รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ - บทที่ 438 จากไป
ลู่เฉิงฮ่าวโดนลั่วเสี่ยวชิงตบหน้า นี่เป็นครั้งแรกที่มีผู้หญิงตบหน้าเขา แต่ในใจเขากลับไม่รู้สึกโกรธอะไรเลย
สายตาทอดมองไปทางลั่วเสี่ยวชิงแล้วพูดซ้ำอีกครั้งว่า “ลั่วเสี่ยวชิง ขอแค่คุณตกลงว่าจะเป็นคู่นอนของผม คุณอยากได้อะไร ขอแค่ผมทำได้ผมจะตอบตกลงคุณทุกอย่าง”
ลั่วเสี่ยวชิงโกรธจนพูดอะไรไม่ออก ไม่รู้ว่าตัวเองเอาแรงมาจากไหน จึงออกแรงผลักลู่เฉิงฮ่าวตรงหน้าแรงๆ แล้วรีบวิ่งหนีออกไปจากห้องน้ำหญิง
พอกลับไปถึงที่ห้องทำงานตัวเอง เพิ่งเดินเข้าไป ลั่วเสี่ยวชิงจึงเจอหลินอี้ที่สีหน้าย่ำแย่ทันที
สายตาหลินอี้เอาแต่จ้องลั่วเสี่ยวชิง ตอนนี้สติลั่วเสี่ยวชิงกระเจิงไปแล้ว ไม่มีเวลาไปสนใจสายตาที่หลินอี้มองมาที่ตัวเอง
จากนั้นจึงเดินหลบหลินอี้ แล้วกลับไปนั่งลงที่ที่นั่งตัวเองอย่างมึนมัว
หลินอี้กัดริมฝีปากแน่น สายตาอดไม่ได้แล้วมองไปที่ริมฝีปากบวมแดงที่เพิ่งโดนจูบของลั่วเสี่ยวชิง
หลินอี้คิดไม่ถึงจริงๆว่าลั่วเสี่ยวชิงจะมีอะไรกับลู่เฉิงฮ่าว!
ลั่วเสี่ยวชิงนั่งพักบนที่นั่งไปครู่หนึ่ง เธอค่อยดึงสติกลับมาได้
ปฏิกิริยาแรกคือเธอจะอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้ ลั่วเสี่ยวชิงไม่อยากเกี่ยวข้องอะไรกับลู่เฉิงฮ่าว ไม่อยากโดนลู่เฉิงฮ่าวดักจูบที่ห้องน้ำอีก
จากนั้นลั่วเสี่ยวชิงจึงรีบเก็บของตัวเองแล้วพูดกับหลินอี้ว่า “เลขาหลินคะ ขอโทษนะคะ ฉันไม่ทำงานนี้แล้วค่ะ ฉันจะลาออก”
คำพูดเมื่อกี้ของลั่วเสี่ยวชิงเกินความคาดหมายของหลินอี้ หลินอี้จึงมองเธออย่างไม่อยากเชื่อ คุณชายลู่สนใจลั่วเสี่ยวชิงแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมตอนนี้ลั่วเสี่ยวชิงต้องอยากหลบหน้าคุณชายลู่ด้วย?
ลั่วเสี่ยวชิงถือว่าเจียมเนื้อเจียมตัว สีหน้าหลินอี้ค่อยดีขึ้นมาหน่อย
ตอนนี้เธออยากให้ลั่วเสี่ยวชิงไปจากบริษัทเดี๋ยวนี้เลย แต่ว่าเธอไม่ใช่เจ้าของบริษัท ถ้าลู่เฉิงฮ่าวไม่อนุมัติ หลินอี้ไม่กล้าเซ็นอนุมัติให้ลั่วเสี่ยวชิงลาออกหรอก
ขณะคิดหลินอี้จึงเอ่ยกับลั่วเสี่ยวชิงอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ถ้าเธอจะลาออกฉันอนุมัติเองไม่ได้ ต้องไปถามคุณชายลู่”
ตอนนี้ขอแค่ลั่วเสี่ยวชิงได้ยินชื่อลู่เฉิงฮ่าว ก็จะรู้สึกหวาดระแวงทันที ลั่วเสี่ยวชิงจึงรีบส่ายหน้าให้หลินอี้ทันที “ไม่ต้องบอกคุณชายลู่ก็ได้ค่ะ หนูไม่เอาเงินเดือน”
พูดจบลั่วเสี่ยวชิงก็เก็บของเสร็จพอดี เธอจึงรีบหอบของแล้ววิ่งหนีออกไปจากบริษัท
ไม่กี่นาทีก่อน ลู่เฉิงฮ่าวในห้องน้ำที่โดนผลักมองแผ่นหลังของลั่วเสี่ยวชิงที่วิ่งหนีไป จึงขมวดคิ้วแน่น เมื่อกี้เหมือนเขาทำให้เธอตกใจ
ลู่เฉิงฮ่าวจึงยกมือขึ้นมานวดขมับแล้วกลับไปที่ห้องทำงานตัวเอง นั่งไปครู่หนึ่ง ในหัวก็เอาแต่นึกถึงลั่วเสี่ยวชิงที่ขอบตาแดงเมื่อกี้
ลู่เฉิงฮ่าวจึงรู้สึกฟุ้งซ่านกว่าเดิม แล้วนั่งไม่ติดเก้าอี้ อดทนไปสักพัก สุดท้ายลู่เฉิงฮ่าวจึงทนไม่ไหวแล้วลุกขึ้น จากนั้นก็ก้าวเดินออกไปจากห้องทำงานผู้บริหาร
เพิ่งก้าวเดินออกจากห้องทำงานผู้บริหาร ลู่เฉิงฮ่าวจึงเจอหลินอี้ที่เดินออกมาจากห้องทำงานข้างๆพอดี ลู่เฉิงฮ่าวจึงขมวดคิ้วอดถามหลินอี้ไม่ได้ว่า “ลั่วเสี่ยวชิงล่ะ?”
หลินอี้ได้ยินลู่เฉิงฮ่าวถามแบบนี้ มือทั้งสองข้างจึงอดกำแน่นไม่ได้ พยายามควบคุมสีหน้าตัวเองไว้ จากนั้นหลินอี้ค่อยเอ่ยตอบว่า “คุณชายลู่คะ เมื่อกี้ลั่วเสี่ยวชิงเพิ่งไปจากบริษัทค่ะ เธอบอกว่าไม่เอาเงินเดือนแล้วไปเลยค่ะ”
ลู่เฉิงฮ่าวได้ยินหลินอี้พูดแบบนี้ สีหน้าจึงเข้มขรึมกว่าเดิม น้ำเสียงก็เยือกเย็นมากขึ้น “ไปนานหรือยัง? ทำไมไม่มาบอกผม?!”
“ไปได้ประมาณครึ่งชั่วโมงแล้วค่ะ……” น้ำเสียงของหลินอี้แฝงไปด้วยความน้อยใจ
ลู่เฉิงฮ่าวจึงยกมือขึ้นมานวดขมับที่กระตุก จากนั้นจึงเดินกลับไปที่ห้องทำงานตัวเอง
นั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงาน พอลู่เฉิงฮ่าวนึกถึงว่าไม่เอาแม้แต่เงินเดือนก็ไปเลยสีหน้าจึงเข้มขรึมมากกว่าเดิม
จากนั้นลู่เฉิงฮ่าวจึงชกหมัดลงที่โต๊ะทำงานแรงๆ
เวลาเดียวกัน อีกฝั่งพอลั่วเสี่ยวชิงออกจากบริษัทลู่เฉิงฮ่าวแล้ว ลั่วเสี่ยวชิงจึงกลับไปที่ห้องพักที่ตัวเองเช่าอยู่
ตอนที่ลั่วเสี่ยวชิงเดินเข้าไปในห้องน้ำแล้วเห็นขอบตาตัวเองแดง ริมฝีปากก็เริ่มบวมแดงเพราะโดนจูบมา
ลั่วเสี่ยวชิงจึงปิดตาตัวเองไว้ ในใจรู้สึกน้อยใจมาก น้ำตาก็ไหลลงมาอย่างควบคุมไม่ได้
สุดท้ายลั่วเสี่ยวชิงก็ร้องไห้จนทรุดลงไปนั่งกับพื้น ร้องไห้จนน้ำตาแห้ง นั่งจนขาเริ่มชา ลั่วเสี่ยวชิงค่อยยันผนังแล้วพยายามลุกขึ้นมา
มองตัวเองในกระจก ร้องไห้จนตาบวม จนตาแดงทั้งสองข้าง
ลั่วเสี่ยวชิงจึงรีบล้างหน้าด้วยน้ำเย็น ความบวมที่ดวงตากับริมฝีปากค่อยดีขึ้นมาหน่อย
ลั่วเสี่ยวชิงที่กลับไปถึงห้องนอนรู้สึกเหนื่อยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นอนอยู่บนเตียงแล้วห่มผ้าหนาๆ จากนั้นเธอก็หลับไป
จนกระทั่งสี่ทุ่มกว่า ลั่วเสี่ยวชิงค่อยตื่นเพราะหิว
หลับไปหนึ่งตื่น อารมณ์ของลั่วเสี่ยวชิงค่อยใจเย็นลงได้
อาจจะเพราะว่าหิว จึงทำให้เธอตั้งสติได้ทันที
ตอนนี้ลั่วเสี่ยวชิงไม่อยากออกไป จึงเดินไปค้นตู้เก็บของ จากนั้นจึงเจอบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
เธอไปต้นน้ำในห้องครัวแล้วเอามาต้มบะหมี่ พอกินบะหมี่เสร็จ กินจนอิ่มท้องแล้ว ลั่วเสี่ยวชิงค่อยถอนหายใจอย่างโล่งอก ตอนนี้อารมณ์คงที่แล้ว แต่ในใจเธอกลับอมทุกข์กว่าเดิม
ตอนนี้ลั่วเสี่ยวชิงเสียงานไปแล้ว ทำงานไปครึ่งเดือนแต่ไม่ได้เงินสักหยวน ทีแรกเธอยังตั้งตารออีกไม่กี่วันก็จะได้เงินเดือนแล้ว แต่ตอนนี้คงเป็นไปไม่ได้แล้ว
ลั่วเสี่ยวชิงเอากระเป๋าสตางค์ตัวเองออกมา แล้วหาเงินสดทั้งเนื้อทั้งตัวที่เหลืออยู่พอนับแล้วเหลือแค่สามร้อยหกสิบหยวน
จากนั้นลั่วเสี่ยวชิงจึงหาบัตรธนาคารออกมา แล้วเช็กดูยอดคงเหลือ แต่ในธนาคารก็เหลือแค่หนึ่งพันหยวน
ในนี้ยังมีเงินที่มู่ซีซีให้เธอด้วย
ค่าน้ำค่าไฟเดือนนี้น่าจะประมาณสามร้อย ยังต้องมีค่าใช้จ่ายทั่วไปอีก ตอนนี้ลั่วเสี่ยวชิงต้องรีบหางานใหม่ทำ ไม่งั้นเดือนหน้าคงไม่มีเงินจ่ายค่าเทอม
ขณะคิดลั่วเสี่ยวชิงจึงถอนหายใจ รู้สึกปวดหัวมากกว่าเดิม
ขณะคิดอยู่ๆโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างๆก็ดัง
ลั่วเสี่ยวชิงหยิบโทรศัพท์มาดู แม่ลั่วเป็นคนโทรมา
ลั่วเสี่ยวชิงนวดระหว่างคิ้ว แล้วหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นจึงกดรับสาย
โทรศัพท์เพิ่งวางลงข้างหู เสียงของแม่ลั่วจึงดังลอยมาว่า “ลั่วเสี่ยวชิง! พรุ่งนี้ลูกต้องกลับมาที่บ้าน”
“แม่คะ พรุ่งนี้หนูมีธุระ……” พรุ่งนี้ลั่วเสี่ยวชิงจะออกไปหางาน ลังเลไปครู่หนึ่งจากนั้นลั่วเสี่ยวชิงก็เอ่ยเสริมว่า “แม่คะ ถ้าพรุ่งนี้ที่บ้านไม่มีเรื่องสำคัญอะไร งั้นหนูคงไม่กลับไปนะคะ”