รักเธอยิ่งกว่าชีวา คะนึงหาเธอจนเป็นนิจ - บทที่ 505 ตอนจบ
ลั่วเสี่ยวชิงรีบเปิดดูสัญญาเหล่านั้นอย่างไม่อยากเชื่อ พอเปิดดูครบแล้ว ลั่วเสี่ยวชิงจึงอึ้งนิ่งไปหลายวินาทีค่อยตั้งสติได้ สายตาที่ไม่อยากจะเชื่อหันมองไปทางลู่เฉิงฮ่าวแล้วเอ่ยพูดว่า “ลู่เฉิงฮ่าว นายหมายความว่ายังไง? นายรู้หรือเปล่าว่านายกำลังทำอะไรอยู่?!
จนถึงตอนนี้แล้วลั่วเสี่ยวชิงก็ยังคงสงสัยว่าลู่เฉิงฮ่าวกำลังเข้าใจผิดหรือเปล่า!
ถ้าลู่เฉิงฮ่าวไม่ได้เข้าใจผิด งั้นลู่เฉิงฮ่าวก็ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ!
เพราะสัญญาเหล่านั้นทำให้ลั่วเสี่ยวชิงตกใจมากกว่าสัญญาก่อนแต่งงานซะอีก!
เพราะสัญญาที่วางอยู่ตรงหน้าลั่วเสี่ยวชิงเป็นสัญญาการโอนกรรมสิทธิ์ต่างๆ
ลู่เฉิงฮ่าวโอนกรรมสิทธิ์ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นรถ บ้าน หุ้น เงินออมในธนาคาร แล้วก็หุ้นทั้งหมดในบริษัทของเขามาที่ชื่อลั่วเสี่ยวชิง
งั้นตอนนี้ก็แสดงว่า ขอแค่ลั่วเสี่ยวชิงเซ็นชื่อ ทรัพย์สินทุกอย่างที่ลู่เฉิงฮ่าวมีก็จะตกเป็นของลั่วเสี่ยวชิง แล้วลู่เฉิงฮ่าวก็จะไม่มีอะไรเลย
มือของลั่วเสี่ยวชิงที่อยู่ข้างตัวกำไว้แน่น แล้วรู้สึกแสบขอบตามาก
ลู่เฉิงฮ่าวฟังประโยคที่ลั่วเสี่ยวชิงพูดเมื่อกี้แล้วยิ้มเอ่ยกับเธออย่างไม่ใส่ใจว่า “เสี่ยวชิง ฉันไม่ได้เข้าใจผิด ทั้งหมดที่เธอเห็นคือเรื่องจริง ฉันไม่มีอะไรจะให้เธอ เพราะฉะนั้นทั้งหมดนี้เป็นสินสอดที่ฉันให้เธอ”
“แต่ว่าฉัน……” น้ำตาของลั่วเสี่ยวชิงไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
ลั่วเสี่ยวชิงรู้สึกว่าช่วงนี้ตัวเองชอบร้องไห้มากๆ
จำนวนครั้งที่ร้องไห้เยอะกว่าปีก่อนๆอีก
“เสี่ยวชิง เธอดีขนาดนี้ คู่ควรกับของที่ดีที่สุด ฉันรักเธอ เพราะฉะนั้นทุกอย่างของฉันก็เป็นของเธอ นี่เป็นความจริงใจที่ฉันให้เธอได้ เซ็นเถอะ เซ็นเสร็จแล้วเราจะได้กลับบ้านกัน”
จากนั้นลู่เฉิงฮ่าวก็พูดล้อเล่นกับลั่วเสี่ยวชิงว่า “อีกหน่อยเธอจะเป็นบอสใหญ่แล้ว บอสต้องให้เงินเดือนผมด้วยนะครับ~~~ผมสัญญาว่าจะไม่แอบซ่อนเงินเด็ดขาดครับ”
ลั่วเสี่ยวชิงได้ยินลู่เฉิงฮ่าวพูดแบบนี้ จึงเผลอยิ้มทั้งน้ำตา
ทีแรกลั่วเสี่ยวชิงไม่อยากเซ็นอะไรพวกนี้ แต่ว่าลู่เฉิงฮ่าวดื้อดึง ถ้าเธอไม่อยากเซ็นก็จะกดดันให้เธอเซ็นให้ได้ สุดท้ายเธอทำอะไรไม่ได้จึงต้องยอมเซ็นสัญญาพวกนี้
เพราะฉะนั้นแค่ค่ำคืนเดียว ลั่วเสี่ยวชิงก็กลายมาเป็นคนรวยอันดับต้นๆของเมืองหรง
พอเซ็นสัญญาเสร็จแล้ว ลู่เฉิงฮ่าวจึงรีบพาลั่วเสี่ยวชิงกลับบ้านอย่างดีใจ
เพิ่งก้าวเดินเข้าคฤหาสน์ ลู่เฉิงฮ่าวก็จับลั่วเสี่ยวชิงกดไว้ที่ประตูแล้วจูบอย่างบ้าคลั่ง
ลั่วเสี่ยวชิงผลักไม่ออก จึงต้องทนรับจูบที่เร่าร้อนของลู่เฉิงฮ่าวด้วยใบหน้าแดงก่ำ
รอจนกว่าการจูบนี้จบลง ลั่วเสี่ยวชิงจึงหาโอกาส แล้วรีบผลักลู่เฉิงฮ่าวออก พร้อมเอ่ยด้วยใบหน้าแดงก่ำว่า “ลู่เฉิงฮ่าว……อย่าอย่าทำอะไรบ้าๆนะ ป้าอวี๋ ป้าอวี๋ยังอยู่”
เสียงของลั่วเสี่ยวชิงเพิ่งจบลง จูบของลู่เฉิงฮ่าวจึงจุมพิตลงที่ริมฝีปากแดงๆของลั่วเสี่ยวชิงอีกครั้ง
ลู่เฉิงฮ่าวจูบลั่วเสี่ยวชิงไปด้วยแล้วพูดไปด้วยว่า “วันนี้ฉันให้วันหยุดป้าอวี๋แล้ว ไว้ใจเถอะ ตอนนี้ป้าอวี๋กลับบ้านตั้งนานแล้ว ตอนนี้ในบ้านมีเราแค่สองคน”
ขณะพูดฝ่ามือของลู่เฉิงฮ่าวก็ล้วงเข้าไปในเสื้อลั่วเสี่ยวชิง จนทำให้ตัวเธอเริ่มสั่น
เสื้อผ้าของทั้งสองโยนทิ้งไว้ตั้งแต่ที่ประตูทางเข้าจนถึงที่โซฟา เห็นได้เลยว่าการทำศึกนั้นดุเดือดแค่ไหน
วินาทีที่สำคัญที่สุด ลั่วเสี่ยวชิงยันแผ่นอกลู่เฉิงฮ่าวไว้แล้วเอ่ยเตือนเขาว่า “ลู่เฉิงฮ่าว……คือ……ยังไม่ได้ป้องกัน……”
ลู่เฉิงฮ่าวได้ยินแล้วจึงยิ้มมุมปาก จากนั้นก็จุมพิตริมฝีปากลั่วเสี่ยวชิง แล้วเข้าไปเลย จากนั้นค่อยกัดติ่งหูน่ารักๆของเธอแล้วเอ่ยว่า “เสี่ยวชิง มีลูกให้ฉันเถอะ จี้หลิงชวนมีลูกแล้ว เราสองคนจะยอมแพ้ไม่ได้”
เพราะฉะนั้นค่ำคืนนั้น ลู่เฉิงฮ่าวจึงอุ้มลั่วเสี่ยวชิงแล้วเริ่มทำแผนผลิตลูก
เช้าวันต่อมา ลั่วเสี่ยวชิงนอนถึงเที่ยงค่อยตื่น เพราะว่าเมื่อคืนลั่วเสี่ยวชิงเหนื่อยมากจริงๆ
แต่ว่าข้างตัวกลับไม่มีเงาของลู่เฉิงฮ่าวแล้ว
ลั่วเสี่ยวชิงจึงขมวดคิ้ว จากนั้นตอนที่ยื่นมือไปหยิบโทรศัพท์ที่หัวเตียงจึงเจอกระดาษโน้ตแปะไว้
ลั่วเสี่ยวชิงหยิบมาดู จึงเห็นลายมือของลู่เฉิงฮ่าวเขียนว่า “เสี่ยวชิง ที่บริษัทมีธุระฉันไปเคลียร์ก่อนนะ เธอตื่นแล้วอย่าลืมหาอะไรกินด้วย อยากกินอะไรก็ให้ป้าอวี๋ทำ ฉันจะรีบกลับมา”
ลู่เฉิงฮ่าวบาดเจ็บนอนโรงพยาบาลไปตั้งนาน ในบริษัทต้องมีงานเป็นกองแน่นอน
ลั่วเสี่ยวชิงอ่านแล้วมุมปากจึงมีรอยยิ้มหวานๆ
พอหยิบโทรศัพท์มาดู จึงรู้ว่าตอนนี้เที่ยงแล้ว
ลั่วเสี่ยวชิงรีบลุกจากเตียงแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้า เพิ่งอาบน้ำเดินออกมาจากห้องอาบน้ำ โทรศัพท์เธอจึงดัง
พอดูแล้วจึงรู้ว่าลู่เฉิงฮ่าวเป็นคนโทรมา
ทั้งสองคนเป็นข้าวใหม่ปลามัน คุยโทรศัพท์กันไปประมาณหนึ่งชั่วโมงค่อยยอมวางสาย
รอตอนที่ลั่วเสี่ยวชิงลงไปชั้นล่าง จึงเห็นป้าอวี๋เตรียมมื้อเที่ยงเสร็จแล้ว
พอกินมื้อเที่ยงแล้ว ลั่วเสี่ยวชิงจึงได้รับสายจากมู่ซีซี
เรื่องที่ลู่เฉิงฮ่าวโอนกรรมสิทธิ์ทุกอย่างมาให้ลั่วเสี่ยวชิง มู่ซีซีได้ข่าวแล้ว
ประโยคแรกที่โทรมาหาลั่วเสี่ยวชิงจึงพูดว่า “เสี่ยวชิง ครั้งนี้ลู่เฉิงฮ่าวของเธอทำดีมาก ฉันวางใจที่จะฝากเธอไว้กับเขาแล้ว”
เรื่องประวัติในอดีตของลู่เฉิงฮ่าวค่อนข้างน่ากังวล แต่มู่ซีซีไม่คิดเลยว่าลู่เฉิงฮ่าวจะยอมทำเพื่อลั่วเสี่ยวชิงขนาดนี้ สิ่งที่สำคัญไม่ใช่เรื่องทรัพย์สิน แต่เป็นหัวใจของลู่เฉิงฮ่าวที่รักลั่วเสี่ยวชิง
ตอนนี้ลู่เฉิงฮ่าวยอมทำเพื่อลั่วเสี่ยวชิงขนาดนี้ ก็สามารถมองความจริงใจของเขาออกแล้ว เพราะฉะนั้นไม่ใช่ผู้ชายทุกคนที่สามารถทำถึงขั้นนี้ได้
จากนั้นมู่ซีซีจึงยิ้มถามว่า “เสี่ยวชิง เธอปรึกษาลู่เฉิงฮ่าวของเธอหรือยัง? จะจัดงานแต่งงานเมื่อไหร่?”
ลั่วเสี่ยวชิงได้ยินเรื่องนี้หน้าจึงแดง “ความจริงเมื่อวานพอเราออกจากโรงพยาบาลเราก็ไปจดทะเบียนสมรสกันแล้ว แต่ว่ายังไม่ได้คุยกันเรื่องแต่งงาน วันนี้ลู่เฉิงฮ่าวไปที่บริษัทตั้งแต่เช้าแล้ว”
มู่ซีซีเห็นว่าความคืบหน้าของทั้งสองเร็วเหมือนจรวดจึงอดเอ่ยไม่ได้ว่า “พวกแกสองคนนี่เร็วจริงๆ!”
จากนั้นลั่วเสี่ยวชิงกับมู่ซีซีจึงคุยอะไรกันเรื่อยเปื่อยแล้วค่อยวางสาย
ลู่เฉิงฮ่าวยุ่งจนถึงเย็นค่อยกลับมา พอกลับมาปุ๊บก็กอดลั่วเสี่ยวชิงไว้แล้วจูบฟอดใหญ่ จากนั้นก็จูงมือเธอไปที่ห้องหนังสือ “เสี่ยวชิง เราสองคนมาคุยเรื่องงานแต่งกันเถอะ”
ลู่เฉิงฮ่าวไม่อยากให้ลั่วเสี่ยวชิงน้อยใจ จึงจะให้งานแต่งงานที่ใหญ่โตโรแมนติกกับเธอ
แต่ว่างานแต่งที่โรแมนติกก็ต้องใช้เวลาเตรียม แล้วยังต้องทุ่มแรงกายแรงใจด้วย
ทีแรกลั่วเสี่ยวชิงไม่อยากยุ่งยากขนาดนั้น แต่ว่าลู่เฉิงฮ่าวดื้อรั้น เธอจึงต้องตามใจเขา
รายละเอียดทุกอย่างในงานแต่ง ลู่เฉิงฮ่าวเป็นคนคุมงานด้วยตัวเองเลย
แค่เตรียมงานก็ใช้เวลาไปสองเดือนกว่าแล้ว
ตอนนั้นมู่ซีซีได้ยินลั่วเสี่ยวชิงบอกแบบนี้ จากนั้นจึงมองรอยจูบที่ลำคอลั่วเสี่ยวชิง มู่ซีซีจึงพูดแซวว่า “ลั่วเสี่ยวชิง แกต้องเร่งลู่เฉิงฮ่าวของแกให้เร็วหน่อยนะ ฉันว่าคงรอไม่ถึงงานวันแต่งของพวกแกท้องแกก็คงจะโตก่อนแล้ว”
แล้วความจริงก็เป็นเหมือนที่พูดไว้!
ก่อนงานแต่งงานประมาณสิบกว่าวัน ลั่วเสี่ยวชิงไปตรวจจึงรู้ว่าท้อง
ตอนนั้นท้องได้ประมาณสองเดือนแล้ว พอลองนับเวลา เป็นไปได้ว่าตั้งท้องตั้งแต่วันที่ลั่วเสี่ยวชิงกับลู่เฉิงฮ่าวไปจดทะเบียนสมรสกันแล้ว
พอลู่เฉิงฮ่าวรู้ว่าลั่วเสี่ยวชิงท้องจึงดีใจแล้วอุ้มตัวเธอขึ้นมาหมุนไปรอบๆ
การตั้งครรภ์ของลั่วเสี่ยวชิงครั้งนี้ลำบากกว่าของมู่ซีซี
กินอะไรก็อ้วก แค่ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ ลั่วเสี่ยวชิงก็ผอมลงไปสี่กิโลกว่าแล้ว ลั่วเสี่ยวชิงไม่อ้วนอยู่แล้ว เห็นเธอเป็นแบบนี้ ลู่เฉิงฮ่าวจึงดีใจไม่ออกเลย
เขาเป็นห่วงแทบจะบ้า แล้ววันๆเอาแต่กล่อมให้ลั่วเสี่ยวชิงกินข้าว
แต่ว่าลั่วเสี่ยวชิงกินไม่ลงจริงๆ บางครั้งยอมทนฝืนกินก็จะอ้วกออกมาทันที
ลู่เฉิงฮ่าวไปปรึกษาหมอแล้วก็ไม่มีประโยชน์ สุดท้ายจึงต้องให้มู่ซีซีมาช่วย
เพราะมู่ซีซีเป็นคนที่เคยมีลูก จึงมีประสบการณ์กว่าลั่วเสี่ยวชิง
ตอนที่มู่ซีซีมาเธอก็เอาของกินมาให้ลั่วเสี่ยวชิงด้วย
เมื่อไม่กี่วันก่อนจี้หลิงชวนกลับมาจากต่างจังหวัดพอดี แล้วเอาของฝากมาให้มู่ซีซีไม่น้อย เพราะมู่ซีซีชอบกินของเผ็ดของเปรี้ยว จี้หลิงชวนจึงเอาของฝากขึ้นชื่อที่แพงมากอย่างหัวไชเท้าดองกลับมาด้วย
มู่ซีซีกินสนุกปากมาก รู้ว่าลั่วเสี่ยวชิงกินอะไรก็อ้วกจึงเอาหัวไชเท้าดองไปให้เธอลอง เธอจึงเอาไปให้ลั่วเสี่ยวชิงด้วย
แล้วสุดท้ายมู่ซีซีก็คิดถูก เรื่องที่แม้แต่คุณหมอก็แก้ไขไม่ได้กลับแก้ปัญหาได้ด้วยหัวไชเท้าดอง
ลั่วเสี่ยวชิงกินหัวไชเท้าดองแล้วไม่อ้วก แล้วยังรู้สึกสบายท้อง จากนั้นก็กินโจ๊ก แต่เธอกลับไม่อ้วก!
ลู่เฉิงฮ่าวได้ยินแล้วดีใจมาก กลัวว่าหัวไชเท้าที่มู่ซีซีเอามาไม่พอจึงสั่งให้คนขับรถไปซื้อมาเพิ่มจากต่างจังหวัดอีก
เพราะเรื่องที่ลั่วเสี่ยวชิงกินแล้วอ้วกเป็นปัญหาใหญ่ หลังจากนั้นลู่เฉิงฮ่าวต้องดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดีน้ำหนักที่หายไปค่อยกลับมา
เพราะแบบนี้พอลูกชายในท้องลั่วเสี่ยวชิงคลอดแล้ว ช่วงระยะเวลาหนึ่ง ลู่เฉิงฮ่าวจึงรู้สึกขัดใจ
รู้สึกว่าลูกชายคนนี้ทรมานคนมาก ยังไม่คลอดก็ทำให้แม่ลำบากขนาดนั้น ถ้าไม่ใช่ลูกชายของลู่เฉิงฮ่าว เขาอยากจะส่งให้คนอื่นเลี้ยงจริงๆ
เก้าเดือนต่อมา ลั่วเสี่ยวชิงคลอดลูกชายตัวขาวๆอ้วนๆ อันอันจึงมีน้องชายเพิ่มมาอีกหนึ่งคน
ชื่อจริงของลูกลู่เฉิงฮ่าวชื่อลู่ลั่วจิ่ว ในชื่อมีสกุลของลู่เฉิงฮ่าว แล้วก็สกุลของลั่วเสี่ยวชิง คำว่าจิ่วก็แปลว่ายืนยาว
แม้แต่ชื่อลูกชายก็ยังต้องโชว์หวาน เพราะเรื่องนี้ มู่ซีซีจึงชอบเอามาแซวลั่วเสี่ยวชิง
ชื่อเล่นชื่อจิ่วจิ่ว
ตอนที่จิ่วจิ่วคลอดซนกว่าอันอันมากๆ เหมือนเป็นปีศาจตัวน้อยๆ
ตอนที่เพิ่งคลอด เสียงร้องไห้ที่ดังสนั่นในห้องคลอด ดังจนทำให้ชั้นอื่นได้ยิน ครึกครื้นมากเลย
จิ่วจิ่วเด็กว่าอันอันหนึ่งขวบ แล้วชอบเล่นกับอันอันมาก
เพราะแบบนี้ เพื่อให้ภรรยาของทั้งสองไปมาหาสู่กันง่าย ลู่เฉิงฮ่าวกับจี้หลิงชวนจึงซื้อบ้านที่อยู่ติดกัน เป็นโครงการบ้านที่สภาพแวดล้อมดีมาก จากนั้นทั้งสองครอบครัวจึงย้ายเข้าไป
ทั้งสองครอบครัวเป็นเพื่อนบ้านกัน เพราะฉะนั้นจิ่วจิ่วกับอันอันจึงสนิทกันมาก
คนหนึ่งซน คนหนึ่งนิ่ง ลั่วเสี่ยวชิงกับมู่ซีซีก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่านิสัยของทั้งสองคนแตกต่างกันขนาดนี้แต่เล่นด้วยกันได้ยังไง
แต่ว่าจิ่วจิ่วคิดว่าอันอันเป็นไอดอล จึงคอยตามหลังอันอันตลอด
ค่ำคืนนี้จี้หลิงชวนอุ้มอันอันที่หลับไปแล้วกลับที่ห้องนอน จากนั้นค่อยกลับไปที่ห้องตัวเอง กอดมู่ซีซีไว้แล้วจูบเธอ จากนั้นก็กดมู่ซีซีไว้ที่เตียง “ซีซี เรามีลูกอีกคนเถอะ มีลูกสาวน่ารักๆอีกคน ต้องสวยเหมือนเธอแน่นอน”
เสียงเพิ่งจบลง จี้หลิงชวนจึงเริ่มปฏิบัติการผลิตลูกทันที
นิยายเรื่องนี้จบแล้ว ขอบคุณผู้อ่านทุกคนที่คอยติดตามสนับสนุนตลอด รักทุกคนนะคะ