รักเล่ห์เร้นใจ - ตอนที่ 106
พอได้ร้องไห้ออกมา หลินหว่านก็กลับไปเหมือนไม่เคยเกิดอะไรขึ้นอย่างนั้น ไปถ่ายหนังทุกวันตามปกติ
ในกองถ่าย หลินหว่านในสายตาทุกคนยังเป็นเด็กสาวร่าเริงแจ่มใสสุภาพ เห็นอกเห็นใจผู้อื่น เพียงแต่ระยะนี้เธอดูเหมือนจะไม่ค่อยชอบพูดคุยกับผู้คนนัก
บางทีเพราะหนังเรื่องนี้ใกล้จะปิดกล้องแล้วล่ะมั้ง หลินหว่านคงรู้สึกเครียดอยู่บ้าง คนในกองถ่ายต่างก็คิดเช่นนี้จึงไม่เห็นเป็นเรื่องแปลกนัก
แต่มีเพียงหลินหว่านเท่านั้นที่รู้ตัว ทุกวันหลังจากเธอแสดงเสร็จกลับถึงห้องพักแล้ว เป็นต้องดูภาพถ่ายของแม่เธอแล้วน้ำตาไหลพรากอยู่เงียบๆ
เป็นไปได้ยังไงกัน
เป็นไปได้ยังไง…
แม่ของเธอเป็นผู้หญิงปล่อยตัวมั่วผู้ชายแบบนั้นได้ยังไงกันนะ
ในรูปถ่าย แม่ของเธองามโดดเด่นเฉิดฉาย สูงสง่าเลอค่า งามจับตาทุกรอยยิ้มพิมพ์ใจ
อย่างนี้แล้ว จะเป็นไปได้ยังไงที่แม่จะทำตัวเหลวแหลกมั่วเละเทะเหมือนอย่างในข่าวบอกได้อย่างไรกันนะ
พอนึกถึงข่าวพวกนั้น หลินหว่านก็รวบเก็บรูปถ่ายแล้วเขวี้ยงทุกอย่างลงกับพื้นราวกับเป็นบ้า
ไม่! แม่ของเธอต้องไม่ใช่คนแบบนั้น!
เธอไม่ยอมเชื่อข่าวพวกนั้นหรอก เธอเชื่อแม่ของเธอ
เธอเชื่อว่าแม่ไม่ใช่ผู้หญิงปล่อยตัวมั่วผู้ชาย!
รูปถ่ายร่วงกระจายอยู่บนพื้น หลินหว่านค่อยเก็บภาพถ่ายขึ้นทีละใบอย่างช้าๆ
เมื่อหลินหว่านเก็บถึงภาพที่แม่เธอมีสายตาสิ้นหวังนั้น น้ำตาของเธอก็ร่วงเผาะออกมาอย่างลืมตัว
หลินหว่านเก็บภาพถ่ายขึ้นด้วยมือที่สั่นเทา มองดูสายตาที่สิ้นหวังของแม่แล้วน้ำตาไหลพราก
ด้วยรูปลักษณ์เช่นนี้ของแม่เธอ จะทำเรื่องแบบในข่าวนั่นได้อย่างไรกันนะ
แม่ต้องไม่ผิด!
หลินหว่านมองดูภาพถ่ายใบนี้โดยไม่พูดสักคำ แต่กลับให้คำมั่นกับตัวเองในใจ เธอต้องสืบเรื่องนี้จนความจริงปรากฏให้ได้ เพื่อล้างมลทินให้แม่!
เวลาผ่านไปอีกหลายวัน ซวี่กวงดูเหมือนจะพบว่าหลินหว่านผิดปกติ
วันหนึ่ง หลังจากหลินหว่านแสดงเสร็จ ซวี่กวงเรียกเธอมาที่ด้านข้าง เขามองหลินหว่านแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่บอกความรู้สึก “หลินหว่าน เมื่อครู่คุณแสดงได้ดีมาก”
“ขอบคุณค่ะผู้กำกับซวี่” หลินหว่านพูดอย่างใจลอย สายตาจ้องจับอยู่ที่พื้น
“แต่ผมรู้สึกว่าพักนี้คุณดูเคร่งเครียดอยู่บ้างนะ หลินหว่าน คุณมีเรื่องอะไรหรือเปล่า” ซวี่กวงถามตามติดมาทันที
“ผู้กำกับซวี่คะ ฉันไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณที่เป็นห่วง” หลินหว่านฝืนใจยกมุมปากขึ้นนิดหนึ่ง มองดูซวี่กวงแล้วพูดออกมาด้วยใบหน้าประดับรอยยิ้ม
“งั้นเหรอ หลินหว่าน ถ้าคุณมีเรื่องอะไร อย่าเก็บไว้ในใจ พูดระบายกับผมได้ บางเรื่องพูดออกมาดีกว่าเก็บไว้ในใจคนเดียวมาก” ซวี่กวงมองดูแล้วขมวดคิ้วพูดกับหลินหว่าน ดูเหมือนเขาจะรู้ว่าหลินหว่านมีความในใจอะไรแน่
หลินหว่านได้ฟังแล้วก็ส่ายศีรษะ ยิ้มแล้วพูดว่า “ผู้กำกับซวี่คะ คุณคิดมากไปแล้ว ฉันไม่เป็นไรค่ะ ฉันแค่รู้สึกว่าใกล้จะปิดกล้องแล้ว เลยออกจะเครียดไปบ้างก็เท่านั้นเอง”
ซวี่กวงฟังแล้วมองหลินหว่านด้วยสายตาลึกซึ้งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วดูเหมือนจะเชื่อคำแก้ตัวของหลินหว่าน เขาพูดว่า “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว รู้สึกเครียดเป็นเรื่องธรรมดา เธอก็จัดระเบียบอารมณ์ของตัวเองเสียหน่อย อย่าให้ส่งผลกับการแสดงและชีวิตของตัวเอง”
พูดจบ ซวี่กวงก็เข้ามาตบไหล่หลินหว่านแล้วพูดว่า “หลินหว่าน พรุ่งนี้ถ่ายฉากสุดท้ายแล้ว แสดงให้ดี ล่ะ”
หลินหว่านผงกศีรษะ “ได้ค่ะ ผู้กำกับซวี่ ฉันจะเตรียมพร้อมสำหรับฉากวันพรุ่งนี้อย่างดีเลยค่ะ”
ต่อเมื่อซวี่กวงเดินจากไปแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าของหลินหว่านก็เลือนหายไปทันที
เรื่องแบบนี้ของแม่เธอ จะพูดกับคนนอกได้อย่างไรกัน
แต่ว่า พรุ่งนี้ก็ถ่ายฉากสุดท้ายแล้วงั้นเหรอ เร็วจังนะ
คืนนั้น เมื่อกลับถึงห้องพักในโรงแรม หลินหว่านหยิบรูปของแม่ออกมาพลิกดูไปทีละรูปๆ อย่างเคย
เพียงแต่ครั้งนี้เธอเฉยชาไร้อารมณ์ ท่าทางแข็งทื่อใจลอย ไม่เหมือนก่อนหน้านี้ที่น้ำตาไหลไม่หยุด
เมื่อเห็นรูปแม่ ใบที่มีสายตาสิ้นหวัง ความโกรธของหลินหว่านลุกฮือโหมขึ้นอย่างรวดเร็ว ตอนที่แม่ของเธอถูกสื่อประณามหยามเหยียดอย่างนั้น ในใจแม่จะเป็นทุกข์และโดดเดี่ยวเคว้งคว้างแค่ไหนนะ
ไม่อย่างนั้นแม่จะทิ้งเธอ ทิ้งทุกอย่างไปฆ่าตัวตายได้อย่างไรกัน
ความจริงในตอนนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ หลินหว่านไม่รู้เลย แต่ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ต้องค้นหาความจริงออกมา ล้างมลทินให้กับแม่ให้ได้!
เธอเก็บความคิดทั้งหมดนี้ไว้ในใจ วันต่อมาหลินหว่านไปกองถ่ายด้วยสภาพจิตใจและอารมณ์เช่นนี้ เพื่อแสดงฉากสุดท้าย
ฉากสุดท้ายของหนัง บทนางเอกที่หลินหว่านแสดง ถูกพิษร้ายระหว่างการต่อสู้กับชนเผ่ามารจนเสียโฉม เนื่องจากเธอไม่ต้องการให้คนที่เธอรักเห็นเธอในสภาพใบหน้าที่เสียโฉมยับเยิน สุดท้าย เธอฆ่าตัวตาย
หลินหว่านเข้าถึงบทบาทได้อย่างยอดเยี่ยม พอซวี่กวงตะโกนคำว่า “แอคชั่น” ออกมา เธอก็สวมบทนางเอกที่กำลังคิดถึงพระเอก แต่เพราะตัวเองเสียโฉมจึงไม่กล้าไปพบหน้าเขาได้อย่างสมบทบาท
ทีมงานในที่นั้นเห็นแล้ว ต่างก็ถูกการแสดงของหลินหว่านชักนำให้เกิดสีหน้าอารมณ์คล้อยตามกันไป
สุดท้าย ตอนแสดงบทนางเอกกระโดดลงจากหน้าผา หลินหว่านกระโดดพุ่งตัวลงไป คนทั้งกองถ่ายต่างพากันกลั้นลมหายใจอย่างอดไม่อยู่ เงียบกริบกันไปหมดทั้งกอง
อย่างไรก็ตาม ยังมีคนส่วนหนึ่งในที่นั้นซึ่งดูเหมือนจะถูกหลินหว่านชักนำอารมณ์จากส่วนลึกข้างในใจออกมา จนถึงกับหลั่งน้ำตาไปตามๆ กัน
จวบกระทั่งซวี่กวงส่งเสียง “คัท” ทุกคนจึงค่อยๆ คลายจากอารมณ์นั้นออกมา
“ผ่าน! เหนื่อยหน่อยนะหลินหว่าน ฉากนี้คุณแสดงได้ดีมาก” ซวี่กวงมองหลินหว่านอย่างชื่นชม
ในสายตาซวี่กวง ฉากสุดท้ายนี้สำหรับหลินหว่านแล้วถือว่าท้าทายอย่างมากทีเดียว สำหรับเขาแล้ว แม้เขาจะรู้ว่าระยะนี้หลินหว่านเข้าถึงบทบาทได้ดีมาก แต่ยังคิดไม่ถึงว่าในฉากนี้หลินหว่านจะทำได้ดีเกินคาด ถ่ายรวดเดียวผ่าน ซึ่งเหนือความคาดหมายของเขาเลยทีเดียว
ทีมงานเข้ามาแก้สายสลิงโหนตัวให้หลินหว่าน ตอนนี้เองหลินหว่านจึงคล้ายกับเพิ่งได้สติกลับคืนมา เธอยกมุมปากยิ้มบางๆ แล้วพูดกับซวี่กวงว่า “ขอบคุณค่ะ ผู้กำกับซวี่”
เผยอี้ที่รับบทเป็นพระเอกก็เข้ามาพูดกับหลินหว่าน “หลินหว่าน เมื่อกี้คุณแสดงได้สุดยอดมากเลยนะ ผมเชื่อว่าตอนหนังเรื่องนี้เข้าฉาย ผู้ชมต้องยอมสยบต่อฝีมือการแสดงของคุณเมื่อครู่นี้แน่”
เผยอี้อยู่ที่นี่ก็เพราะฉากต่อไปเป็นบทของเขาแสดง พอเขาแสดงฉากนี้เสร็จ หนังเรื่องนี้ก็แทบจะปิดกล้องได้แล้ว
ในตอนนั้น แม้แต่ผู้ช่วยตัวน้อยของหลินหว่านก็ยังพูดกับหลินหว่านด้วยขอบตาแดงก่ำ “ฮือๆ หว่านหว่าน พี่ไม่รู้หรือไงว่าเมื่อกี้พี่แสดงได้สุดยอดมากขนาดไหน ฉันดูอยู่ข้างๆ นะ ยังเศร้าจนร้องไห้เลยค่ะ”
ส่วนหลินหว่านแค่ยิ้มรับบางๆ กับคำประเมินนี้ จากนั้นฉวยโอกาสตอนที่ผู้คนไม่ทันสนใจแอบหลบเข้าห้องพักที่โรงแรม
ในห้องพัก หลินหว่านดูรูปถ่ายของแม่ น้ำตาไหลไปพลางหัวเราะไปพลางพูดกับตัวเองว่า “แม่คะ แม่รู้ไหมคะ วันนี้หนูได้รับรู้ถึงความรู้สึกตอนที่แม่ฆ่าตัวตายแล้วค่ะ…ตอนนั้นแม่คงเป็นห่วงจนตัดใจไม่ขาดแน่เลย…”
“หนูรู้ค่ะ แม่ต้องไม่ผิดแน่…ตอนนั้นแม่สิ้นหวังขนาดไหนนะ ถึงได้เลือกหนทางนี้ที่จะไปจากโลกใบนี้…”
“แม่คะ แม่วางใจได้ หนูจะต้องสืบให้รู้ความจริงตอนนั้นให้ได้ จะได้แก้แค้นให้แม่ได้อย่างไรละคะ”