รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ - บทที่ 463: ขอร้องคุณช่วยฉันหน่อยได้ไหม
ลั่วเสี่ยวชิงหยุดชะงักครู่หนึ่ง เธอยังคงจำได้ว่าเธอต้องการขอความช่วยเหลือจากลู่เฉิงเฮ่า และในที่สุดเธอก็กัดริมฝีปากพร้อมจ้องมองไปที่ลู่เฉิงเฮ่าแล้วรวบรวมกล้าหาญ เธอทำลายบรรยากาศเงียบสงัดนั้นลงและพูดขึ้นว่า: “คุณชายลู่คะ เมื่อกี้นี้ที่ฉันยืนอยู่บนถนนนั้นเป็นเพราะฉันรอพบคุณอยู่……”
ลั่วเสี่ยวชิงตอบคำถามที่ลู่เฉิงเฮ่าถามเธอก่อนหน้านี้ว่าเธอมายืนตากฝนที่ริมถนนทำไม
ทันทีที่ลั่วเสี่ยวชิงพูดจบ เธอรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าใบหน้าที่เย็นชาของลู่เฉิงเฮ่าเมื่อสักครู่นี้ได้เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนมากขึ้น
เธอถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ทันใดนั้นลั่วเสี่ยวชิงก็เห็นลู่เฉิงเฮ่ากำลังจ้องมองมาที่เธออยู่ ในรถที่เงียบสงัดก็มีเสียงของลู่เฉิงเฮ่าดังขึ้น: “คุณมารอพบผมแล้วทำไมคุณถึงไม่รออยู่ข้างในบริษัทล่ะ?ใครให้คุณยืนรอบนถนนในวันที่ฝนตกหนักขนาดนี้ นี่คุณเป็นบ้าไปแล้วเหรอ?หรือคุณคิดว่าตัวเองนั้นมีอายุยืนยาวเกินไป?”
ทันทีที่ลู่เฉิงเฮ่าพูดจบ ดวงตาของลั่วเสี่ยวชิงก็เปลี่ยนเป็นแดงก่ำ เธอไม่ได้บ้า และไม่เคยคิดว่าตัวเองนั้นมีอายุยืนยาวเกินไป ถ้าหากไม่ใช่เป็นเพราะลั่วเสี่ยวชิงหมดหนทางแล้วล่ะก็ เธอก็ไม่อยากยืนตากฝนแบบนั้นหรอก
“ฉันได้เข้าไปหาคุณในบริษัทแล้ว แต่พนักงานแผนกต้อนรับได้โทรไปที่สำนักงานของท่านประธานแล้วได้คำตอบมาว่าคุณติดประชุมอยู่และไม่มีเวลามาพบฉัน”
เนื่องจากความหนาวเย็น น้ำเสียงของลั่วเสี่ยวชิงยังคงสั่นเทาเล็กน้อย
เมื่อลู่เฉิงเฮ่าได้ยินเช่นนั้นเขาก็ขมวดคิ้วอีกครั้ง เขารู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างมาก เขามองไปที่ลั่วเสี่ยวชิงแล้วพูดอีกครั้งว่า: “ส่งโทรศัพท์มาให้ผม”
เมื่อจู่ ๆลู่เฉิงเฮ่าพูดแบบนี้ก็ทำให้ลั่วเสี่ยวชิงตกตะลึงอย่างกะทันหัน หลังจากได้สติกลับคืนมา เธอก็รีบหยิบโทรศัพท์ออกมาจากในกระเป๋าด้วยความมึนงงและยื่นให้ลู่เฉิงเฮ่าทันที
โชคดีที่กระเป๋าของลั่วเสี่ยวชิงนั้นเป็นกระเป๋าหนังที่กันน้ำได้ และโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋านั้นก็ไม่เปียกฝน
ลู่เฉิงเฮ่าหยิบโทรศัพท์มือถือของลั่วเสี่ยวชิงขึ้นมา จากนั้นป้อนหมายเลขโทรศัพท์มือถือเสร็จแล้วกดบันทึก แล้วเขายื่นโทรศัพท์กลับไปไว้ในมือของลั่วเสี่ยวชิงและพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างว่า: “ต่อไปนี้ถ้าคุณมีธุระอะไรกับผมคุณก็โทรหาผมโดยตรงได้เลย! ”
“ค่ะ……”
ลั่วเสี่ยวชิงมองไปที่ลู่เฉิงเฮ่าด้วยความงุนงง
ลู่เฉิงเฮ่ามองไปที่ท่าทางที่น่าสงสารและเปียกโชกไปทั้งตัวของลั่วเสี่ยวชิง คิ้วของเขาก็ขมวดแน่นมากขึ้นไปอีก เขาทนไม่ไหวอีกต่อไปพร้อมพูดกับคนขับรถที่อยู่ด้านหน้าว่า: “เร่งความเร็วหน่อยครับ!”
คนขับรถที่อยู่ด้านหน้ารถเช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากของตัวเองอย่างลับ ๆ พร้อมทำตามคำสั่ง และรีบเร่งความเร็วของรถอย่างรวดเร็ว
เมื่อเปิดแอร์ในรถแล้วอุณหภูมิก็สูงขึ้น
หลังจากที่ลั่วเสี่ยวชิงนั่งอยู่ในรถไม่นาน ความรู้สึกที่เย็นยะเยือกบนผิวนั้นก็ลดลงเล็กน้อย
เธอรู้สึกว่ามันไม่ได้ทรมานเหมือนตอนที่ตากอยู่ในสายฝนขนาดนั้นแล้ว ลั่วเสี่ยวชิงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เธออดไม่ได้ที่จะเหลือบมองลู่เฉิงเฮ่าที่นั่งอยู่ข้าง ๆเธออีกครั้ง หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งลั่วเสี่ยวชิงก็กล่าวว่า: “คุณชายลู่คะ……ฉันมีอะไรอยากจะบอกคุณค่ะ ……”
ลั่วเสี่ยวชิงยังไม่ทันจะพูดจบเธอก็ถูกลู่เฉิงเฮ่าขัดจังหวะอย่างกะทันหัน: “ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคอขาดบาดตายยังไงผมก็ไม่อยากฟัง รอให้คุณได้เปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกโชนนี่ออกแล้วให้คุณรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นกว่านี้หน่อยแล้วค่อยมาคุยกับผม!”
เมื่อได้ยินลู่เฉิงเฮ่าพูดแบบนี้แล้ว ลั่วเสี่ยวชิงก็ไม่กล้าพูดอะไรต่ออีก ดังนั้นเธอจึงทำได้แต่นั่งอยู่เงียบ ๆอย่างเชื่อฟัง
โชคดีที่คนขับรถขับรถเร็ว เป็นเพราะวันนี้ฝนตกและบนถนนรถก็มีไม่มากนัก ดังนั้นใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงกว่าก็ถึงคฤหาสน์ของลู่เฉิงเฮ่าแล้ว
หลังจากที่ลั่วเสี่ยวชิงเดินตามลู่เฉิงเฮ่าลงจากรถแล้ว เธอพึ่งรู้สึกตัวว่าตัวเองนั้นได้ตามลู่เฉิงเฮ่ากลับมาที่คฤหาสน์ของเขาด้วยความงุนงง
ลั่วเสี่ยวชิงหยุดเดินชั่วขณะ หัวใจของเธอเต้นแรงถี่ขึ้นเรื่อย ๆอย่างควบคุมไม่ได้
เมื่อลู่เฉิงเฮ่ากำลังเดินก้าวไปข้างหน้าอยู่นั้นเขาก็เห็นว่าลั่วเสี่ยวชิงที่อยู่ด้านหลังเขายังคงยืนอยู่ที่เดิม คิ้วของเขาก็ขมวดแน่นขึ้นอย่างกะทันหันและเขาก็หันไปหาลั่วเสี่ยวชิงพร้อมพูดว่า: “คุณจะยืนโง่ ๆอยู่ตรงนั้นทำอะไร?รีบเดินตามผมมาสิ”
ลั่วเสี่ยวชิงยืนนิ่งและทนไม่ได้ที่จะขยับริมฝีปาก เธอกำลังคิดอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อลู่เฉิงเฮ่าเห็นท่าทางลังเลของลั่วเสี่ยวชิงแล้วเขาก็ขมวดคิ้วและพูดกับลั่วเสี่ยวชิงว่า: “นี่มันก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณมาที่นี่แล้ว คุณกลัวว่าผมจะกินคุณหรือยังไงกัน?!
ในเมื่อลู่เฉิงเฮ่าพูดขนาดนี้แล้ว แต่กลับเป็นลั่วเสี่ยวชิงเองที่รู้สึกเกรงใจจนพูดไม่ออก
ใบหน้าของลั่วเสี่ยวชิงก็เริ่มแดงระเรื่อด้วยความอาย ลั่วเสี่ยวชิงหรี่ตาแล้วรีบก้าวเดินตามหลังลู่เฉิงเฮ่าเข้าไปในคฤหาสน์ทันที
ทันทีที่ลู่เฉิงเฮ่าเข้าไปในคฤหาสน์ เขาก็รีบพูดกับป้าอวี๋ว่า: “ป้าอวี๋ครับ ช่วยพาเธอไปอาบน้ำและหาเสื้อผ้าที่สะอาดให้เธอเปลี่ยนหน่อยนะครับ ถ้าหากป้าอวี๋หาเสื้อผ้าใหม่ไม่ได้ป้าอวี๋ก็ไปเอาเสื้อผ้าในห้องของผมนะครับ”
เมื่อป้าอวี๋เห็นว่าทั้งลู่เฉิงเฮ่าและลั่วเสี่ยวชิงทั้งสองคนเปียกโชนไปทั้งตัวพร้อมรีบตอบรับทันที: “ได้ค่ะคุณชาย ”
ในขณะที่พูดอยู่นั้นป้าอวี๋ก็พาลั่วเสี่ยวชิงขึ้นไปบนคฤหาสน์และพาตรงไปยังห้องน้ำในห้องนอนสำหรับแขกทันที
ตัวของลู่เฉิงเฮ่าเองก็กลับไปที่ห้องนอนของตัวเอง อย่างไรก็ตามลู่เฉิงเฮ่าก็เปียกฝนเช่นกัน และเสื้อผ้าของเขาเปียกจนแนบเนื้อทำให้อึดอัดอย่างมาก!
หลังจากที่ลู่เฉิงเฮ่าอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วเดินออกจากห้อง เขาก็เห็นว่าลั่วเสี่ยวชิงก็เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเช่นกันและผมของเธอก็เป่าจนแห้งแล้วและเธอก็เพิ่งเดินออกมาจากห้อง
คราวที่แล้วยังโชคดีที่ป้าอวี๋เป็นคนฉลาด เมื่อลู่เฉิงเฮ่าขอให้ป้าอวี๋ออกไปซื้อเสื้อผ้าให้กับลั่วเสี่ยวชิงนั้น ป้าอวี๋ก็ซื้อเพิ่มอีกสองตัวเผื่อไว้ให้ลั่วเสี่ยวชิงเก็บไว้ในคฤหาสน์อีกด้วย และอีกทั้งนี่ก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่คุณชายจี้ของเราพาเขามาในคฤหาสน์ แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะรู้ว่าลั่วเสี่ยวชิงนั้นสำคัญต่อคุณชายจี้ของตัวเองมากขนาดไหนแล้ว มันเป็นไปได้ว่าคุณหนูลั่วคนนี้อาจจะมานอนค้างที่นี้อีก ถ้าไม่มีชุดเปลี่ยนนั้นคงไม่ได้อย่างแน่นอน
สิ่งที่ป้าอวี๋ได้คิดไว้ก่อนหน้านั้นมันถูกต้องทุกอย่าง และในเวลานี้เสื้อผ้าที่ซื้อเตรียมเอาไว้ก็ได้ใช้งานแล้วจริง ๆล่ะ
เมื่อเห็นแววตาของลู่เฉิงเฮ่าจ้องมองกระโปรงใหม่ที่ลั่วเสี่ยวชิงสวมใส่อยู่นั้น ป้าอวี๋รีบอธิบายทันทีว่า: “คุณชายคะ ก่อนหน้านั้นที่ไปซื้อเสื้อผ้าให้กับคุณลั่วป้าก็ได้ซื้อเผื่อไว้สองสามชุดเก็บไว้ในคฤหาสน์แล้วล่ะค่ะ ”
ลู่เฉิงเฮ่าพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ในใจกำลังคิดว่าป้าอวี๋ทำได้ดีมาก อืม ถึงเวลาที่จะต้องขึ้นเงินเดือนให้กับป้าอวี๋แล้วล่ะ
ลู่เฉิงเฮ่าไม่ทันได้สังเกตเห็นสีหน้าของลั่วเสี่ยวชิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เพราะสิ่งที่ป้าอวี๋เพิ่งพูดไปนั้น เดิมเธอมีใบหน้าที่ซีดเซียวก็เปลี่ยนไปแดงระเรื่อด้วยความเขินอายทันที
ลั่วเสี่ยวชิงกัดริมฝีปากของเธออย่างลับ ๆ และกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่อยู่ในหัวใจของเธอ เธอแอบหายใจเข้าลึก ๆ และรอให้ใบหน้าหายแดงเล็กน้อยจากนั้นก็รีบทำให้ตัวเองกลับมาเป็นปกติที่สุด แววตาของเธอจ้องมองไปที่ลู่เฉิงเฮ่าพร้อมพูดขึ้นว่า:”คุณชายลู่คะ ตอนนี้คุณว่างไหมคะ ? หากคุณว่างฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณหน่อยค่ะ”
ในครั้งนี้ลู่เฉิงเฮ่าไม่ได้ปฏิเสธลั่วเสี่ยวชิง เขาพยักหน้าขณะฟังและเดินตรงไปที่ห้องเก็บหนังสือด้านข้างพร้อมพูดกับลั่วเสี่ยวชิงที่อยู่ข้างหลังเขาว่า: “ไปคุยกันในห้องเก็บหนังสือดีกว่านะ”
ลั่วเสี่ยวชิงรีบเดินตามไป และทั้งสองก็เดินเข้าไปในห้องเก็บหนังสือ ทันทีที่ลั่วเสี่ยวชิงเอื้อมมือออกไปเพื่อปิดประตูห้อง ทันใดนั้นเสียงที่ไพเราะของลู่เฉิงเฮ่าก็ดังขึ้นในห้องที่เงียบสงบ: “พูดเถอะ ครั้งนี้คุณตั้งใจมาหาผมเป็นพิเศษคุณมีเรื่องอะไรอย่างนั้นเหรอ?”
ทันทีที่ลู่เฉิงเฮ่าพูดจบ ลั่วเสี่ยวชิงก็ก้มศีรษะลง หลังจากที่เธอรู้สึกลังเลใจอยู่นาน เธอก็กัดริมฝีปากของตัวเอง จากนั้นลั่วเสี่ยวชิงก็รวบรวมความกล้าที่จะพูดขึ้นว่า: “คุณชายลู่คะ ครั้งนี้ฉันมาหาคุณที่นี่เพื่อต้องการขอให้คุณช่วยเหลือฉัน ”