รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ - บทที่ 496 ถูกลักพาตัวแล้ว
เมื่อลั่วเสี่ยวชิงได้ยินหลินอี้พูดเช่นนั้นแล้ว เธอก็หันไปสบตากับหลินอี้ด้วยสายตาที่อ้อนวอน ลั่วเสี่ยวชิงไม่สามารถที่จะพูดปฏิเสธอะไรออกไปได้
เธอทำได้เพียงแค่พยักหน้าให้กับหลินอี้และพูดขึ้นว่า”ได้สิ คุณเลขาหลิน ฉันตกลงว่าฉันจะไปโรงพยาบาล”
เมื่อหลินอี้ได้ยินลั่วเสี่ยวชิงตอบตกลง บนใบหน้าของเธอก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาทันที หลินอี้รีบยื่นมือออกไปและดึงลั่วเสี่ยวชิงให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้พร้อมกับพูดขึ้นว่า “ลั่วเสี่ยวชิง คุณรีบไปโรงพยาบาลตอนนี้เถอะนะ เพราะอีกไม่กี่นาทีก็จะเลิกงานแล้ว”
หลินอี้มองไปที่ลั่วเสี่ยวชิงอีกครั้ง จากนั้นก็กำชับเธออีกว่า”มีอีกเรื่องหนึ่ง เสี่ยวชิง คุณต้องสัญญากับฉันนะ ว่าเรื่องที่ฉันขอให้คุณไปที่โรงพยาบาลในวันนี้ คุณจะต้องไม่บอกให้คุณชายลู่รู้ เพราะหากว่าคุณชายลู่รู้เรื่องนี้เข้า เขาจะต้องไล่ฉันออกอย่างแน่นอน”
เมื่อลั่วเสี่ยวชิงได้ฟังหลินอี้พูดถึงผลร้ายแรงที่จะตามมา เธอก็รีบพยักหน้าให้ตอบกลับหลินอี้โดยไม่ได้คิดอะไรมาก “ได้สิ คุณเลขาหลิน คุณไม่ต้องกังวลนะ ฉันจะไม่บอกเรื่องนี้กับคุณชายลู่หรอก”
เมื่อเห็นลั่วเสี่ยวชิงรับปากอย่างนั้นแล้ว หลินอี้ก็ยิ้มออกมาทันที จากนั้นก็รีบเดินพลางผลักลั่วเสี่ยวชิงออกไปจากห้องทำงาน
ลั่วเสี่ยวชิงถูกหลินอี้ลากลงมาตลอดทางจนกระทั่งถึงทางด้านล่างของอาคาร เมื่อลั่วเสี่ยวชิงรู้สึกตัวอีกที เธอก็ขึ้นมานั่งอยู่บนรถแท็กซี่แล้ว
เมื่อกี้หลินอี้ไม่เพียงแค่เดินออกไปส่งลั่วเสี่ยวชิงออกจากบริษัทด้วยตนเอง แต่หลินอี้ยังเรียกรถแท็กซี่มาด้วยตัวเองอีกด้วย
ลั่วเสี่ยวชิงมองไปที่คนขับรถแท็กซี่ซึ่งกำลังขับรถอยู่ทางด้านหน้า และเมื่อพบว่าคนขับรถแท็กซี่สวมหน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้าอยู่ หัวใจของลั่วเสี่ยวชิงก็เต้นแรงขึ้นมาอย่างผิดปกติ ลั่วเสี่ยวชิงนึกย้อนกลับไปถึงฉากที่หลินอี้ลงมาส่งเธอขึ้นรถด้วยตัวเอง ก็ไม่รู้ว่าทำไมลั่วเสี่ยวชิงถึงได้รู้สึกจิตใจไม่สงบ
ลั่วเสี่ยวชิงแอบสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อบังคับให้ตัวเองสงบลงอย่างรวดเร็ว และเมื่อเธอเห็นคนขับแท็กซี่เลี้ยวพวงมาลัยเข้าไปในซอยเล็กๆแยกจากถนนสายหลัก
ลั่วเสี่ยวชิงก็ขมวดคิ้วขึ้นมาในทันที เธอจ้องไปที่คนขับแท็กซี่ซึ่งนั่งอยู่ทางด้านหน้าและพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่ดูสงบนิ่งว่า “คุณคนขับ มาทางนี้จะไปที่ไหนกันคะ?”
คนขับรถตรงแถวหน้ายังคงขับรถต่อไปโดยไม่หันหลังกลับมามองลั่วเสี่ยวชิง และเขาก็พูดขึ้นอย่างเป็นกันเองว่า “อ้อ นี่ก็เป็นทางไปโรงพยาบาลนะสิ! ฉันขับมาทางนี้เพราะมันเป็นทางลัด ถ้าใช้ทางนี้มันจะไปถึงได้เร็วกว่าปกติ”
ลั่วเสี่ยวชิงอาศัยอยู่ในเมืองหรงมานานแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่เธอใช้ถนนเล็กๆแคบๆอย่างนี้ ลั่วเสี่ยวชิงมองไปคนขับอีกครั้งและถามแนวหยั่งเชิงออกไปว่า“คุณคนขับ ทำไมคุณต้องสวมหน้ากากทั้งๆที่นั่งอยู่ในรถร้อนขนาดนี้? ไม่รู้สึกอึดอัดบ้างเหรอคะ?”
คนขับรถตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า“ผมเป็นหวัด ไม่รู้สึกอึดอัดหรอก ถ้าไม่สวมหน้ากาก เกรงว่าอาการหวัดมันจะแพร่กระจายไปถึงพวกคุณได้”
คำตอบของคนขับนั้นสมเหตุสมผลมาก ลั่วเสี่ยวชิงจึงทำได้เพียงแค่ปลอบใจตัวเองว่าทุกอย่างอาจเป็นเพราะเธอคิดมากไปเองก็ได้
แต่สายตาของเธอก็อดไม่ได้ที่จะมองออกไปดูทิวทัศน์ทางด้านนอกหน้าต่างอย่างประหม่า
จนกระทั่งรถขับออกห่างจากทางสายหลักไกลขึ้นเรื่อยๆ มันดูไม่เหมือนกับทางไปโรงพยาบาลที่คนขับรถพูดเลย ผ่านไปสิบห้านาที รถก็ยังขับไปในซอยลึกขึ้นเรื่อยๆ
และเมื่อมองไปที่ถนนทางด้านหน้า ดูเหมือนว่าจะยิ่งลึกเข้าไปทุกทีๆ!
ความวิตกกังวลของลั่วเสี่ยวชิงยิ่งมีมากขึ้นเรื่อยๆ เธอรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาอย่างลับๆ และเมื่อเธอเปิดหน้าจอโทรศัพท์ขึ้นมา เธอก็พบว่าโทรศัพท์มือถือของเธอไม่มีสัญญาณเหลืออยู่เลยสักขีด
ก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่ลั่วเสี่ยวชิงซึ่งนั่งอยู่ในรถมาตั้งนาน เธอไม่ได้ทำตามที่ลู่เฉิงฮ่าวบอกว่าให้เธอไปรอเขาที่โรงจอดรถ และก็ไม่ได้รับโทรศัพท์จากลู่เฉิงฮ่าวเลย
ตอนนี้เทคโนโลยีก้าวหน้าไปมาก คิดว่าแม้แต่อยู่ในพื้นที่ภูเขาซึ่งที่อยู่ห่างไกลก็น่าจะมีสัญญาณโทรศัพท์มือถือ แต่ตอนนี้เธอยังคงอยู่ในมหานครที่เจริญรุ่งเรืองอย่างเมืองหรง และเป็นไปไม่ได้ที่โทรศัพท์มือถือของเธอจะไม่มีสัญญาณ
ความเป็นไปได้มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือ ตอนนี้มีเครื่องรบกวนสัญญาณโทรศัพท์มือถืออยู่ในรถคันนี้!
เกิดเรื่องขึ้นแล้ว ! ต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่!
ลั่วเสี่ยวชิงสามารถมั่นใจได้ 100% ว่าถนนที่คนขับรถแท็กซี่เลือกขับเข้ามานี้ จะต้องไม่ใช่ทางไปโรงพยาบาลแน่
จะทำยังไงดีล่ะ! จะทำยังไงดี! ! !
ลั่วเสี่ยวชิงบีบฝ่ามือของตัวเองอย่างใจเย็น เธอพยายามบังคับตัวเองให้สงบลงอย่างรวดเร็ว ลั่วเสี่ยวชิงมองไปที่คนขับรถแท็กซี่ซึ่งอยู่ทางด้านหน้า และปรับเสียงโทรศัพท์มือถือของเธอให้เบาลง จากนั้นเธอก็ยัดมันเข้าไปซ่อนในรองเท้าบูต
ลั่วเสี่ยวชิงโชคดีมากที่วันนี้เธอสวมรองเท้าบูตมา และโทรศัพท์มือถือของเธอก็ไม่ได้ใหญ่แถมยังบางมากอีกด้วย ฉะนั้น แม้ว่าเธอจะซ่อนมันไว้ในรองเท้าบูตก็ไม่มีทางที่คนอื่นจะสามารถมองเห็นได้
และนี่ก็เป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้ลั่วเสี่ยวชิงที่สามารถติดต่อกับโลกภายนอกได้ ดังนั้นเธอจึงจะต้องซ่อนมันไว้ล่วงหน้า
ในขณะที่ลั่วเสี่ยวชิงกำลังคิดอยู่นั้น สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นป้ายห้องน้ำสาธารณะจากทางนอกหน้าต่างของรถ หัวใจของลั่วเสี่ยวชิงเต้นแรงขึ้นมาในทันที เธอหอบเอาความหวังที่มีอยู่เพียงน้อยนิดและรีบพูดขึ้นกับคนขับรถแท็กซี่ซึ่งนั่งอยู่แถวหน้าด้วยสีหน้าท่าทางที่ดูสงบว่า “คุณคนขับ เหมือนเมื่อกี้จะขับผ่านห้องน้ำสาธารณะ คุณช่วยหยุดรถหน่อยได้ไหมคะ? ฉันอยากจะไปเข้าห้องน้ำหน่อย ไม่นานก็เสร็จ ”
ถ้าลั่วเสี่ยวชิงสามารถทำให้คนขับหยุดรถได้ล่ะก็ ตอนที่เธอเข้าไปในห้องน้ำ เธอก็จะสามารถโทรให้คนที่อยู่ภายนอกมาช่วยเธอได้
นี่เป็นความหวังเพียงอย่างเดียวของลั่วเสี่ยวชิง
ทันทีที่เสียงพูดของเธอแผ่วเบาลง ไม่คิดเลยว่าคนขับจะหยุดรถเข้าที่ข้างทางในทันที
ลั่วเสี่ยวชิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก และรีบยื่นมือออกไปผลักประตูรถทันที แต่ผลปรากฏว่าประตูมันถูกล็อกเอาไว้
หัวใจของลั่วเสี่ยวชิงเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ เธอรีบหันไปมองคนขับรถแท็กซี่ซึ่งอยู่ทางด้านหน้า และพูดขึ้นอย่างรวดเร็วว่า “คุณคนขับ ทำไมประตูบานนี้ถึงได้ล็อกไว้ล่ะ ?รบกวนช่วยเปิดให้ฉันหน่อยค่ะ”
เมื่อคนขับที่อยู่ข้างหน้าได้ยินสิ่งที่ลั่วเสี่ยวชิงพูด เขากลับไม่ได้สนใจเธอเลยแม้แต่น้อย จากนั้นคนขับก็ผลักประตูรถเปิดออกและลงจากรถไป เขาหยิบกุญแจออกมาและเปิดประตูตรงที่ลั่วเสี่ยวชิงนั่ง
ลั่วเสี่ยวชิงมองดูคนขับที่จู่ๆก็เดินเข้ามาทางด้านหลังของรถ เธอรู้สึกตกใจจนเหงื่อไหลออกมาเต็มฝ่ามือไปหมด เธอรีบขยับเคลื่อนที่ไปทางด้านหลังทันที สายตาของเธอจับจ้องไปที่คนขับที่อยู่ตรงหน้า เขามีรูปร่างสูงใหญ่ ส่วนแขนของเขาก็มีกล้ามเนื้อที่แข็งแรง ลั่วเสี่ยวชิงซึ่งเป็นแค่เด็กสาวคนหนึ่งคงจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาหรอก !
ลั่วเสี่ยวชิงทำได้เพียงจับจ้องไปที่คนขับรถที่กำลังก้าวเข้ามาใกล้เธอขึ้นเรื่อย พร้อมกับรอยยิ้มและพูดขึ้นว่า “นี่คุณ…คุณคนขับ คุณต้องการจะทำอะไร?คุณ คุณอย่าเข้ามานะ”
สำหรับคนขับรถแท็กซี่แล้ว เขาไม่สนใจคำพูดของลั่วเสี่ยวชิงเลย ลั่วเสี่ยวชิงมองไปยังชายแปลกหน้าที่กำลังเคลื่อนที่เข้ามาใกล้เธอขึ้นเรื่อยๆและอดไม่ได้ที่จะตะโกนออกมาว่า “ช่วยด้วย !มีใครอยู่ไหม!ช่วยด้วย!”
การตะโกนในครั้งที่สาม จู่ๆ ก็มีฝ่ามือขนาดใหญ่เคลื่อนที่เข้ามาปิดปากของลั่วเสี่ยวชิงเอาไว้ แม้ว่าลั่วเสี่ยวชิงจะพยายามตะโกนออกมาแต่เสียงของเธอก็ไม่มีความดังมากพอ
จากนั้นลั่วเสี่ยวชิงก็ได้ยินเสียงของคนขับรถที่ตะโกนออกมาใส่เธออย่างหมดความอดทน”นังหนู! เธอทำตัวให้มันดีๆหน่อย ! ถ้าเธอยังกล้าที่จะขยับอีกล่ะก็ ฉันจะฆ่าเธอทันที! จากนั้นก็จะเอาศพของเธอโยนลงไปในแม่น้ำ เธอเชื่อไหมล่ะ !”
ทันทีที่เสียงอันดุร้ายของคนขับดังขึ้น ลั่วเสี่ยวชิงก็รู้สึกได้ทันทีว่ามีวัตถุบางอย่างที่ให้ความรู้สึกทั้งเย็นและแหลมสัมผัสลงที่บริเวณช่วงท้องของเธอ
เมื่อลั่วเสี่ยวชิงก้มลง เธอก็มองเห็นมีดปอกผลไม้ที่กำลังจี้เข้ามาที่ช่องท้องของเธอ
การเคลื่อนไหวร่างกายของลั่วเสี่ยวชิงเกิดชะงักใปในชั่วขณะ แขนและขาของมีความรู้สึกเย็นยะเยือกขึ้นมาในทันที