รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ - บทที่ 488 ความรักมาเยือนอย่างไม่รู้ตัว
ทีแรกลั่วเสี่ยวชิงคิดว่าตัวเองได้กลิ่นตัวหอมๆของลู่เฉิงฮ่าวจะนอนไม่หลับซะอีก แต่ว่าสุดท้ายกลับอยู่นอกเหนือความคาดหมายของเธอ
ลั่วเสี่ยวชิงนอนหลับอย่างรวดเร็วโดยมีกลิ่นตัวลู่เฉิงฮ่าวหอมๆล้อมรอบ
สุดท้ายลู่เฉิงฮ่าวเป็นคนมาปลุกลั่วเสี่ยวชิงให้ตื่นเอง
“ลั่วเสี่ยวชิง ถ้าเธอยังไม่ตื่น ยังนอนอยู่อีกจะถึงเวลาเลิกงานแล้ว”
มุมปากลู่เฉิงฮ่าวยิ้มอ่อน ใบหน้าที่หล่อเหลามีรอยยิ้มเอ็นดู แล้วยกมือขึ้นมาจับแก้มลั่วเสี่ยวชิง
ลั่วเสี่ยวชิงโดนลู่เฉิงฮ่าวจับแก้มแบบนี้จึงตื่นมาจากความฝัน ลืมตาขึ้นมาอย่างงัวเงียแล้วสบตากับแววตาที่มีรอยยิ้มของลู่เฉิงฮ่าว ลั่วเสี่ยวชิงจึงขยี้ตา แล้วหยิบโทรศัพท์มาดูเวลา
พอดูแล้วลั่วเสี่ยวชิงจึงได้สติทันที ความง่วงหายไปในพริบตา
ตอนนี้บ่ายสามกว่าแล้ว ลั่วเสี่ยวชิงเข้างานสายไปแล้วหนึ่งชั่วโมงกว่าๆ!!!
ลั่วเสี่ยวชิงค่อยนึกได้ว่าตอนที่ตัวเองนอนกลางวันเธอไม่ได้ตั้งนาฬิกาปลุก
จากนั้นจึงรีบลุกขึ้นนั่ง รีบหยิบเสื้อคลุมที่หัวเตียงมาใส่ พอใส่เสื้อคลุมเสร็จแล้วจึงหารองเท้ามาสวม
ลู่เฉิงฮ่าวที่ยืนดูอยู่ข้างๆมองลั่วเสี่ยวชิงที่รีบร้อนมุมปากจึงอดยิ้มไม่ได้ มองเธอแล้วพูดปลอบว่า “ไม่ต้องรีบไม่ต้องรีบ ฉันบอกผู้ช่วยหลินแล้ว เธอไปตอนนี้ไม่ถือว่าสาย”
ตอนที่ลู่เฉิงฮ่าวไม่พูดยังดีหน่อย พอตอนนี้พูดแบบนี้ ลั่วเสี่ยวชิงจึงหมดคำพูดมากกว่าเดิม……ในใจก็แอบด่าลู่เฉิงฮ่าว……ลู่เฉิงฮ่าวคิดอะไรเนี่ย……ยังช่วยไปบอกผู้ช่วยหลินอีก……บอกว่าตอนนี้เธอยังไม่ตื่นยังนอนอยู่ที่ห้องรับรองในห้องทำงานลู่เฉิงฮ่าว?
ลั่วเสี่ยวชิงรู้สึกว่าเธอไม่มีหน้าไปเจอผู้ช่วยหลินเลย!
ผู้ชายกับผู้หญิงอยู่ในห้องทำงานสองต่อสอง แถมลั่วเสี่ยวชิงยังหลับยาวไม่ออกไปอีก ถ้าผู้ช่วยหลินจะคิดลึกก็คงไม่แปลก!
ลั่วเสี่ยวชิงหมดคำพูดจนอดจ้องลู่เฉิงฮ่าวที่ยิ้มอยู่ไม่ได้ “ลู่เฉิงฮ่าว……ทั้งๆที่นายรู้ว่าฉันจะเข้างานสาย ทำไมนายไม่เรียกฉันล่ะ……”
ลู่เฉิงฮ่าวกอดอกแล้วเอ่ยกับเธอว่า “ฉันเรียกเธอแล้ว เมื่อกี้ฉันก็เป็นคนปลุกเธอ”
ลั่วเสี่ยวชิงได้ยินแล้วจึงมองบน พร้อมพูดกับลู่เฉิงฮ่าวอย่างหมดคำพูด “เมื่อกี้สายเป็นชั่วโมงแล้ว ทำไมนายไม่เรียกฉันให้เร็วกว่านี้……”
ความจริงเมื่อกี้ตอนที่เพิ่งถึงเวลางานลู่เฉิงฮ่าวเคยมาที่ห้องรับรองแล้ว แต่ว่าเห็นลั่วเสี่ยวชิงนอนสบายขนาดนั้น เขาจึงทำใจปลุกเธอไม่ได้ อยากให้เธอนอนอีกหน่อย
สุดท้ายลั่วเสี่ยวชิงกลับนอนต่อไปอีกหนึ่งชั่วโมงแล้วไม่ตื่นสักที ถ้าไม่ใช่เพราะลู่เฉิงฮ่าวกังวลว่าถ้าตอนเช้าเธอนอนเยอะเกินไปตอนดึกจะนอนไม่หลับ เขาก็คงไม่ปลุกเธอหรอก
ขณะพูดลั่วเสี่ยวชิงก็สวมรองเท้าเสร็จแล้ว จ้องลู่เฉิงฮ่าวอย่างหมดคำพูด แล้วรีบเดินออกไปจากห้องทำงานผู้บริหาร
ลั่วเสี่ยวชิงรีบกลับไปที่ห้องทำงานตัวเอง เพิ่งเปิดประตูเข้าไปจึงเห็นหลินอี้ที่นั่งหน้าเข้มอยู่บนเก้าอี้ทำงาน
พอสบตากัน แววตาที่หลินอี้มองลั่วเสี่ยวชิงจึงแฝงไปด้วยความเกลียด
ลั่วเสี่ยวชิงเซนซิทีฟกับสายตาคนอื่นอยู่แล้ว ถึงแม้หลินอี้จะปิดบังความเกลียดนั้นได้ดี แต่ลั่วเสี่ยวชิงก็รู้สึกได้
ลั่วเสี่ยวชิงจึงเม้มปากอย่างทำตัวไม่ถูก ยื่นอยู่หน้าประตูอย่างลนลาน แล้วพูดขอโทษหลินอี้ว่า “ผู้ช่วยหลิน ขอโทษนะคะ……ฉันเข้างานสาย……”
พอหลินอี้ได้ยินประโยคนี้จากลั่วเสี่ยวชิง จึงก้มหน้าปิดบังแววตาความอิจฉาจนจะเป็นบ้าของตัวเองไว้
มือบนตักก็กำปากกาไว้แน่น แน่นขึ้นเรื่อยๆ แน่นจนเกือบจะทำให้ปากกาหักอยู่แล้ว
ในใจหลินอี้เป็นบ้าไปแล้ว! ลั่วเสี่ยวชิงคนนี้ตอแยคุณชายลู่ในห้องทำงานในเวลางาน แถมอยู่ด้วยกันสองคนไปหลายชั่วโมงอีก เหมือนยัยลั่วเสี่ยวชิงอยากให้เธอรู้อย่างนั้นว่าตัวเองอยู่ในห้องทำงานลู่เฉิงฮ่าวแล้วทำอะไรมาบ้าง!
หลินอี้ไม่ยอม! ไม่ยอม! เธอกัดริมฝีปากแน่น จนกระทั่งได้กลิ่นคาวเลือดหลินอี้ค่อยรู้ว่าตัวเองกัดริมฝีปากจนได้แผล สายตามองลั่วเสี่ยวชิงแล้วพูดว่า “ลั่วเสี่ยวชิง ฉันเป็นหัวหน้าเธอ เพราะฉะนั้นไม่ว่าเธอจะเป็นใคร ในเวลาทำงาน ฉันจะปฏิบัติอย่างเท่าเทียม วันนี้คุณชายลู่ออกตัวแทนเธอ ฉันทำอะไรเธอไม่ได้ แต่ว่าฉันไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สองอีก เพราะทำงานก็คือทำงาน!”
ลั่วเสี่ยวชิงโดนหลินอี้ตำหนิแบบนี้ สีหน้าจึงเริ่มซีดขาว จึงรีบพยักหน้าว่า “ฉันทราบแล้วค่ะผู้ช่วยหลิน ต่อไปจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกค่ะ”
หลินอี้หัวเราะในลำคอจากนั้นจึงหันกลับไปดูอีเมลตัวเองต่อ
ลั่วเสี่ยวชิงเลยต้องก้มหน้าเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานตัวเอง
ไม่นานหลินอี้ก็หางานที่ไม่ใช่งานของลั่วเสี่ยวชิงมาให้เธอทำอีก
ลั่วเสี่ยวชิงรู้ว่าตัวเองทำผิดก่อน ตอนนี้ยิ่งพูดอะไรไม่ได้ จึงกัดฟันก้มหน้าก้มตาทำ
จนกระทั่งเลิกงาน ลั่วเสี่ยวชิงยุ่งจนไม่ได้ดื่มน้ำสักหยด
หลินอี้เห็นลั่วเสี่ยวชิงเชื่อฟังขนาดนี้ ไม่ได้ถอดใจกลับทำยิ่งกว่าเดิม!
ก่อนเวลาเลิกงานห้านาที หลินอี้อยากให้ลั่วเสี่ยวชิงทำงานต่อจนดึกในบริษัทคนเดียว แบบนี้ลั่วเสี่ยวชิงก็จะไม่มีเวลาไปยั่วยวนลู่เฉิงฮ่าว
แต่ว่าหลินอี้เพิ่งผุดความคิดนี้ขึ้นมายังไม่ได้ทำ เงาของร่างสูงจึงเดินมาที่หน้าห้องทำงานของหลินอี้กับลั่วเสี่ยวชิง
หลินอี้เห็นลู่เฉิงฮ่าวที่โผล่มาอย่างกะทันหัน ใบหน้าจึงมีรอยยิ้มทันที ไม่ทันได้ทักทายลู่เฉิงฮ่าว จึงเห็นสายตาลู่เฉิงฮ่าวไม่มองมาที่เธอเลย กลับมองไปที่ลั่วเสี่ยวชิงแทน
เห็นบนโต๊ะทำงานของลั่วเสี่ยวชิงมีกองเอกสารต่างๆมากมาย คิ้วของลู่เฉิงฮ่าวจึงขมวดแน่น ก้าวเดินไปตรงหน้าลั่วเสี่ยวชิง เห็นแค่เธอเอาแต่ก้มหน้าก้มตาทำงานไม่รู้ตัวเลยว่าเขามา บนใบหน้าลู่เฉิงฮ่าวจึงมีความไม่สบอารมณ์ แล้วจงใจยื่นมือไปเคาะโต๊ะทำงานของเธอ “นี่ ยุ่งอะไรอยู่ ทำไมบนโต๊ะถึงมีเอกสารเยอะขนาดนี้? เธอเป็นแค่ล่ามทำไมมีงานเยอะขนาดนี้?”
ลั่วเสี่ยวชิงได้ยินเสียงที่คุ้นเคยของลู่เฉิงฮ่าวดังขึ้นจึงหยุดงานในมือ เงยหน้ามองลู่เฉิงฮ่าว ยังไม่ทันได้เอ่ยพูด จึงได้ยินหลินอี้ที่อยู่ข้างหลังรีบเอ่ยว่า “คุณชายลู่ ขอโทษนะคะ……เอกสารพวกนี้ฉันเป็นคนให้ลั่วเสี่ยวชิงช่วยจัดการเองค่ะ……”