รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ - บทที่ 440 ความดื้อรั้นของแม่ลั่ว
ถึงแม้ลั่วเฉินชิงจะไม่รู้ว่าระหว่างคุณแม่กับพี่สาวเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ดูบรรยากาศที่อึมครึมของทั้งสอง ก็เดาได้แล้วว่าตอนนี้ระหว่างคุณแม่กับพี่สาวต้องมีปัญหากัน
ลั่วเฉินชิงจึงหันกลับไปมองลั่วเสี่ยวชิงอย่างไม่วางใจ
ลั่วเสี่ยวชิงไม่อยากให้ลั่วเฉินชิงรู้เรื่องพวกนี้ น้องชายของเธอดีขนาดนี้ แค่ตั้งใจเรียนแล้วไล่ล่าความฝันก็พอแล้ว ส่วนเรื่องนี้เธอจะเป็นคนแบกรับเอง
ขณะคิดลั่วเสี่ยวชิงจึงพยักหน้าเอ่ยกับลั่วเฉินชิงว่า “เฉินชิงน้องรีบไปเถอะ ตอนเย็นก็รีบกลับมานะ ระวังตัวด้วย อย่าบาดเจ็บล่ะ”
ลั่วเฉินชิงได้ยินพี่สาวพูดแบบนี้ ค่อยรู้สึกวางใจ จากนั้นจึงหยิบกระเป๋าออกไปเล่นบาสกับเพื่อน
ลั่วเฉินชิงเพิ่งออกจากบ้าน สีหน้าแม่ลั่วจึงเข้มขรึมทันที สีหน้าย่ำแย่มากกว่าตอนที่ลั่วเสี่ยวชิงเพิ่งเข้าบ้านสักอีก
สายตาแม่ลั่วมองกวาดลั่วเสี่ยวชิงแล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “ลั่วเสี่ยวชิง ถ้าไม่ใช่แม่บังคับลูกให้กลับมา ลูกก็จะไม่กลับมาใช่ไหม? ไม่อยากนับแม่เป็นแม่แล้วงั้นเหรอ?”
ลั่วเสี่ยวชิงฟังคำพูดที่เสียดสีของแม่ลั่ว จึงอดขมวดคิ้วไม่ได้ พร้อมเอ่ยกับแม่ลั่วว่า “แม่คะ หนูไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แค่งานยุ่งจริงๆค่ะ”
เสียงของลั่วเสี่ยวชิงเพิ่งจบลง แม่ลั่วจึงรีบเอ่ยว่า “ตอนนี้แม่ไม่สนหรอกว่างานลูกจะยุ่งแค่ไหน วันนี้ลูกกลับมาแล้ว ยังไงก็ต้องไปกินข้าวกับคนอื่น ถ้าคนอื่นพอใจลูก งานแต่งงานของลูกก็ถือว่าตกลงแล้ว”
“แม่คะ หนูไม่อยากแต่งงาน……” ลั่วเสี่ยวชิงยังพูดไม่ทันจบ ก็โดนแม่ลั่วพูดแทรกว่า “ลูกไม่อยากแต่งงานอยากทำอะไร? แม่บอกคนอื่นแล้ว ถ้าตกลงเรื่องงานแต่งแล้วก็เอาสินสอดมาให้แม่หนึ่งล้าน ถ้าลูกไม่อยากแต่งงานกับคนอื่นก็ได้ งั้นลูกก็เอาเงินหนึ่งล้านมาให้แม่สิ!”
“ถึงแม้เงินที่ลูกเรียนมหาลัยลูกจะหามาเอง แต่แม่เลี้ยงดูลูกมาสิบแปดปี สิบแปดปีเต็มๆ! แม่จะเอาแค่หนึ่งล้านคงไม่เกินไปหรอกมั้ง?!”
ขณะพูดน้ำเสียงแม่ลั่วจึงใจเย็นกว่าเดิม มองลั่วเสี่ยวชิงแล้วพูดอีกว่า “เสี่ยวชิง อีกอย่างแม่เป็นแม่แท้ๆของหนู แม่ไม่ทำร้ายลูกหรอก แม่เคยเจอเขาแล้ว เขาก็เป็นคนดี แค่อายุมากหน่อย มีลูกแล้วสองคน แต่ว่าเขาเป็นคนรวย ถ้าลูกแต่งงานไปต้องสุขสบายแน่นอน ไม่ต้องทำงานด้วย ยังไงก็ดีกว่าการที่ลูกไปทำงานงกๆไม่ใช่เหรอ?”
แม่ลั่วใช้ทั้งไม้แข็งไม้อ่อน ลั่วเสี่ยวชิงทำอะไรไม่ได้เลย สุดท้ายจึงต้องเงียบ
แม่ลั่วเห็นลั่วเสี่ยวชิงไม่มีอะไรจะพูด จึงคิดว่าเธอตกลงแล้ว สีหน้าจึงดีขึ้นมาหน่อย จากนั้นจึงมองสำรวจลั่วเสี่ยวชิงทั้งตัว แม่ลั่วจึงขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจทันที พร้อมชี้เธอ “ดูสิว่าลูกใส่อะไรเนี่ย? ทำไมถึงไม่แต่งหน้า! แต่งตัวแบบนี้จะได้ยังไง! คนอื่นเห็นสภาพมอมแมมแบบนี้จะชอบลูกได้ยังไง!”
วันนี้ลั่วเสี่ยวชิงใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวที่ซักจนเก่ากับกางเกงยีนสีซีด ไม่แต่งหน้าอะไรเลย แล้วเมื่อคืนเธอไม่ได้นอนดีๆด้วย ตอนนี้สีหน้าจึงไม่ค่อยดี ไม่มีชีวิตชีวาเลย ดูเหมือนเพิ่งตื่นอย่างนั้น แล้วผมก็ยุ่งเหยิงด้วย
แน่นอนลั่วเสี่ยวชิงจงใจให้เป็นแบบนี้เอง เธอรู้ว่าในเมื่อวันนี้กลับมาแล้ว ต้องไม่รอดจากการที่แม่ลั่วให้ไปดูตัวแน่นอน ลั่วเสี่ยวชิงขัดขืนไม่ได้ จึงพยายามทำให้ตัวเองดูโทรม แล้วให้ฝ่ายตรงข้ามไม่เอาเธอเอง
ลั่วเสี่ยวชิงกลับคิดไม่ถึงเลยว่า พอเมื่อกี้แม่ลั่วพูดจบแล้วก็หยิบกระเป๋ามาไม่สนใจเลยว่าลั่วเสี่ยวชิงจะต่อต้านแค่ไหนแล้วดึงเธอเดินออกไปจากบ้าน
ลั่วเสี่ยวชิงโดนแม่ลั่วลากไปที่ห้างสรรพสินค้า ครั้งนี้แม่ลั่วลงทุนมากเพื่อให้การดูตัวครั้งนี้สำเร็จ เมื่อก่อนแม่ลั่วจะเลือกซื้อแต่เสื้อผ้าที่ถูกที่สุดให้เธอ ไม่เคยสนใจว่าเธอใส่แล้วจะสวยหรือเปล่า พอดีหรือเปล่า
แต่ว่าครั้งนี้ แม่ลั่วกลับตั้งใจเลือกให้ลั่วเสี่ยวชิง เดินไปทั่วห้างค่อยซื้อชุดกระโปรงที่เข้ากับเธอได้ แค่กระโปรงตัวนี้แม่ลั่วก็เสียเงินไปพันกว่าแล้ว ตอนที่จ่ายเงินก็กัดฟันจำใจจ่าย
จากนั้นแม่ลั่วก็ซื้อรองเท้าส้นสูงประมาณห้าร้อยเพื่อให้เข้ากับชุด สุดท้ายลั่วเสี่ยวชิงก็โดนแม่ลั่วลากไปที่ร้านเสริมสวย ไปสระผมทำผมแล้วก็แต่งหน้าให้เธอด้วย
โครงหน้าของลั่วเสี่ยวชิงไม่ได้ขี้เหร่อยู่แล้ว ไม่ได้แต่งหน้าจัดมาก แต่กลับแต่งอ่อนๆแล้วรับกับใบหน้าเธอได้พอดี จึงทำให้เธอดูดีมีชีวิตชีวาขึ้นมาเลย
พอทำทั้งหมดแล้ว ลั่วเสี่ยวชิงก็เหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคนเลย
ลั่วเสี่ยวชิงตัวสูงอยู่แล้ว ชุดกระโปรงที่แม่ลั่วเลือกให้เธอก็เป็นกระโปรงรัดเอวสูง ชายกระโปรงคลุมเข่าเธอพอดี แล้วเปิดให้เห็นเรียวขายาวๆที่เพอร์เฟค
เรียวขาของลั่วเสี่ยวชิงสวยมากจริงๆ ทั้งเรียวทั้งเล็กทั้งขาว เทียบกับนางแบบระดับโลกได้เลย
ช่วงเอวของเธอ รัดให้เห็นเอวเล็กๆน่ากอดของเธอด้วย จึงเผยให้เห็นหุ่นที่เพอร์เฟคของเธอ
คอเสื้อเป็นคอกลม แต่ว่าคอเสื้อค่อนข้างต่ำ จึงโชว์ไหปลาร้าที่สวยงามของลั่วเสี่ยวชิงได้พอดี
กระโปรงเป็นสีครีมอ่อน สีครีมอ่อนขัดผิวให้ขาวอยู่แล้ว พอแต่งตัวแบบนี้ จึงทำให้ผิวขาวๆของเธอเด่นกว่าเดิม จนทำให้คนอื่นละสายตาไม่ได้
บวกกับภาพลักษณ์ลั่วเสี่ยวชิงที่ดูดีอยู่แล้ว พอแต่งหน้าแต่งตัวแบบนี้ ลั่วเสี่ยวชิงก็เลยเหมือนเดินออกมาจากปกนิตยสารอย่างนั้น
แม้แต่ช่างแต่งหน้าที่แต่งหน้าให้ลั่วเสี่ยวชิงก็อดพูดชมไม่ได้ว่า “คุณไม่ใช่นางแบบจริงๆเหรอคะ? เสียดายมากเลย ทั้งหุ่นทั้งภาพลักษณ์ของคุณเหมาะกับการไปเป็นนางแบบมากเลยค่ะ”
ลั่วเสี่ยวชิงจึงส่ายหน้ากับช่างแต่งหน้าอย่างทำตัวไม่ถูก พอแต่งหน้าเสร็จแล้ว แม่ลั่วจึงมองสำรวจเธอแล้วจ่ายเงินอย่างพอใจ จากนั้นก็ลากเธอออกไป
แม่ลั่วเห็นลั่วเสี่ยวชิงแต่งตัวดูดีแล้ว ในใจจึงรู้สึกพอใจมาก
ลูกสาวตัวเองออกไปสภาพแบบนี้ มีแค่ผู้ชายไม่กี่คนหรอกที่ไม่หวั่นไหว วันนี้เงินสามพันที่เสียไปกับลั่วเสี่ยวชิง เดี๋ยวถ้าตกลงเรื่องงานแต่งได้แล้ว ได้เงินก้อนหนึ่งล้านมาถึงมือ เธอไม่ขาดทุนเลย
ขณะคิดสีหน้าที่หม่นหมองของแม่ลั่วจึงหายไปทันที แล้วยิ้มเอ่ยกับลั่วเสี่ยวชิงว่า “ใกล้ถึงเวลาที่นัดกับคนอื่นแล้ว เราต้องรีบไปหน่อย ต้องไปถึงก่อนคนอื่น ห้ามสายเด็ดขาด”
ขณะพูดแม่ลั่วจึงรีบโบกแท็กซี่ ไม่รอให้ลั่วเสี่ยวชิงส่งเสียงพูด ก็ลากเธอเข้าไปในรถเลย