รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ - บทที่ 502 สารภาพความในใจ
มู่ซีซีมองลั่วเสี่ยวชิงที่ยืนลังเลอยู่หน้าประตูจึงยิ้มให้ จากนั้นจึงดันลั่วเสี่ยวชิงเบาๆ “เสี่ยวชิง แกเข้าไปดูอาการของลู่เฉิงฮ่าวก่อนสิ เดี๋ยวฉันกับจี้หลิงชวนไปทำเรื่องย้ายห้องพักฟื้นให้ลู่เฉิงฮ่าว”
มู่ซีซีพูดจบจึงลากจี้หลิงชวนเดินจากไป
ลั่วเสี่ยวชิงจึงดึงสติกลับมา เธอเกร็งมากจนจับมือตัวเองไว้แน่น จากนั้นค่อยก้าวเดินเข้าไปในห้องไอซียู
พอสบตากัน ตอนที่ลู่เฉิงฮ่าวที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้เห็นลั่วเสี่ยวชิงที่ปลอดภัยดี ใบหน้าจึงยิ้มกว้างทันที “ลั่วเสี่ยวชิง เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม? บาดเจ็บที่ไหนหรือเปล่า?”
ลั่วเสี่ยวชิงคิดไม่ถึงเลยว่าคำแรกที่ลู่เฉิงฮ่าวพูดหลังจากที่ทั้งสองผ่านความเป็นความตายมาด้วยกันจะเป็นคำพูดที่เป็นห่วงเธอ
ขอบตาจึงเริ่มแดง ลั่วเสี่ยวชิงทอดมองลู่เฉิงฮ่าวแล้วน้ำตาก็ไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
ลู่เฉิงฮ่าวเห็นอยู่ๆลั่วเสี่ยวชิงก็ร้องไห้ เขาเห็นแล้วอดเป็นห่วงไม่ได้ จึงไม่สนใจแผลไฟไหม้ที่แผ่นหลังตัวเอง ลู่เฉิงฮ่าวยันแขนแล้วลงจากเตียง จากนั้นก็รีบก้าวเดินไปหาลั่วเสี่ยวชิง พร้อมดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอดแล้วเช็ดน้ำตาให้เธอ แล้วเอ่ยปลอบเสียงเบาว่า “เสี่ยวชิง ไม่ร้องนะ ไม่ร้อง ทำไมอยู่ดีๆถึงร้องไห้ล่ะ”
ลั่วเสี่ยวชิงที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นดึงสติกลับมา พอเห็นว่าลู่เฉิงฮ่าวลงจากเตียง เธอจึงรีบพยุงเขาไว้อย่างเป็นห่วง พร้อมพูดสะอึกสะอื้นว่า “ลู่เฉิงฮ่าว นายลงจากเตียงทำไม! นายเพิ่งดีขึ้น รีบกลับไปนอนลงเดี๋ยวนี้”
จากนั้นลั่วเสี่ยวชิงจึงพยุงลู่เฉิงฮ่าวไปที่เตียง ลู่เฉิงฮ่าวยิ้มแล้วกอดลั่วเสี่ยวชิงไว้ “ฉันไม่เป็นไร หายดีแล้ว หายดีแล้วจริงๆ เธอไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก เธอต่างหาก อยู่ดีๆร้องไห้ทำไม?”
ลั่วเสี่ยวชิงรู้สึกว่าที่เมื่อกี้ตัวเองร้องไห้ต่อหน้าลู่เฉิงฮ่าวเป็นเรื่องที่น่าอายมาก
พอตอนนี้ได้ยินลู่เฉิงฮ่าวพูดแบบนี้ ลั่วเสี่ยวชิงจึงรีบยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาตัวเอง พยายามห้ามน้ำตาไว้ แล้วเอ่ยกับเขาว่า “ฉันไม่เป็นไร ไม่ได้บาดเจ็บ นายล่ะ? แผลของนายยังเจ็บไหม? ให้ฉันดูหน่อย”
แผลของลู่เฉิงฮ่าวน่าเป็นห่วงจริงๆ เสาที่สูงขนาดนั้นหักลงมาทับหลังต้องเจ็บมากแน่ๆ แล้วบนเสานั้นยังมีไฟอีก เพราะฉะนั้นบาดแผลที่แผ่นหลังลู่เฉิงฮ่าวเกินจากการโดนไฟไหม้ สาหัสจนคุณหมอบอกว่าถ้าหายแล้วต้องหลงเหลือรอยแผลเป็น
แต่ว่าต่อหน้าลั่วเสี่ยวชิง ลู่เฉิงฮ่าวแค่ทำหน้าชิลล์แล้วยิ้มเอ่ยกับเธอ “ไม่เป็นไร ไม่เจ็บหรอก หมอบอกว่าไม่กี่วันก็หายแล้ว ไม่เป็นไรหรอก”
ลั่วเสี่ยวชิงไปตรวจดูแผลของลู่เฉิงฮ่าว แต่ว่าตอนนี้มีผ้าพันแผลพันอยู่ ลั่วเสี่ยวชิงดูอะไรไม่ออก แต่มองทะลุผ้าพันแผลแล้วเห็นว่าแผลใหญ่มาก เกือบจะทั้งหลังของลู่เฉิงฮ่าวเลย
ลั่วเสี่ยวชิงแตะบริเวณบาดแผลของลู่เฉิงฮ่าวด้วยมือที่สั่น พร้อมกัดริมฝีปากเอ่ยถามว่า “ลู่เฉิงฮ่าว หมอบอกว่าจะมีรอยแผลเป็นหรือเปล่า?”
ลู่เฉิงฮ่าวยิ้มเอ่ยกับลั่วเสี่ยวชิงอย่างไม่ใส่ใจว่า “หมอบอกว่าอาจจะมีนิดหน่อย ไม่เป็นไรหรอก ผู้ชายอย่างฉัน บนตัวมีรอยแผลเป็นหน่อยไม่แปลกอะไร”
“ขอบคุณนะลู่เฉิงฮ่าว ขอบคุณที่นายช่วยฉันไว้อีกครั้งนะ” น้ำเสียงของลั่วเสี่ยวชิงแหบแห้ง
ลู่เฉิงฮ่าวได้ยินแล้วจึงจับมือลั่วเสี่ยวชิงไว้แน่น “ไม่ต้องขอบคุณหรอก แค่เธอไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”
จากนั้นลู่เฉิงฮ่าวก็ถูกย้ายไปพักฟื้นที่ห้องวีไอพี อยู่ข้างห้องลั่วเสี่ยวชิง
แต่ว่าตอนนี้ร่างกายลั่วเสี่ยวชิงฟื้นฟูดีแล้ว คุณหมอตรวจร่างกายให้เธออีกครั้ง แน่ใจแล้วว่าเธอออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว
เพราะฉะนั้นลั่วเสี่ยวชิงจึงย้ายออกจากห้องพักฟื้นของตัวเอง
ทางลู่เฉิงฮ่าวก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว จี้หลิงชวนกับมู่ซีซีมาเยี่ยมเขาแล้ว จึงรู้ตัวแล้วปล่อยให้ลู่เฉิงฮ่าวกับลั่วเสี่ยวชิงอยู่ด้วยกันสองคน จี้หลิงชวนจึงพามู่ซีซีกลับบ้าน
เพราะมู่ซีซีอยู่ที่โรงพยาบาลตลอดเพราะลั่วเสี่ยวชิงกับลู่เฉิงฮ่าวหลังจากที่กลับมาในประเทศ
ไม่ได้นอนหลับพักผ่อนดีๆเลย จี้หลิงชวนจึงรู้สึกเป็นห่วงมาก
ตอนนี้ลู่เฉิงฮ่าวไม่เป็นอะไรแล้ว ลั่วเสี่ยวชิงก็กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิม จี้หลิงชวนจึงพาภรรยาตัวเองกลับไปพักผ่อนที่บ้าน
ลู่เฉิงฮ่าวพักอยู่ในโรงพยาบาลไปหนึ่งอาทิตย์ ในหนึ่งอาทิตย์นี้ ลั่วเสี่ยวชิงค่อยดูแลลู่เฉิงฮ่าวตลอดเวลา
ถึงแม้ทั้งสองจะไม่มีใครพูดถึงเรื่องความรู้สึก แต่ช่วงเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่อยู่ในโรงพยาบาล ความรู้สึกของทั้งสองก็พัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด
หลังจากหนึ่งอาทิตย์ แผลที่แผ่นหลังของลู่เฉิงฮ่าวก็ตกสะเก็ดแล้ว คุณหมอจึงอนุญาตให้เขาออกจากโรงพยาบาล
ตั้งแต่เช้าตรู่ ลู่เฉิงฮ่าวกับลั่วเสี่ยวชิงจึงเก็บของออกจากโรงพยาบาล
จากนั้นก็กลับไปที่คฤหาสน์ของตัวเอง ลู่เฉิงฮ่าวแอบหาแหวนขอแต่งงานจากเสื้อตัวที่เคยใส่
ความจริงก่อนเกิดเรื่อง วันนั้นลู่เฉิงฮ่าวจะพาลั่วเสี่ยวชิงไปกินอาหารตะวันตก จากนั้นก็ขอแต่งงาน แต่ว่าหลินอี้กลับทำให้เสียเรื่องเสียก่อน
ยังโชคดีที่แหวนขอแต่งงานของลู่เฉิงฮ่าวไม่หาย!
ลู่เฉิงฮ่าวมองแผ่นหลังของลั่วเสี่ยวชิง ในใจจึงรีบตัดสินใจว่า อื้อ เหมือนเขาต้องขอแต่งงานให้เร็วหน่อยแล้วสินะ!
เพราะก่อนหน้านั้นลู่เฉิงฮ่าวยังไม่รู้ใจตัวเอง ตอนนั้นที่เขาอยากแต่งงานกับลั่วเสี่ยวชิง ก็แค่รู้สึกว่าเธอเหมาะสมที่จะเป็นผู้หญิงของตัวเอง
แล้วลู่เฉิงฮ่าวก็ตั้งตารอที่จะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ไปพร้อมลั่วเสี่ยวชิง
ตอนนั้นลู่เฉิงฮ่าวยังไม่เข้าใจคำว่ารักว่าคืออะไร แล้วไม่ได้คิดอะไรมากด้วยกับการที่ตัวเองอยากแต่งงานกับลั่วเสี่ยวชิง
จนกระทั่งเกิดเรื่องลักพาตัว ลู่เฉิงฮ่าวค่อยเข้าใจ
อาจจะมีแค่ลู่เฉิงฮ่าวคนเดียวที่รู้ ตอนนั้นพอตัวเองเลิกงานแล้วไม่เห็นลั่วเสี่ยวชิงที่ลาดจอดรถ พอโทรหาเธอก็โทรไม่ติด ในใจลู่เฉิงฮ่าวลนลานมากแค่ไหน อาจจะเพราะใจตรงกัน พอเขาโทรหาเธอไม่ติดปฏิกิริยาแรกที่คิดคือต้องเกิดเรื่องกับเธอแน่ๆ
ลู่เฉิงฮ่าวจึงรีบสั่งให้ลูกน้องตัวเองไปตามหาลั่วเสี่ยวชิง
ไม่นานลู่เฉิงฮ่าวจึงรู้ว่าลั่วเสี่ยวชิงถูกหลินอี้หลอกออกไปจากบริษัทแล้วขึ้นรถแท็กซี่ไป
ลู่เฉิงฮ่าวไปหาหลินอี้ แต่หลินอี้กลับไม่ยอมรับ ปิดปากแน่นสนิทไม่ยอมพูดอะไรเกี่ยวกับลั่วเสี่ยวชิงเลย
ลู่เฉิงฮ่าวเป็นห่วงมาก จึงให้คนเค้นถามหลินอี้ต่อ ตัวเองก็ขับรถตามแท็กซี่คันนั้นไปด้วยบันทึกกล้องวงจรที่มี
แต่ว่าพอแท็กซี่คันนั้นเลี้ยวเข้าซอยเปลี่ยวก็ไม่มีกล้องวงจรแล้ว
ลู่เฉิงฮ่าวไม่รู้เลยว่ารถแท็กซี่คันนั้นจะขับไปที่ไหน
ลู่เฉิงฮ่าวจึงขับเข้าไปในซอยต่อ สุดท้ายพอออกมาแล้ว กลับไปถึงนอกเมืองเปลี่ยวๆของเมืองหรงแทน