมู่ซีซีว่า “ใช่ ฉันเพิ่งย้ายออกจากบ้านเมื่อสองสามวันก่อน จริงๆฉันจะบอกเธอ แต่ปรากฎว่าฉันลืม…”
ตอนนี้ลั่วเสี่ยวชิงอาศัยอยู่ข้างนอกคนเดียว มู่ซีซีรู้สึกกังวลมากและพูดว่า “เสี่ยวชิง เย็นนี้เธอมีธุระอะไรไหม?”
ลั่วเสี่ยวชิงตอบอย่างรวดเร็ว “เย็นนี้ไม่มีธุระอะไร มู่ซีซีมีอะไรเหรอ?”
“ถ้าเธอไม่มีธุระอะไรก็มาทานอาหารเย็นกับเราเถอะ ฉันจะให้คนขับรถไปรับเธอ”
ลั่วเสี่ยวชิงรู้ว่ามู่ซีซีเป็นห่วงเธอ ลั่วเสี่ยวชิงมีเรื่องยุ่งเหยิงกับลู่เฉิงฮ่าวเมื่อคืนก่อนหน้านี้ก่อนที่แล้ว ตอนทำงานอยู่ที่บริษัทก็ยุ่งจนไม่มีเวลาคิดเรื่องวุ่นวายแต่ตอนนี้เลิกงานลั่วเสี่ยวชิงไม่ต้องการกลับไปที่อยู่บ้านเช่าเงียบๆเหงาๆคนเดียว
ขณะที่ลั่วเสี่ยวชิงคิดเธอถามด้วยความเกรงใจเล็กน้อย “ฉันมารบกวนคุณทุกวัน คุณชายจี้จะไม่ตำหนิฉันใช่ไหม”
ทันทีที่คำพูดหยอกล้อของลั่วเสี่ยวชิงเงียบลง มู่ซีซีตอบทันทีว่า “เขาไม่กล้าที่จะตำหนิคุณ ถ้าเขาไม่ชอบคุณ ฉันจะไม่ชอบเขา!”
เมื่อได้ยินคำพูดของมู่ซีซีในที่สุดลั่วเสี่ยวชิงก็มีรอยยิ้มบนใบหน้าที่ของเธอและรีบตอบ “เธอไม่ต้องให้คนขับมารับฉันเป็นพิเศษหรอก ฉันนั่งแท็กซี่ไปเองได้”
มู่ซีซีฟังข้อเสนอของลั่วเสี่ยวชิงทั้งสองก็พูดอีกสองสามคำแล้ววางสาย
ลั่วเสี่ยวชิงนั่งแท็กซี่และรีบไปหามู่ซีซี
บริษัทของลู่เฉิงฮ่าวและคฤหาสน์ของมู่ซีซีอยู่ในเขตเดียวกันห่างกันไม่ไกลและลั่วเสี่ยวชิงนั่งรถไปครึ่งชั่วโมงก็ถึงด้านนอกคฤหาสน์ของมู่ซีซี
ป้าหลิงยื่นรออยู่ข้างนอก เมื่อเห็นลั่วเสี่ยวชิงมาถึง ป้าหลิงก็รีบต้อนรับลั่วเสี่ยวชิงให้เข้าไป
เห็นมู่ซีซีและจี้หลิงชวนกำลังนั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ของคฤหาสน์อย่างใกล้ชิด จี้หลิงชวนยังคงอุ้มเด็กอันอันไว้ในอ้อมแขนของเขาในขณะที่มู่ซีซีกำลังล้อเลียนกับอันอัน
เห็นฉากความรักของทั้งคู่แล้ว หัวใจของลั่วเสี่ยวชิงก็สุขใจแทนมู่ซีซีแต่ก็แอบอิจฉาเล็กน้อยกับความรักที่แท้จริงของคนสองคนอย่างมู่ซีซีและจี้หลิงชวนอาจจะไม่มากในโลกนี้
ลั่วเสี่ยวชิงยังคงมึนงง เมื่อเห็นลั่วเสี่ยวชิงเข้ามามู่ซีซีรีบทิ้งให้จี้หลิงชวนเล่นกับลูกชายของเธออย่างมีความสุข เธอลุกขึ้นอย่างรวดเร็วจูงมือลั่วเสี่ยวชิงแล้วยิ้ม”เสี่ยวชิง ถ้าเธอไม่มา ฉันจะไปรับเธอด้วยตัวเอง”
จากนั้นก็ถามว่า “ทำงานเหนื่อยไหม? เธอหิวไหม? อาหารเย็นพร้อมแล้ว รอเธออยู่ ไปกันเถอะ ไปกินข้าวกันก่อน”
ขณะที่มู่ซีซีพูด ก็นึกถึงจี้หลิงชวนและอันอันได้พูดว่า “ไปเถอะ จี้หลิงชวนไปกินข้าวกันเถอะ”
อันอันอายุยังไม่เต็มเดือนและไม่สามารถกินอาหารสำหรับผู้ใหญ่ได้ มู่ซีซีรีบไปด้านข้างเพื่อบอกป้าหวางคนดูแลอันอันว่า “ป้าหวาง เธออุ้มอันอันไว้สักพักเถอะ รอฉันทานเข้าเสร็จจะมาช่วย”
ป้าหวางรีบรับอันอันจากอ้อมแขนของจี้หลิงชวนและอุ้มไว้ในอ้อมแขนของเธออย่างระมัดระวัง