รักเล่ห์เร้นใจ - ตอนที่ 101
ซวี่กวงพอเหวี่ยงหลินหว่านแล้วก็ให้ทีมงานทั้งหมดพักกองครู่หนึ่ง บ่ายวันนี้เดิมทีต้องถ่ายฉากของหลินหว่านจึงเปลี่ยนเป็นถ่ายฉากอื่นแทน
หลินหว่านเห็นอย่างนั้นแล้วก็ได้แต่คิดว่ากลับไปโรงแรมที่พักก่อน เก็บตัวตลอดบ่าย อ่านและศึกษาบทให้ดีๆ พยายามเข้าถึงจิตใจของตัวละครให้ได้ จะได้เข้าถึงบทบาทให้ได้เร็วที่สุด
ขณะที่หลินหว่านเตรียมจะกลับไปนั้นเอง ซวี่กวงเรียกตัวเธอเอาไว้ “หลินหว่าน คุณตามผมมา”
“ผู้กำกับซวี่ คุณมีธุระอะไรคะ” หลินหว่านถามซวี่กวงอย่างแปลกใจ
ซวี่กวงไม่ได้ตอบแต่หมุนตัวเดินออกไปข้างหน้า หลินหว่านได้แต่เดินตามซวี่กวงไป
ในที่สุด หลินหว่านกับซวี่กวงมาถึงห้องพักผ่อนของผู้กำกับ
ซวี่กวงพลิกค้นหาจนเจอซีดีแผ่นหนึ่ง ยื่นส่งให้กับหลินหว่าน
หลินหว่านรับแผ่นซีดีมา ถามซวี่กวงอย่างประหลาดใจว่า “ผู้กำกับซวี่ นี่มัน…”
แผ่นซีดีแบบนี้มันผลิตตั้งเมื่อสิบยี่สิบกว่าปีมาแล้ว หลินหว่านไม่เข้าใจว่าทำไมซวี่กวงจึงให้แผ่นซีดีนี้กับเธอ ยิ่งไปกว่านั้น แผ่นซีดีในมือหลินหว่านนี้ดูเหมือนยังเป็นของใหม่เอี่ยมเลยด้วย เห็นชัดว่ามันได้รับการดูแลรักษาจากซวี่กวงอย่างดีมาก
ซวี่กวงมองดูแผ่นซีดีในมือหลินหว่านแล้วพูดว่า “แผ่นซีดีนี่เป็นหนังเรื่องหนึ่ง ผมรู้ว่าระยะนี้คุณอยู่ในสภาพไม่ดีนัก คุณกลับไปดูซีดีเรื่องนี้ให้ดีๆ ตั้งใจศึกษาให้ดี เรียนรู้จากบทนางเอกในเรื่องให้ดีๆ ดูว่าเขาแสดงอย่างไร”
หลินหว่านฟังแล้วชงักไปชั่วขณะหนึ่ง ที่แท้นี่เป็นแผ่นซีดีหนังเรื่องหนึ่งที่ซวี่กวงอยากให้เธอศึกษาเทคนิคการแสดงจากบทนางเอกในเรื่อง
“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณผู้กำกับซวี่ ฉันจะตั้งใจศึกษาเรียนรู้ค่ะ” หลินหว่านแม้จะไม่เข้าใจนักแต่ยังสบตาและกล่าวขอบคุณเขา
ซวี่กวงมองหลินหว่านอยู่ครู่หนึ่ง พูดว่า “อืม กลับไปเถอะ ผมเชื่อว่าคุณดูจบแล้วคงได้อะไรบ้าง”
จากนั้น หลินหว่านก็ถือแผ่นซีดีนี้กลับถึงโรงแรมที่พัก
ภายในห้องพักมีอุปกรณ์เล่นซีดีพร้อม หลินหว่านกลับห้องแล้วใส่แผ่นซีดีเข้าเครื่อง จากนั้นก็เริ่มดูหนังเรื่องนี้
เวลาเดียวกันนั้นเอง หลินหว่านรู้สึกอยากรู้มากว่าหนังอะไรกันแน่ที่ซวี่กวงถึงกับแนะให้เธอดูเทคนิคการแสดงเพื่อศึกษาเรียนรู้
ตัวอักษรบนภาพยนตร์เคลื่อนตัวออกมาช้าๆ เห็นได้ชัดว่านี่เป็นหนังที่เก่ามากเรื่องหนึ่ง อีกทั้งการถ่ายทำยังไม่นับว่าดีมากนัก แต่ว่าเมื่อซีนแรกของหนังปรากฏขึ้นบนจอ หลินหว่านตกใจจนลืมหายใจไปเลย
นี่เป็น…แม่ของเธอ…
นี่มัน…เป็นหนังของแม่เธอ…
หัวใจของหลินหว่านเต้นเร็วเป็นกลองรัง เธอนั่งนิ่งไม่ขยับจ้องจับไปที่หน้าจอ ด้วยกลัวว่าเมื่อครู่ภาพที่เห็นจะเป็นเพียงภาพลวงตาที่ตัวเธอคิดมโนขึ้นมาเอง
สุดท้ายเมื่อหลินหว่านดูหนังเรื่องนี้จนจบ น้ำตาไหลนองหน้า
ในภาพยนตร์เรื่องนี้ เทคนิคการแสดงของแม่เธอสุดยอดมากจริงๆ บนจอภาพยนตร์ ไม่ว่าแม่ของเธอจะแสดงสีหน้าอารมณ์อะไร อีกทั้งการแสดงบทบาทที่บ้าคลั่งเพราะความรักในตอนท้ายเรื่อง ทุกซีนล้วนดึงดูดใจหลินหว่านให้โลดแล่นตามไปอย่างลืมตัว
ตอนนี้หลินหว่านนึกถึงคำพูดของซวี่กวงแล้วเข้าใจได้ทันทีว่าที่ซวี่กวงพูดว่า “ให้ศึกษาเทคนิคการแสดงจากบทนางเอกในเรื่อง” นั้นเพราะเหตุอะไร
เทคนิคการแสดงของเธอในตอนนี้เมื่อเทียบกับแม่เธอในตอนนั้น ช่างห่างไกลกันเหลือเกิน การแสดงของแม่เธอในหนังเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างความรู้สึกร่วมหรือพลังที่แสดงออกมา เธอล้วนแต่เทียบไม่ติดเลย
หลังดูหนังเรื่องนี้จบ เวลาก็ผ่านไปสองชั่วโมงกว่าแล้ว หลินหว่านกลับรู้สึกว่าผ่านไปแค่ชั่วพริบตาเดียว
แต่ในใจของหลินหว่านยังมีคำถามหนึ่ง ก่อนนี้เธอคิดถึงแม่เคยดูหนังทุกเรื่องของแม่มาจนหมด แต่หนังเรื่องที่ซวี่กวงให้เธอดูนี้ แม้แต่ชื่อเรื่องเธอยังไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย ยิ่งไม่รู้ว่าแม่เธอเคยแสดงหนังเรื่องแบบนี้ด้วย
หลินหว่านรอไม่ไหวที่จะถามซวี่กวงต่อหน้า เธอโทรตรงไปหาซวี่กวงทันที
สองวินาทีต่อมา มีคนรับสาย หลินหว่านกลับไม่รู้ว่าจะเอ่ยปากอย่างไรดี
“หลินหว่าน เธอดูหนังเรื่องนั้นจบแล้ว?” ตอนนั้นเองเสียงของซวี่กวงดังมาจากปลายสาย
“อื้อ ขอบคุณค่ะ ผู้กำกับซวี่ ฉันเข้าใจความหมายของคุณแล้วค่ะ” หลินหว่านตอบเสียงเบา
ซวี่กวงได้ยินแล้วยิ้มออกมา พูดเสียงเนิบว่า “หลินหว่าน แม่ของคุณเคยสร้างผลงานไว้มากมาย ผมชื่นชอบการแสดงของเธอมาก แต่ผมเห็นว่าการแสดงของเธอในหนังเรื่องนี้ดียิ่งกว่าเรื่องอื่นๆ ผมหวังว่าคุณจะมีเทคนิคการแสดงที่ยอดเยี่ยมเหมือนอย่างแม่ของคุณ และก็เพราะผมได้ยินมาว่าคุณเป็นลูกสาวของเธอจึงตกลงรับปากให้คุณแสดงหนังเรื่องนี้”
“ขอบคุณค่ะ ผู้กำกับซวี่” หลินหว่านรู้สึกตื้นตันและประหลาดใจ พร้อมกันนั้นเธอก็นึกถึงคำถามในใจขึ้นมาได้ เธอลังเลชั่วครู่แล้วถามซวี่กวงด้วยเสียงอ้ำอึ้งอยู่บ้าง “ผู้กำกับซวี่คะ แม่ฉัน หนังของเธอ…ทำไม…”
หลินหว่านพูดยังไม่ทันจบ ซวี่กวงเหมือนจะรู้ว่าหลินหว่านจะถามอะไร อธิบายต่อว่า “ในสมัยนั้นหนังเรื่องนี้เนื่องจากมีเนื้อหาที่อ่อนไหวจึงไม่ได้เข้าฉายในประเทศ ก่อนหน้านี้ผมได้เจอหนังเรื่องนี้โดยบังเอิญ ก็เหมือนที่พูดเมื่อครู่นี้ ผมเห็นว่าแม่ของคุณเล่นหนังเรื่องนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม จึงบันทึกมันลงแผ่นซีดีเก็บสะสมเอาไว้”
“ที่แท้เป็นอย่างนี้…” หลินหว่านฟังแล้วได้แต่อุทานออกมา จากนั้นพูดว่า “ผู้กำกับซวี่ค่ะ คุณวางใจได้ ฉันจะปรับปรุงตัวเองให้พร้อมแสดงได้แน่ค่ะ”
วางสายจากซวี่กวงแล้ว หลินหว่านก็ได้ยินเสียงกริ่งจากประตูห้องพักเธอดังขึ้น
หลินหว่านรีบไปเปิดประตู แล้วพบว่าเป็นเซียวจิ่งสือ
“คุณมาได้ยังไงกันคะ” หลินหว่านถามเขา
“หว่านหว่าน ได้ยินว่าวันนี้คุณถูกซวี่กวงด่าไปชุดหนึ่ง ผมเลยมาดูคุณหน่อย” เซียวจิ่งสือเข้าประตูมาก็พูดตอบ พร้อมกับมองสำรวจหลินหว่านอยู่ไปมา
ตอนนั้นเองเซียวจิ่งสือพบว่าหลินหว่านขอบตาแดงๆ เหมือนผ่านการร้องไห้มา เขาคว้าไหล่หลินหว่านเอาไว้ ถามเสียงเครียดว่า “หว่านหว่าน คุณร้องไห้เหรอ”
หลินหว่านปัดมือเซียวจิ่งสือออก พูดว่า “ไม่เกี่ยวกับคุณนี่”
เธอยังจำได้ว่าคราวก่อนเซียวจิ่งสือทะเลาะกับเธอด้วยเหตุที่เขาคัดค้านความร่วมงานของเธอกับอันลั่วเฉิง
เซียวจิ่งสือเห็นอาการแล้ว ทำไมจะไม่รู้ความในใจของหลินหว่าน เขาขยับเข้าใกล้หลินหว่าน พูดว่า “หว่านหว่าน ขอโทษนะ คราวที่แล้วผมไม่ควรทะเลาะกับคุณ หลังทะเลาะกัน ผมกลับไปคิดดูแล้วเป็นเพราะผมไม่ดีเอง ผมไม่ควรหาเรื่องทะเลาะกับคุณเพราะหึงคุณกับอันลั่วเฉิง ผมยิ่งไม่ควรสงสัยคุณ…หว่านหว่าน เป็นความผิดของผมเอง คุณยกโทษให้ผมนะครับ”
หลินหว่านฟังแล้วรู้สึกหวั่นไหวใจอยู่บ้าง เธอปั้นหน้าเย็นชา เซียวจิ่งสือรู้ด้วยว่าเธอคิดอะไรอยู่ ชายหนุ่มที่หยิ่งทะนงในตัวเองและถือตัวอย่างเซียวจิ่งสือถึงกับยอมเอ่ยปากขอโทษเธอก่อน พอคิดดูแล้วหลินหว่านเอ่ยว่า “งั้นก็ได้ค่ะ”
เซียวจิ่งสือผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก เขายังคิดว่าหลินหว่านจะไม่ยอมยกโทษให้เขาง่ายๆ เสียอีก เขาเข้าไปกอดหลินหว่าน อ้อนว่า “หว่านหว่าน ต่อไปผมจะไม่ทะเลาะกับคุณอีกแล้ว”
พอเซียวจิ่งสือถามหลินหว่านอีกครั้งว่าเธอแอบร้องไห้หรือเปล่า หลินหว่านฟังแล้วขำไม่ออก อธิบายว่าเป็นเพราะเธอดูหนังต่างหาก จากนั้นก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ให้เซียวจิ่งสือฟัง