รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ - บทที่ 445 การสมคบคิดของคนสองคน
ลั่วเสี่ยวชิงพูดขึ้นพลางมองไปที่คุณแม่ซึ่งกำลังยุ่งอยู่ในครัวและพูดขึ้นว่า”แม่ค่ะ ตอนบ่ายหนูยังมีธุระที่จะต้องไปทำ หนูขอตัวไปก่อนนะคะ ”
ทันใดนั้น สายตาของคุณแม่ตระกูลลั่วก็ได้ชำเลืองไปมองที่ลั่วเสี่ยวชิง คุณแม่ยังคงรู้สึกไม่ค่อยสบายใจอยู่เล็กน้อย แต่ตอนนี้ลั่วเฉินชิงกลับมาแล้ว คุณแม่ตระกูลลั่วไม่กล้าบอกเรื่องนี้กับลั่วเฉินชิงรู้
เพราะถ้าหากว่าลั่วเฉินชิงรู้ว่าเงินที่จะให้เขาไปต่างประเทศ เป็นเงินที่ได้จากการบังคับให้พี่สาวของเขาแต่งงานกับชายอ้วนวัยกลางคนที่มีอายุราวๆสี่สิบปี ลั่วเฉินชิงจะต้องไม่ไปต่างประเทศอย่างแน่นอน
ดังนั้น คุณแม่ตระกูลลั่วจึงรู้ดีว่าวันนี้คงจะไม่มีโอกาสได้พูดถึงเรื่องนี้กับลั่วเสี่ยวชิงอีกแล้ว ในใจของเธอได้แต่ทำใจปล่อยให้มันผ่านไปก่อน เพราะไม่ว่ายังไงก็ยังมีวันหน้า และเมื่อได้ฟังน้ำเสียงของคุณหลิวดูก็รู้ว่าเขาชอบลั่วเสี่ยวชิงเอามากๆ ดังนั้น เวลานี้คุณแม่ตระกูลลั่วจึงไม่จำเป็นต้องรีบ เพราะไม่ว่ายังไงทุกปัญหาก็ต้องมีทางออกเสมอ
คุณแม่คิดไปพลางรีบตอบกลับลั่วเสี่ยวว่า “ไปเถอะ ๆ ไปทำธุระของแกเถอะ”
ลั่วเสี่ยวชิงถอนหายใจด้วยความโล่ง และก็ไม่ลืมที่จะสั่งให้ลั่วเฉินชิงตั้งใจเรียน จากนั้นเธอก็หันหลังกลับและเดินออกจากบ้าน
ลั่วเสี่ยวชิงขึ้นรถเมลกลับไปที่ห้องเช่าเล็กๆของเธอ พอเธอเข้าไปในห้องเธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียงทันที วันนี้เป็นเพราะเธอรู้สึกเหนื่อยมาก เธอจึงดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมหัว ลั่วเสี่ยวชิงหลับตาลงเธอได้ไม่นาน จากนั้นก็ผล็อยหลับไปจนถึงเช้า
เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อลั่วเสี่ยวชิงจัดของเสร็จ เธอก็ออกไปหางานทำทันที
เป็นเพราะในขณะนี้ลั่วเสี่ยวชิงยังเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยอยู่ แม้ว่าเธอจะไปหางานที่บริษัทใหญ่ๆหลายแห่งแต่ก็ถูกปฏิเสธอยู่ตลอด
ที่เหลือก็เป็นงานเสิร์ฟอาหารในร้านอาหาร
งานพวกนี้นอกจากจะเหนื่อยมากแล้ว เงินเดือนก็ยังไม่สูงอีกด้วย
แต่ในตอนนี้ลั่วเสี่ยวชิงรู้ดีว่าเธอไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว หากเธอเลือกมากๆอยู่อย่างนี้กลัวว่างานเสิร์ฟ งานล้างจาน ก็อาจจะไม่มีเหลือให้เธอทำอีกแล้วก็ได้
หากเป็นพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหาร ก็จะไม่มีเวลาว่างและไม่สะดวกสำหรับการที่ลั่วเสี่ยวชิง จะต้องไปเรียน สุดท้ายลั่วเสี่ยวชิงก็เลือกที่จะทำงานในบาร์แห่งหนึ่ง
งานที่บาร์จะเริ่มเปิดตอนตั้งแต่หกโมงเย็น โดยมีทั้งหมดสองกะ กะแรกตั้งแต่หกโมงเย็นถึงเที่ยงคืน และกะสองเริ่มเวลาเที่ยงคืนจนถึงหกโมงเช้า
กะล่ะหกชั่วโมง เธอก็พอยังมีเวลาว่างอยู่บ้าง
และหากเธอต้องขอลาหยุดก็ทำได้ไม่ยาก ถึงแม้ว่าลั่วเสี่ยวชิงจะมีเรียนในตอนกลางวัน มันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไร
แม้ว่าเงินเดือนจะน้อยไปหน่อย แต่ลั่วเสี่ยวชิงก็รู้สึกค่อนข้างพอใจกับงานนี้
บาร์เป็นบาร์ที่ถูกต้องตามกฎหมาย อีกทั้งเป็นที่รู้จักกันดีในเมืองหรง ดังนั้น ปัญหาเรื่องความปลอดภัย ลั่วเสี่ยวชิงจึงไม่รู้สึกเป็นกังวลเลย
นอกจากงานที่บาร์แล้ว ลั่วเสี่ยวชิงยังหางานพาร์ทไทม์อย่างอื่นทำอีกด้วย โดยเธอต้องไปสอนพิเศษให้กับนักเรียนมัธยมต้นในวันหยุดสุดสัปดาห์
โดยงานพาร์ทไทม์นี้ เธอได้รับการแนะนำจากรุ่นพี่
แต่ก่อนงานสอนพิเศษนักเรียนมัธยมต้นคนนี้เคยเป็นงานของรุ่นพี่ แต่เป็นเพราะรุ่นพี่เรียนจบในปีนี้พอดี ลั่วเสี่ยวชิงรู้จักและสนิทสนมรู้พี่คนนี้มาก ดังนั้นรุ่นพี่คนนี้จึงส่งต่องานให้กับลั่วเสี่ยวชิง
วันก่อนลั่วเสี่ยวชิงได้ไปพบผู้ปกครองของนักเรียนคนนั้น และผู้ปกครองของเด็กก็ค่อนข้างพอใจลั่วเสี่ยวชิงเป็นอย่างมาก
จึงได้ตกลงเรื่องงานนี้กันในทันที
และนอกจากนี้ ผู้ปกครองของเด็กเป็นคนที่ร่ำรวยและใจดี โดยทั่วไปค่าสอนพิเศษจะอยู่ที่ประมาณห้าสิบหยวนต่อชั่วโมง แต่ผู้ปกครองของครอบครัวนี้ให้เงินลั่วเสี่ยวชิงเจ็ดสิบหยวนต่อชั่วโมง โดยเรียนสองวันต่อสัปดาห์ เรียนเฉพาะช่วงเช้าวันล่ะสี่ชั่วโมง
ลั่วเสี่ยวชิงแอบคิดอยู่ในใจว่า ด้วยสองงานนี้ เธอสามารถทำเงินได้มากกว่าห้าพันหยวนต่อเดือน หากเธอประหยัดค่าอาหารลงนิดหน่อย โดยควบคุมรายจ่ายไว้ที่หนึ่งพันหยวนต่อเดือน ในทุกๆเดือนเธอก็จะสามารถเก็บสะสมเงินได้สี่พันหยวนต่อเดือน หากรอให้เธอเรียนจบในปีหน้า สถานการณ์การเงินของฉันจะต้องดีขึ้นกว่านี้เป็นแน่
เมื่อคิดได้อย่างนี้ลั่วเสี่ยวชิงก็เริ่มมีความกระตือรือร้นในการทำงานขึ้นมา
ในวันแรกของการทำงานในบาร์ ลั่วเสี่ยวชิงรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย แต่บาร์นี้ถือเป็นบาร์ที่ของมีราคาค่อนข้างสูง ลั่วเสี่ยวชิงพยายามทำงานรับผิดชอบหน้าที่ในการส่งเครื่องดื่มให้กับแขก ซึ่งเอาจริงๆแล้วมันก็ไม่ได้ลำบากมากมายอะไร
ทั้งคืนเธอเดินไปมาอย่างไม่หยุดหย่อน จนกระทั่งถึงเวลาเลิกงานตอนเที่ยงคืน ลั่วเสี่ยวชิงก็รู้สึกหอบเล็กน้อยจากความเหน็ดเหนื่อย
โชคดีที่บาร์อยู่ไม่ไกลจากบ้านเช่าของเธอ และการรักษาความปลอดภัยในที่สาธารณะของเมืองหรงก็นับว่าไม่เลว
ลั่วเสี่ยวชิงใช้เวลาเดินยี่สิบนาทีก็ถึงที่พักของเธอแล้ว
อันที่จริงการทำงานที่บาร์ในตอนแรกลั่วเสี่ยวชิงก็ค่อนข้างที่จะประหม่า แต่เธอก็ไม่คิดว่าวันแรกของการทำงานมันจะผ่านไปได้ด้วยดีแบบนี้ อย่างน้อยมันก็ทำให้ลั่วเสี่ยวชิงรู้สึกโล่งขึ้นมาได้บ้าง
ในคืนนี้เธอนอนหลับยาวยันถึงเช้า
ทางด้านลั่วเสี่ยวชิงนั้นถือว่าไปได้สวย ส่วนทางด้านคุณแม่ตระกูลลั่วก็ยังคงไม่ยอมแพ้เช่นกัน
ไม่เพียงแต่คุณแม่ตระกูลลั่วที่ไม่ยอมถอดใจ แม้แต่หลิวหยู่ก็ไม่ยอมถอดใจด้วย
หลิวหยู่มีผู้หญิงมากมาย แต่ก็ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่จะดูบริสุทธิ์ไร้เดียงสาและนิสัยดีเท่ากับลั่วเสี่ยวชิงเลย
ทุกครั้งที่หลิวหยู่นึกถึงลั่วเสี่ยวชิง เขาก็จะรู้สึกคันเนื้อคันตัวขึ้นมา !
ส่วนคุณแม่ตระกูลลั่วกลัวว่าหลิวหยู่จะลืมลั่วเสี่ยวชิง ดังนั้นเมื่อลั่วเฉินชิงไปโรงเรียนในวันจันทร์ คุณแม่ตระกูลลั่วก็รีบโทรไปหาหลิวหยู่ทันที
ทันทีที่มีคนรับโทรศัพท์ เสียงของคุณแม่ตระกูลลั่วก็ดังขึ้นในสาย“คุณหลิว ฉันคือแม่ของลั่วเสี่ยวชิงนะคะ”
เมื่อหลิวหยู่ได้ยินเขาก็แสยะยิ้มออกมาอย่างมั่นใจ “อ๋อ คุณป้าเหรอครับ ที่คุณป้าโทรมาวันนี้มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
“เหอะๆๆ เอ่อคือว่าฉันแค่อยากจะคุยกับคุณเกี่ยวกับเรื่องของเสี่ยวชิงสักหน่อย” คุณแม่ตระกูลลั่วหัวเราะแบบแห้งๆออกมา จากนั้นก็พูดต่อขึ้นว่า“คุณหลิว ไม่รู้ว่าคุณยังมีความรู้สึกพอใจกับเสี่ยวชิงของเราอยู่หรือเปล่า?”
เมื่อได้ยินคำถามนี้ขึ้นมา หลิวหยู่ก็ไม่ได้ปิดบังความตั้งใจของเขาเลยแม้แต่น้อย โดยหลิวหยู่พูดออกไปตรงว่า”ผมพอใจเสี่ยวชิงมากๆ ขอแค่เสี่ยวชิงเต็มใจ ผมก็สามารถที่จะหอบสินสอดไปที่บ้านของคุณได้ทันที”
เมื่อคุณแม่ตระกูลลั่วฟังคำยืนยันของหลิวหยู่อย่างนั้นแล้ว เธอก็คิดถึงเงินจำนวนหนึ่งล้านหยวนขึ้นมาด้วยดวงตาที่เป็นประกาย ไม่นานจากนั้นเธอก็รีบพูดขึ้นอีกว่า“คุณหลิว ตราบใดที่คุณพอใจเสี่ยวชิงของเรา เสียวชิงก็จะต้องพอใจด้วยอย่างแน่นอน!”
“คุณป้า แต่ผมคิดว่ามันจะไม่ใช่อย่างนั้นล่ะสิ เพราะวันนั้นที่เราเจอกัน ลั่วเสี่ยวชิงได้ปฏิเสธผมขึ้นมาในตอนนั้นเลย”หลิวหยู่กล่าวออกมาด้วยความทุกข์ใจ
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของหลิวหยู่ คุณแม่ตระกูลลั่วก็รู้สึกโมโหขึ้นมา เธอแอบด่าลั่วเสี่ยวชิง อยู่ภายในใจหลายต่อหลายครั้ง ก่อนที่จะพูดกับหลิวหยู่ต่อไปว่า ” คุณหลิว เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว เสี่ยวชิงของเรายังเด็กอยู่ เธอไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร ถ้าฉันค่อยๆพูดกับเธอเดี๋ยวทุกอย่างมันก็จะดีขึ้นเอง … ”
คุณแม่ตระกูลลั่วยังพูดไม่ทันจบ หลิวหยู่ก็พูดแทรกขึ้นมาว่า“คุณป้า เราก็โตๆกันแล้วมาพูดกันตรงๆดีกว่า ผมรู้สึกพอใจเสี่ยวชิงมากๆ แต่ผมคิดว่าเสี่ยวชิงเธอมีท่าทีปฏิเสธผมเป็นอย่างมาก ผมเกรงว่าคุณป้าจะไม่มีทางทำให้เสี่ยวชิงเห็นด้วยกับการแต่งงานครั้งนี้ได้”
เมื่อหลิวหยู่พูดออกมาเช่นนี้ คุณแม่ตระกูลลั่วก็รู้สึกอายเล็กน้อย
ลั่วเสี่ยวชิงเป็นลูกแท้ๆของคุณแม่ตระกูลลั่ว ลูกสาวของตัวเองเป็นอย่างไง คนเป็นแม่จะไม่รู้ได้ยังไงกัน เธอรู้ดีว่าถ้าหากต้องการให้ลั่วเสี่ยวชิงแต่งงานกับหลิวหยู่โดยสมัครใจ เธอก็จะต้องออกแรงทำอะไรสักอย่าง
แต่ถ้าจะให้คุณแม่ตระกูลลั่วเลือกที่จะยอมแพ้ เชอะ กลัวว่าคงจะไม่มีวันนั้น
คุณแม่ตระกูลลั่วยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิดขึ้นมาในหัวใจ ดังนั้น เธอจึงพูดขึ้นกับหลิวหยู่ด้วยน้ำเสียงที่ดูหมดหนทางว่า“คุณหลิว เสี่ยวชิงของเราเป็นคนที่ใจแข็งและดื้อรั้นมาก ในเรื่องการแต่งงาน ฉันคงจะทำอะไรกับเธอไม่ได้จริงๆ ไม่รู้ว่าคุณหลิวพอจะมีวิธีอะไรดีๆไหม?”