รักเล่ห์เร้นใจ - ตอนที่ 135
“อวิ๋นซี ฉันคิดดีแล้ว ฉันจะไม่ไปจากเซียวจิ่งสือเด็ดขาด เธออยู่กับฉันมานานขนาดนี้แล้ว ก็น่าจะรู้ดี ที่ผ่านมาไม่ว่าฉันจะเกิดเหตุอะไร เซียวจิ่งสือก็มักจะอยู่เคียงข้างฉันเสมอ และฉันก็เคยชินกับการมีเขาอยู่ด้วยอย่างนี้ ฉันไม่อยากคิดเลยว่า ถ้าฉันไปจากเขาแล้วจะอยู่ได้อย่างไร บางทีฉันอาจหมดกำลังใจที่จะสู้ บางทีฉันอาจรู้สึกว่าชีวิตไร้ความหมายไปเลย” หลินหว่านพูดช้าๆ
หลินหว่านนึกถึงเซียวจิ่งสือ เขาเคยทำเพื่อเธอมากมายจนนับไม่ถ้วน หลินหว่านจึงตัดสินใจว่า เธอจะอยู่เคียงข้างเซียวจิ่งสือข้ามผ่านอุปสรรคในครั้งนี้
อวิ๋นซีรู้สึกอ่อนไหวไปกับคำพูดของหลินหว่าน เธออยู่ในวงการบันเทิงมานานขนาดนี้ อวิ๋นซีได้เห็นคนส่วนใหญ่ล้วนเลือกผลประโยชน์ แต่คนที่เป็นคนดีและเห็นแก่น้ำใจไมตรีอย่างหลินหว่านช่างหาได้ยากจริงๆ คำพูดที่เต็มไปด้วยความรู้สึกของเธอ ทำให้อวิ๋นซีไม่พูดชักจูงหลินหว่านอีก
“หลินหว่าน ฉันหวังว่าเธอจะมีชีวิตที่ดี เธอเป็นเด็กดีคนหนึ่ง น่าจะมีอนาคตที่สดใส เธอไม่ควรมาอยู่ในวงการบันเทิงซึ่งเป็นแหล่งรวมผู้คนร้อยพ่อพันแม่ตั้งแต่แรก” อวิ๋นซีถอนใจพูด เธอคาดเดาไม่ถูกเลยว่าต่อไปนี้หลินหว่านจะต้องเจอกับความยากลำบากอะไรบ้าง
“ต่อให้ไม่มีความรัก เซียวจิ่งสือเคยช่วยฉันไว้ขนาดนั้น คอยช่วยเหลือให้กำลังใจฉันยามลำบาก ตอนที่ฉันเศร้าเสียใจก็ทำให้ฉันรู้สึกมีความหวัง ไม่ว่าจะมีอุปสรรคอะไร เขาจะอยู่ข้างหน้าฉันคอยปกป้องฉันเสมอ ครั้งนี้ถึงคราวฉันบ้าง ต่อให้ถือว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณ ฉันก็ควรจะอยู่เคียงข้างต่อสู้ร่วมกับเขา อย่าว่าแต่พวกเรายัง…” หลินหว่านพูดถึงประโยคสุดท้ายแล้วชะงักค้าง
อวิ๋นซีเข้าใจดีว่าหลินหว่านจะพูดอะไร ความรักของพวกเขาสองคน ทั้งบริสุทธิ์และซับซ้อนยุ่งยาก แต่ที่แน่ๆ ทั้งคู่รักกันจริง
“ไปเถอะ พวกเรากลับบริษัทด้วยกัน ทางบริษัทคงต้องจัดการเรื่องนี้ของเธอแน่ ไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับอะไรอีก เธอต้องเตรียมใจไว้ด้วยล่ะ ในเมื่อเธอเลือกเส้นทางนี้แล้ว ก็ยืนหยัดสู้ต่อไปนะ เธอเลือกที่จะอยู่เคียงข้างเซียวจิ่งสือ ต่อไปคงต้องเจอกับเรื่องมากมาย เธอต้องเรียนรู้ที่จะอดทนรับไว้ให้ได้”
หลินหว่านผงกศีรษะ ทั้งสองกลับบริษัทไปด้วยกัน
เป็นไปตามคาด เมื่อหลินหว่านเพิ่งถึงบริษัท เจ้านายก็เรียกหลินหว่านไปที่ห้องทำงานของเขา เจ้านายของหลินหว่านรู้อยู่แล้วว่าเซียวเฉียงเป็นคนสั่งยกเลิกงานเหล่านี้ของหลินหว่าน เขาตั้งใจจะแช่แข็งหลินหว่าน และเจ้านายของหลินหว่านก็ไม่สามารถขัดขืนอะไรได้ จึงได้แต่เลือกที่จะคล้อยตาม
“เจ้านายคะ ฉันรู้เรื่องที่เกิดขึ้นแล้วค่ะ อาจทำให้บริษัทเสียประโยชน์อย่างมาก ตอนนี้คุณจะจัดการอย่างไรก็ได้ ฉันยอมรับฟังทุกอย่าง ฉันแค่หวังว่าจะลดการสูญเสียของบริษัทให้มากที่สุดค่ะ” หลินหว่านพูดอย่างเกรงใจ
เจ้านายก็ทำอะไรกับเรื่องนี้ไม่ได้ เขาไม่อยากสูญเสียหลินหว่านที่กำลังไปได้สวยในวงการบันเทิง แต่เมื่อเผชิญกับเซียวเฉียง เขาก็ต้องทำอย่างนี้ อันที่จริงความเสียดายของเจ้านายก็แค่ชั่วครู่ชั่วยาม ในวงการบันเทิงพวกเขาต่างก็เห็นแก่ผลประโยชน์เป็นสำคัญกันทั้งนั้น คนสวยที่แสดงละครได้มีมากมาย พวกที่ยังทำเงินให้บริษัทได้พวกเขาย่อมเห็นค่ามาก แต่จะไม่ยอมมีเรื่องกับเจ้าของธุรกิจเพียงเพื่อศิลปินคนหนึ่งเด็ดขาด
“หลินหว่าน ตอนนี้ผมหาผู้จัดการฝึกหัดมาให้ดูแลคุณคนหนึ่ง ต่อไปกิจกรรมทุกอย่างของคุณเขาจะเป็นคนรับผิดชอบ อ้อ ต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หวังว่าคุณจะทำใจได้ และพยายามให้ได้งานล่ะ มีงานจึงจะมีเงินนะ บางเรื่องเราก็ไม่มีทางรู้หรอกว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น จนปัญญาเลย” เสียงพูดของเจ้านายฟังดูหมดแรงลงไปเรื่อยๆ
“อื้อ ขอบคุณค่ะ” หลินหว่านตอบรับเสียงเบา จากนั้นหมุนตัวออกจากห้องทำงานของเจ้านาย
หลินหว่านนั่งหมดแรงอยู่ในห้องทำงานตัวเองเพียงลำพัง เธอรู้ดีอยู่แก่ใจว่าทำไมทางบริษัทให้ผู้จัดการฝึกหัดมาดูแลเธอ หลินหว่านเตรียมตัวเตรียมใจมาตั้งนานแล้ว ระหว่างทางไปห้องทำงานของเจ้านายเธอคิดไว้อยู่แล้ว ไม่ว่าทางบริษัทจะจัดการอย่างไร เธอก็เตรียมทำใจไว้แล้ว แต่เมื่อเกิดเรื่องจริงๆ เข้าหลินหว่านกลับรู้สึกร้องไห้ไม่ออก หลินหว่านรู้ว่าสมัยนี้ผู้จัดการฝึกหัดโดยทั่วปกติแล้วยังไม่เก่งนักหรอก
“สวัสดีค่ะ ฉันเป็นผู้จัดการฝึกหัดคนใหม่ ตอนนี้รับผิดชอบดูแลงานของคุณค่ะ หวังว่าพวกเราจะร่วมงานด้วยดีนะคะ”
เบื้องหน้าหลินหว่านมีหญิงสาวอายุไม่มากนักยืนอยู่ เธอยิ้มเล็กน้อยมองดูหลินหว่าน แต่ในรอยยิ้มนั้นกลับให้ความรู้สึกว่าเป็นการเสแสร้ง หลินหว่านไม่รู้ว่าผู้จัดการคนใหม่จะมาเร็วขนาดนี้ จึงนิ่งอึ้งไป
“อ้อ สวัสดีค่ะ ฉันหลินหว่าน ขอบคุณนะที่มาเป็นผู้จัดการให้ฉัน ต่อไปต้องรบกวนคุณแล้ว หวังว่าพวกเราจะร่วมงานกันด้วยดีนะ” หลินหว่านยิ้มให้กับผู้จัดการคนใหม่ตามมารยาท
หลินหว่านไม่รู้ว่าทำไมจึงไม่รู้สึกสนิทกับผู้จัดการคนใหม่เอาเสียเลย เธออยากจะคุ้นเคยกับผู้จัดการคนใหม่นี้ให้เร็วที่สุด แต่ไม่มีความรู้สึกแบบว่าอยากจะทำความรู้จักกับเธอเลย กลับรู้สึกเหมือนมีอะไรไม่รู้มาขวางกั้นอยู่
เนื่องจากแหล่งงานของหลินหว่านมีน้อยมาก อีกทั้งในระหว่างนี้ยังได้ยินข่าวจากทางบริษัทถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับหลินหว่าน ทำให้ผู้จัดการฝึกหัดนั้นรู้ว่าหลินหว่านอาจต้องเจอกับสภาพแช่แข็ง จึงรู้สึกโกรธมาก และเปลี่ยนสีหน้าท่าทีที่ปฏิบัติกับหลินหว่าน
ผู้จัดการฝึกหัดเดินเข้ามาในห้องทำงานของหลินหว่าน เธอขมวดคิ้วจ้องหน้าเธอ
“เธอมีอะไรเหรอ ทำไมต้องมองฉันอย่างนี้ด้วย” หลินหว่านถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“ไม่มีอะไรหรอก แค่รู้สึกว่าทำไมฉันต้องมาซวยแบบนี้ ได้เป็นผู้จัดการดาราทั้งทีก็ต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้ คุณกำลังจะโดนดองอยู่แล้ว พอคุณโดนดองฉันก็เตรียมเจอหายนะน่ะซิ ถึงจะเป็นผู้จัดการดาราแต่ก็ต้องมีความสามารถและต้องมีชื่อเสียงในวงการบันเทิงนะ! ครั้งแรกก็เจอแบบนี้ เฮ้อ ไม่พูดดีกว่า ซวยชิบเป๋งเลย” ผู้จัดการฝึกหัดขมวดคิ้วพูดออกมา
ใบหน้าหลินหว่านปรากฏรอยแดงเรื่อขึ้นมา เธอรู้สึกละอายใจมาก ตอนนี้เธอกำลังเรียนรู้ที่จะรับมือกับเรื่องไม่ดีทั้งหลาย เธอพยายามอย่างที่สุดที่จะควบคุมความรู้สึกอึดอัดขัดข้องใจและความโมโหของตัวเอง
“เธอโชคร้ายอยู่บ้างที่เจอกับฉัน แต่ถ้าเป็นผู้จัดการที่มีความสามารถที่แท้จริง เขาจะไม่มานั่งตัดพ้อต่อว่าแบบนี้ เขาจะใช้ความสามารถของตัวเองเพื่อทำให้คนอื่นยอมรับให้ได้” หลินหว่านพูดเสียงเรียบ พูดจบก็ก้มหน้าลง ไม่มองดูผู้จัดการฝึกหัดอีกเลย
ผู้จัดการฝึกหัดเหมือนจะโมโหมาก แต่ไม่พูดอะไร นั่งลงบนโซฟาแล้วหยิบมือถือขึ้นมาดู
หลินหว่านนึกถึงอวิ๋นซีขึ้นมาทันที ถ้าหากเธอยังอยู่กับหลินหว่าน ก็คงจะเป็นสถานการณ์อีกแบบหนึ่งที่ดีมาก หลินหว่านไม่มีสิทธิ์ไปต่อว่าผู้จัดการฝึกหัดคนนี้ เพราะเป้าหมายของพวกเขาคือการมาทำงานเพื่อรับเงินค่าจ้าง การที่พวกเขาวางผลประโยชน์ให้สำคัญเป็นอันดับหนึ่งนั้นไม่ผิด ถึงอย่างไรแล้ว หลินหว่านก็ไม่เคยรู้จักมักจี่อะไรกับเธอมาก่อน
ห้องเงียบมาก เนื่องจากมีงานน้อยมาก หลินหว่านทำได้แค่หาหนังสือเล่มหนึ่งมาอ่าน
“ซวยจริงๆ เลยเรา เฮ้อ ซวยโว้ย” ผู้จัดการฝึกหัดลุกพรวดขึ้นจากโซฟา พูดประโยคนี้แล้วเดินออกไป
ผู้จัดการพวกนี้เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องตกงาน จึงเริ่มพยายามมองหาแหล่งงานอื่น
พอถึงตอนบ่าย หลินหว่านเตรียมตัวจะกลับบ้าน จู่ๆ ผู้จัดการฝึกหัดก็เดินเข้ามา
“หลินหว่าน เธอไปหาผู้กำกับของานทำสักหน่อยเถอะ! พวกเราจะมานั่งรอความตายแบบนี้ไม่ได้นะ” ผู้จัดการฝึกหัดพูดพลางจ้องหลินหว่าน