รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ - บทที่ 462: ปวดใจ
ในขณะที่คิดอยู่นั้นหลินอี้ก็ได้ตอบกลับพนักงานแผนกต้อนรับคนนั้นว่า:”โอ้ จริงเหรอ ตอนนี้ท่านประธานกำลังติดประชุมอยู่ และไม่ว่างไปพบคนชั้นต่ำแบบนั้นหรอก คุณรีบบอกให้ลั่วเสี่ยวชิงไสหัวออกจากที่นี่ไปเร็ว ๆเถอะ”
ในขณะที่พูดอยู่นั้นหลินอี้ก็หยุดอยู่ครู่หนึ่ง วินาทีต่อมาเธอก็พูดเสริมอีกประโยคหนึ่งว่า: “ใช่สิ วันหลังถ้ามีคนเช่นเธอแบบนี้มาติดต่ออีกพวกคุณก็อย่าให้เธอเข้ามาในบริษัทอีกเด็ดขาด และนี่เป็นบริษัทไม่ใช่ตลาดสดที่ใครๆก็สามารถเข้ามาก่อความวุ่นวายแบบนี้ได้!”
เมื่อได้ยินหลินอี้พูดเช่นนั้นพนักงานแผนกต้อนรับก็รีบตอบรับและกดวางสายทันที
ลั่วเสี่ยวชิงไม่ได้ยินสิ่งที่ทั้งสองคุยกันทางโทรศัพท์ เมื่อเห็นว่าพนักงานแผนกต้อนรับวางสาย เธอก็รีบถามพนักงานแผนกต้อนรับทันทีว่า :”ได้ความว่าอย่างไรบ้าง? ฉันสามารถไปเจอคุณชายลู่ได้ไหมคะ? ”
สีหน้าของพนักงานแผนกต้อนรับคนนั้นไม่ดีเท่าตอนที่ลั่วเสี่ยวชิงเดินเข้ามาก่อนหน้านั้น เธอเหลือบไปที่ลั่วเสี่ยวชิงส่ายหัวและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า: “ไม่ได้! ตอนนี้ท่านประธานของเราติดประชุมอยู่ ไม่มีเวลามาพบคนชั้นต่ำอย่างคุณหรอกค่ะ คุณรีบไปจากที่นี่เถอะค่ะ อย่ามาสร้างความเดือดร้อนให้เรา ต่อไปนี้ถ้าคุณไม่ได้นัดกับท่านประธานของเราไว้ก่อนล่วงหน้าก็อย่ามาเด็ดขาด ”
เมื่อลั่วเสี่ยวชิงได้ยินเช่นนั้นเธอก็รู้สึกหน้าชา เธอคาดไม่ถึงว่าเธอจะได้รับคำตอบแบบนี้
เธออดไม่ได้ที่จะมองไปที่พนักงานแผนกต้อนรับอีกครั้งพร้อมพูดว่า: “เอาแบบนี้ดีไหมคะ คุณลองช่วยฉันโทรสอบถามอีกสักครั้ง ฉันมีธุระเร่งด่วนกับคุณชายจี้จริงๆค่ะ ……”
ก่อนที่เธอจะพูดจบ พนักงานแผนกต้อนรับคนนั้นก็ขัดจังหวะคำพูดของลั่วเสี่ยวชิง: “ก็บอกคุณแล้วไงว่าให้รีบออกไปจากที่นี่ซะ! ท่านประธานของเราไม่ต้องการพบคุณค่ะ ไม่ต้องการพบคุณได้ยินไหม! คุณรีบไปซะเถอะ ถ้าหากคุณยังไม่ไปฉันจะเรียกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาเชิญคุณออกไปแล้วนะคะ”
ลั่วเสี่ยวชิงรู้สึกไม่ยอมแพ้และยังจะอธิบายต่อ พนักงานแผนกต้อนรับคนนั้นกรอกตาใส่ และจ้องไปที่ลั่วเสี่ยวชิงอย่างดุเดือดพร้อมพูดกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยว่า:“พวกคุณทั้งสองเชิญมาทางนี้หน่อยค่ะ ช่วยพาคุณผู้หญิงท่านนี้ที่ก่อความวุ่นวายในบริษัท ช่วยเชิญออกจากบริษัทด้วยค่ะ!”
ทันทีที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองได้ยินเช่นนั้นพวกเขาก็เดินเข้ามา และเพิกเฉยต่อคำอธิบายของลั่วเสี่ยวชิงพวกเขาได้ลากตัวลั่วเสี่ยวชิงออกจากบริษัททันที
วันนี้อากาศก็ไม่ดีอยู่แล้ว ตอนเช้ารู้สึกว่าฟ้ามืด อึมครึมตลอดทั้งวัน เวลานี้ด้านนอกเริ่มมีฝนโปรยลงมาแล้ว
ลั่วเสี่ยวชิงไม่ได้เตรียมอะไรมาเลย เธอถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยโยนทิ้งลงไปท่ามกลางสายฝน
ไม่นานสายฝนที่โปรยลงมาก็ทำให้ร่างกายของลั่วเสี่ยวชิงเปียกโชก
ลั่วเสี่ยวชิงกอดแขนของเธอด้วยมือทั้งสองข้าง เธอหนาวจนสั่นไปทั้งตัว
เธอยืนอยู่ท่ามกลางสายฝน และในหัวใจของเธอก็รู้สึกหนาวเหน็บอย่างมาก
ตอนนี้เธอไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว และถ้าหากเป็นไปได้เธอก็ไม่อยากมาหาลู่เฉิงเฮ่าเลยสักนิด
แต่เมื่อเธอนึกถึงน้องชายของเธอลั่วเฉินชิงที่นอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลแล้ว และถ้าหากตัวเองไม่ทำตามในสิ่งที่หลิวหยู่ต้องการแล้วล่ะก็ คนอย่างหลิวหยู่ที่วิกลจริตแบบนั้นเกรงว่าอาจกล้าลงมือทำอย่างนั้นขึ้นมาจริง ๆก็เป็นได้
ในขณะที่คิดอยู่นั้นลั่วเสี่ยวชิงเหลือบมองดูเวลาบนโทรศัพท์ ตอนนี้ก็เป็นเวลา 16:30 แล้ว อีกไม่นานลู่เฉิงเฮ่าก็จะเลิกงานแล้ว
ในเมื่อบริษัทของลู่เฉิงเฮ่าเธอไม่สามารถเข้าไปได้ ถ้าเช่นนั้นเธอก็จะรออยู่ที่นี่
เป็นไปไม่ได้ที่ลู่เฉิงเฮ่าจะอยู่ในบริษัทไปตลอดชีวิต
ในขณะที่คิดอยู่นั้นลั่วเสี่ยวชิงก็วิ่งเหยาะ ๆ ท่ามกลางสายฝนและเดินไปที่ถนนเส้นที่ต้องเดินผ่านเพื่อไปโรงจอดรถ
ลั่วเสี่ยวชิงยืนรอตรงถนนท่ามกลางสายฝนที่โปรยลงมาไม่หยุด
ไม่รู้ว่ารอมานานแค่ไหนแล้ว ลั่วเสี่ยวชิงแค่รู้สึกว่ายิ่งเธอยืนเธอก็ยิ่งรู้สึกหนาวอย่างมาก เพราะฝนตกหนักดวงตาของเธอไม่สามารถลืมตาได้แล้ว
โดยปกติแล้วลู่เฉิงเฮ่ามักจะเลิกงานห้าโมงเย็น แต่ในวันนี้ลู่เฉิงเฮ่ามีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องเคลียร์ จนกระทั่งเขายุ่งจนถึงห้าโมงครึ่งถึงจะเลิกงาน
ระยะนี้ลู่เฉิงเฮ่างานยุ่งมาก เขาใช้สมองจนเหนื่อยล้ามาก ดังนั้นเขาจึงขอให้คนขับรถ ไปขับรถยี่ห้อ Rolls-Royce Phantom ของเขามาให้เขา
ลู่เฉิงเฮ่าพิงเบาะหลังที่แสนสบาย หลังจากออกจากโรงรถได้เพียง 2 นาที ลู่เฉิงเฮ่าก็เห็นร่างที่คุ้นเคยผ่านหน้าต่างรถของเขา
แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแสงแวบเดียว แต่ร่างนั้นก็อยู่ในหัวใจของลู่เฉิงเฮ่ามานานมาก จนทำให้ลู่เฉิงเฮ่าจำได้ทันทีว่าคนคนนั้นคือลั่วเสี่ยวชิง
ข้างนอกฝนตกหนักขนาดนี้ เวลานี้ลั่วเสี่ยวชิงมาทำอะไรที่นี่?
อีกทั้งลู่เฉิงเฮ่ายังเห็นร่างบอบบางของลั่วเสี่ยวชิงเปียกโชกไปทั้งตัวจนออกอาการสั่นเทา!
ในขณะที่คิดอยู่นั้นลู่เฉิงเฮ่าขมวดคิ้วแน่น ในวินาทีต่อมาลู่เฉิงเฮ่าก็มองไปที่นั่งคนขับด้านหน้าทันทีพร้อมพูดกับคนขับรถว่า:“
ลุงเฉิงถอยรถกลับไปเดี๋ยว!”
ลุงเฉิงตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบสนอง และรีบถอยรถกลับไปทันที
จนกระทั่งลู่เฉิงเฮ่าตะโกนขึ้นว่า: “หยุดรถ!”
ทันทีที่เสียงของลู่เฉิงเฮ่าจบลง คนขับก็รีบเหยียบเบรกทันที ทันทีที่รถหยุดลู่เฉิงเฮ่าไม่ได้คำนึงว่าด้านนอกฝนจะตกหนักหรือไม่ เขารีบผลักประตูรถและลงจากรถทันที จากนั้นก้าวเดินไปทางที่ลั่วเสี่ยวชิงยืนอยู่
ลั่วเสี่ยวชิงเปียกโชกมาเป็นเวลานานเกินไป ตอนนี้เธอตัวแข็งทื่อเหมือนท่อนไม้แล้ว และแม้แต่ลู่เฉิงเฮ่ากำลังเดินเข้ามาหาเธอเธอก็ไม่ทันได้สังเกต จนกระทั่งข้อมือของลั่วเสี่ยวชิงถูกคว้าอย่างแรง ลั่วเสี่ยวชิงถึงได้สติกลับคืนมา และหันกลับกลับไปมองคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆเธอ
เมื่อเห็นว่าเป็นลู่เฉิงเฮ่า ใบหน้าเล็ก ๆ ที่ซีดเซียวของลั่วเสี่ยวชิงก็แสดงรอยยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว และริมฝีปากซีดเซียวของเธอก็ค่อยๆอ้าขึ้นเล็กน้อย เธอกำลังจะอ้าปากพูดแต่เธอก็ถูกลู่เฉิงเฮ่าขัดจังหวะด้วยน้ำเสียงโกรธ: “ลั่วเสี่ยวชิง! นี่คุณบ้าไปแล้วเหรอ! ฝนตกหนักขนาดนี้คุณมาตากฝนทำไม!”
ในขณะที่พูดอยู่นั้นลู่เฉิงเฮ่าจ้องไปที่ลั่วเสี่ยวชิงด้วยแววตาที่เยือกเย็น เขาไม่รอคำตอบของลั่วเสี่ยวชิง เขารีบเอื้อมมือออกไปคว้าข้อมือของลั่วเสี่ยวชิงอย่างรวดเร็วแล้วเดินไปทางที่รถจอดรออยู่
ลั่วเสี่ยวชิงตกตะลึงงันจนกระทั่งเธอถูกลู่เฉิงเฮ่าลากเข้าไปในรถ ลั่วเสี่ยวชิงก็เริ่มได้สติกลับมาอีกครั้ง
ลู่เฉิงเฮ่าสีหน้าเคร่งขรึมเย็นชาและไม่แม้แต่จะเหลือบมองลั่วเสี่ยวชิงเลย เขารีบพูดกับคนขับรถว่า:เปิดแอร์! ปรับอุณหภูมิให้สูงขึ้นอีกนิด!”
เมื่อลู่เฉิงเฮ่าลากลั่วเสี่ยวชิงเข้าไปในรถ เขาดึงข้อมือของลั่วเสี่ยวชิงและพบว่าข้อมือของลั่วเสี่ยวชิงเย็นอย่างมาก
คนขับตอบกลับอย่างรวดเร็วและรีบปรับแอร์ทันที พร้อมกับได้ยินลู่เฉิงเฮ่าพูดต่อว่า: “ขับรถกลับไปที่คฤหาสน์”
คนขับรีบสตาร์ทรถและขับออกไปทันที
ภายในบรรยากาศเงียบสงัดอยู่ชั่วขณะหนึ่ง และลั่วเสี่ยวชิงก็ได้สติกลับคืนมาแล้วเธอค่อย ๆหันไปมองลู่เฉิงเฮ่าอย่างระมัดระวัง ลั่วเสี่ยวชิงไม่ลืมว่าการที่ตัวเองมาที่นี้นั้นเพื่อต้องการมาขอความช่วยเหลือจากลู่เฉิงเฮ่า
แต่ตอนนี้เมื่อมองไปที่ใบหน้าที่เย็นชาของลู่เฉิงเฮ่าแล้ว ในใจของลั่วเสี่ยวชิงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกลังเลอีกครั้ง
ลั่วเสี่ยวชิงแอบคิดในใจ เธอกำลังนึกย้อนเหตุการณ์ที่ผ่านไปเมื่อครู่นี้นั้นตัวเองยังไม่มีโอกาสแม้แต่จะพูดกับลู่เฉิงเฮ่าเลยสักคำเดียว ก็ไม่รู้ว่าตัวเองนั้นไปทำให้ลู่เฉิงเฮ่าขุ่นเคืองตอนไหน ถึงทำให้ลู่เฉิงเฮ่าไม่สบอารมณ์ขนาดนี้
ลั่วเสี่ยวชิงคงคาดไม่ถึงว่าการที่ลู่เฉิงเฮ่ามีสีหน้าที่เย็นชาขนาดนี้ก็เพราะลั่วเสี่ยวชิงยืนตากฝนอยู่ข้างถนนอย่างโง่เขลาโดยไม่สนใจร่างกายของตัวเองเลยสักนิด!
ลู่เฉิงเฮ่าก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองแล้วเช่นกัน เขาแค่รู้สึกโกรธเคืองจนหายใจไม่ออก ยิ่งเมื่อตอนที่เขาเห็นลั่วเสี่ยวชิงเปียกโชกไปทั้งตัวและใบหน้าเริ่มซีดเซียวราวกับกระดาษสีขาว เขาก็รู้สึกไม่พอใจอย่างมาก