รักเล่ห์เร้นใจ - ตอนที่ 169 ตั้งสติ
หลายวันมานี้เซียวจิ่งสือมักใจลอยอยู่เรื่อย งานของบริษัทเขาก็ไม่ใส่ใจนัก ไม่มีกะจิตกะใจจะไปสนใจเรื่องพวกนั้น
วันนี้ จู่ๆ เสียงจากโทรศัพท์มือถือก็ดังลั่นขึ้นที่ข้างหู เซียวจิ่งสือลืมตาขึ้นอย่างงัวเงีย พยายามลุกขึ้น คว้ามือถือขึ้นดูก็เห็นว่าเป็นสายจากเลขา
พอรับสาย เสียงร้อนรนของเลขาก็ดังมาจากปลายสายอีกด้าน “ประธานเซียวคะ วันนี้มีประชุมกรรมการบริษัท คุณถึงไหนแล้วคะ ผู้ถือหุ้นมากันพร้อมแล้วค่ะ”
เซียวจิ่งสือได้ฟังแล้วแอบนึกว่า เมื่อคืนเขาดื่มคนเดียวมากไปหน่อยเดียวเอง ถึงกับลืมไปเลยว่าวันนี้ยังมีเรื่องสำคัญอีก
เซียวจิ่งสือพูดเสียงหนักว่า “รีบไปบอกทุกคนว่าเลื่อนการประชุมออกไปครึ่งชั่วโมง อีกเดี๋ยวผมก็ถึงแล้ว”
เซียวจิ่งสือเห็นแสงอาทิตย์เจิดจ้าบาดตาที่ด้านนอกแล้ว รู้สึกมึนหัวอยู่บ้าง ลุกจากเตียงอย่างหงุดหงิด เปลี่ยนเป็นชุดสูทตามปกติ รีบทานข้าวเช้าไปหน่อยแล้วขับรถบึ่งไปบริษัท
ในที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทในเครือวั่นหย่ากรุ๊ป บรรดาผู้ถือหุ้นสีหน้าไม่ดีนัก ถกเถียงกันเสียงระงมไม่หยุดปาก บางคนบ่นว่าทำไมการประชุมยังไม่เริ่มซะที
ขณะที่ห้องประชุมวุ่นวายอยู่นั้น ชายชราร่างสูงใหญ่สง่าภูมิฐานคนหนึ่ง เดินเข้าประตูมาด้วยดวงตาเป็นประกายวาวทรงอำนาจ ด้านหลังตามติดด้วยผู้ช่วยอีกสองคน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นผู้ก่อตั้งเครือวั่นหย่ากรุ๊ป…เซียวเฉียง
เมื่อเซียวเฉียงมาถึง ทั้งห้องประชุมก็เปลี่ยนเป็นเงียบกริบ แต่เซียวเฉียงไม่ได้พูดอะไรเลย เขาเดินเข้าไปนั่งในตำแหน่งของตัวเองแล้วรอคอยอย่างเงียบๆ
ผ่านไปชั่วครู่ เมื่อเซียวจิ่งสือเข้ามาในที่ประชุม สายตากวาดไปทางบรรดาผู้ถือหุ้นที่นั่งเรียงรายกันเต็มพรืด ทุกสายตามองมาที่เขาด้วยสีหน้าไม่ดีนัก เซียวเฉียงเห็นว่าตอนเซียวจิ่งสือเดินเข้ามานั้นผมเผ้ายุ่งเหยิงกับชุดเครื่องแต่งกายที่ยับย่นไม่เรียบร้อย เขามองออกว่าเซียวจิ่งสือแต่งตัวลวกๆ อย่างเห็นได้ชัด ช่างไม่สมกับที่เป็นท่านประธานของวั่นหย่ากรุ๊ปเอาซะเลย เซียวเฉียงมองดูเซียวจิ่งสือในตอนนี้แล้วนึกว่าเดิมทีนั้นความสามารถของเขาทำให้เขาพอใจมาก แต่ตอนนี้ทำไมจึงเปลี่ยนไปเป็นแบบนี้ บริษัทกำลังตกอยู่ในสถานะที่ลำบาก เขากลับยังทำตัวไม่กระตือรือร้นสนใจแบบนี้อีก
ขณะที่เซียวเฉียงกำลังคิดจะตำหนิเซียวจิ่งสือนั้น เขาเห็นรอบข้างมีผู้คนมากมาย ไม่เหมาะจะแสดงอารมณ์ในตอนนี้ จึงได้แต่ขมวดคิ้วแน่นขึ้นอีก
ผู้ถือหุ้นแซ่ถังจับตามองทุกความเคลื่อนไหวของเซียวเฉียง เขาเป็นคนเปิดเผยตรงไปตรงมา หลังจากทักทายที่ประชุมตามมารยาทแล้วก็ขึ้นกล่าวเป็นคนแรก
ท่าทีร้อนรนจนทนรอไม่ไหวของผู้ถือหุ้นถัง เหมือนกับว่าเขาอดทนรอวันนี้มานานมากแล้ว จำเป็นต้องรีบพูดความในใจของเขาออกมา
ผู้ถือหุ้นถังพูดว่า “ท่านประธานเซียว พวกเรารู้ว่าช่วงนี้คุณมีเรื่องมากมายต้องทำ แต่คุณก็รู้ว่าพวกเราทำธุรกิจกัน ทุกอย่างก็เพื่อผลประโยชน์เป็นสำคัญ ระยะนี้ผลงานของบริษัทตกต่ำลงไปอย่างหนัก ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปพวกเราก็จะขาดทุน และถ้ายังปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปสถานการณ์ของบริษัทก็จะน่าเป็นห่วง สภาพของคุณในระยะนี้พวกเราคิดว่าคุณไม่เหมาะจะเป็นประธานบริษัทของพวกเราในเวลานี้ครับ”
ผู้ถือหุ้นจางเห็นว่ามีคนเปิดประเด็น ก็รีบเสริมรับความคิดเห็นของผู้ถือหุ้นถัง
แล้วทีนี้คนนั้นก็พูดคำคนนี้พูดคำนี้ ที่ประชุมระงมไปด้วยเสียงพูดแสดงความคิดเห็นของตนเอง ส่วนใหญ่ล้วนเสนอให้ถอดถอนเซียวจิ่งสือออกจากตำแหน่งประธานบริษัท
เซียวจิ่งสือรู้ว่าตัวเองไม่ใส่ใจดูแลบริษัท แต่ผู้ถือหุ้นพวกนี้กลับนำมาขยายผลให้ดูใหญ่โต การประชุมนี้เกิดขึ้นจากการนำเสนอขึ้นมา เห็นได้ชัดว่ามีการวางแผนไว้ล่วงหน้า
ขณะที่สถานการณ์โน้มเอียงไปในทางเดียวกัน เซียวจิ่งสือรู้สึกว่าวันนี้เขาคงต้องหลุดจากตำแหน่งเป็นแน่ เขามองไปทางเซียวเฉียง สายตาเปี่ยมด้วยความหวาดกลัว
ตอนนี้เองเซียวเฉียงที่นั่งเงียบอยู่ด้านข้างตลอดเวลา คอยฟังเสียงผู้คนที่ออกมาแสดงความคิดเห็น จนกระทั่งทุกคนพูดออกมาจนหมด เซียวเฉียงก็รู้ดีว่าสภาพของเซียวจิ่งสือในระยะนี้ไม่ค่อยดีนักเพราะการจากไปของหลินหว่าน ซึ่งเขาเองเป็นคนให้หลินหว่านจากไป เขาจึงไม่อาจผลักภาระรับผิดชอบทั้งหมดไปที่เซียวจิ่งสือแต่เพียงผู้เดียว
เซียวเฉียงตาเป็นประกาย ดื่มน้ำชาคำหนึ่ง กระแอมแล้วพูดขึ้นว่า “ทุกท่านต่างก็ได้แสดงความคิดเห็นกันมาพอสมควรแล้ว พูดตามจริงเลยนะ คำพูดของทุกท่านล้วนแต่มีเหตุผลที่ดีกันทั้งนั้น เพราะถึงอย่างไรแล้วเซียวจิ่งสือก็ยังอายุน้อยเกินไป แต่ความสามารถในการทำงานของเขา ทุกท่านต่างก็ได้เห็นกับตามาแล้ว ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเพราะหลินหว่าน ต่อไปผมจะไม่ยอมให้เซียวจิ่งสือได้ติดต่อกับผู้หญิงคนนี้อีก ผมเห็นว่าถึงยังไงเซียวจิ่งสือก็ได้ทำเพื่อบริษัทมาตั้งมากมาย พวกเราไม่อาจถอดถอนเขาเพียงเพราะความผิดพลาดครั้งเดียวได้ ผมเห็นว่านี่ไม่ใช่วัฒนธรรมองค์กรของบริษัทเรา ทุกท่านเห็นว่าไง ควรจะเชื่อเขาอีกสักครั้งไหม”
ท่านประธานอาวุโสเอ่ยปากทั้งที ผู้ถือหุ้นแต่ละคนในที่ประชุม มีจำนวนมากที่ติดตามเซียวเฉียงเข้าสู่วงการธุรกิจ ถ้าหากไม่มีเซียวเฉียงพวกเขาก็ไม่มีวันนี้ ทุกคนล้วนเข้าใจความหมายของเซียวเฉียงเป็นอย่างดี
หลังจากคำพูดของเซียวเฉียงแล้ว พวกผู้ถือหุ้นก็ไม่มีใครพูดอะไรอีก ต่างพากันเห็นด้วยกับข้อเสนอของเซียวเฉียง
หลังการประชุม เซียวเฉียงเจอหน้าเซียวจิ่งสือแต่กลับไม่พูดด้วยสักคำ เพียงแค่มองดูเซียวจิ่งสือด้วยสายตาลึกซึ้งจากนั้นก้าวเดินจากไปด้วยฝีเท้าที่หนักแน่น
เซียวจิ่งสือกลับมาถึงห้องทำงานของเขา พบว่าเซียวเฉียงรออยู่แล้ว
“มาแล้วสินะ เมื่อครู่แกก็เห็นแล้วว่าผู้ถือหุ้นทุกคนต่างคิดจะถอดถอนแกจากตำแหน่งประธานบริษัท กว่าฉันจะมอบตำแหน่งประธานบริษัทให้แกดูแลไม่ใช่เรื่องง่ายนะ จิ่งสือ หลินหว่านนี่เป็นจอมโกหกแท้ๆ หล่อนหลอกลวงความรักของแก หล่อนมันก็แค่คนทรยศแกเท่านั้นเอง ทำไมยังจะเสียใจเพราะหล่อนอยู่อีก แกต้องคว้าโอกาสครั้งนี้ไว้ให้ได้ ตอนนี้บริษัทต้องการแกมากนะ ฉันหวังว่าแกจะกลับมาเป็นผู้เป็นคนกับเขาเสียที”
เซียวจิ่งสือผงกศีรษะรับ ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองเซียวเฉียง เขารู้ว่าระยะนี้เขาซึมเศร้าไปมาก จมอยู่กับอารมณ์ของตัวเองทำให้ละเลยหน้าที่การงานในบริษัท
พอกลับถึงบ้านเซียวจิ่งสือก็นั่งนิ่งอยู่บนโซฟา นึกถึงสภาพในที่ประชุมวันนี้ นึกถึงว่าเขาเองอยู่ในวงการธุรกิจ มีความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ได้ย่อมไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้ง่ายๆ แต่วันนี้กลับถูกคนพวกนี้ร่วมมือกันจะปลดเขาจากตำแหน่ง แต่ก่อนหน้านี้ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะเขา พวกเขาจะได้กำไรขนาดนี้งั้นเหรอ วงการธุรกิจนี่ไม่ใช่ที่ที่จะมาพูดถึงน้ำใจไมตรีกันมากนัก ขอเพียงคุณมีความสามารถ คนอื่นก็จะยอมรับคุณเอง
เซียวจิ่งสือตัดสินใจว่าจะตั้งใจทำงานอีกครั้ง จะให้ความสำเร็จตกเป็นของคนที่ตัวเองเกลียดไม่ได้ เขาจะต้องมีความสามารถที่จะต่อกรกับบ้านตระกูลอันอีกครั้งให้ได้
เซียวจิ่งสือเข้าไปที่ทำงานแต่เช้าตรู่ ท่าทางกระตือรือร้นจนคึกคักของเขาทำเอาคนในบริษัทพากันรู้สึกแปลกๆ ไปตามกัน
หลายวันมานี้ ท่าทีซึมเซาของคุณชายเซียวทำให้บริษัทเกือบตกอยู่ในสภาพขาดทุน ตอนนี้นักธุรกิจหนุ่มฝีมือฉกาจคนนี้กลับมาแล้ว
เวลาทั้งวันผ่านไป เซียวจิ่งสืออยู่ที่บริษัททำความเข้าใจสถานการณ์ของบริษัทในตอนนี้ทั้งหมด วิเคราะห์ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของแต่ละโครงการอย่างละเอียด
เขาอยากจะยุ่งกับงานเพื่อจะไม่มีเวลาไปคิดถึงหลินหว่านชั่วคราว ตอนพักเที่ยงเซียวจิ่งสือไม่ได้ออกไปทานข้าว หมกตัวอยู่กับงาน
เหล่าผู้ถือหุ้นพอเห็นว่าบริษัทกลับเข้ารูปเข้ารอยอย่างรวดเร็ว ก็อดนับถือในความสามารถของเซียวจิ่งสือไม่ได้
เซียวจิ่งสือเป็นคนเก่งจริงอย่างที่คิดไว้ นับแต่เขากลับมาบริหารอีกครั้งบริษัทก็ดำเนินงานอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ขณะที่ค่อยๆ แย่งอำนาจการบริหารของกลุ่มบริษัทบ้านตระกูลอันมาอย่างช้าๆ
เซียวจิ่งสือรู้สึกว่าทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นเกินไป จึงแอบสืบดูจนรู้ว่าที่แท้อู๋ชงคอยแอบช่วยเขาอยู่