รักเล่ห์เร้นใจ - ตอนที่ 186 รูปถ่ายไปไหน
คืนนั้นหลังจากเซียวจิ่งสือออกจากห้องของอันซิงแล้ว เขายังไม่ได้รับรูปถ่ายของหลินหว่าน
เซียวจิ่งสือเกรงว่าอันซิงจะโกรธอายจนกลายเป็นโทสะ เอารูปขึ้นเน็ตทำลายชื่อเสียงของหลินหว่าน หรือไม่เธอก็จะใช้รูปถ่ายพวกนี้มาข่มขู่เขาอีก มาคิดดูแล้วเขาจึงเตรียมการลงมือ
เซียวจิ่งสือติดต่อสำนักงานนักสืบแห่งหนึ่งไว้ เขาได้ข่าวว่าสำนักงานนักสืบนี้มีฝีมือดีมาก คนที่คุณต้องการสืบไม่ว่าใคร พวกเขาไม่มีว่าสืบไม่ได้ ทุกเรื่องที่คุณต้องการทำ พวกเขาจัดการให้ได้ทุกอย่าง เซียวจิ่งสือติดต่อกับสำนักงานนักสืบนี้แล้วนัดว่าบ่ายวันนี้ให้อีกฝ่ายมาพบเขาที่บริษัท
ตอนบ่าย ภายในห้องทำงานของเซียวจิ่งสือ ที่นั่งตรงข้ามเขาเป็นผู้ชายที่พล่ามพูดไม่หยุดคนหนึ่ง “คุณเซียว คุณวางใจได้ สำนักงานนักสืบของเรามีฝีมือระดับสุดยอดแน่นอนครับ ขอแค่ไม่ใช่เรื่องทำผิดกฎหมาย ไม่ว่าคุณจะให้สืบใคร สืบอะไร พวกเราจัดการให้คุณได้เรียบร้อย ไม่ผิดพลาด ตามรอยไม่ได้แน่ครับ นอกจากนี้คุณยังไม่ต้องกังวลว่าฐานะของคุณจะรั่วไหลด้วย เราทำงานนี้อย่างมืออาชีพแน่นอนครับ…”
ชายคนนี้ดูแล้วรูปร่างผอมบาง สวมแว่นตาท่าทางเหมือนหนอนหนังสือ คิดไม่ถึงว่าจะพูดจาไหลลื่นคล่องปากได้ปานนี้
“เอาล่ะ” เซียวจิ่งสือพูดขัดขึ้นอย่างหงุดหงิดรำคาญว่า “พรุ่งนี้คุณแค่ช่วยผมจับตาดูความเคลื่อนไหวของอันซิงคุณหนูใหญ่บ้านตระกูลอัน สืบให้ชัดว่าทุกวันเธอทำอะไร ติดต่อกับใครบ้างก็พอแล้ว”
“ท่านประธานเซียว คุณให้ผมจับตาดู…คุณหนูอันทุกวัน?” นักสืบนั้นฟังคำพูดเซียวจิ่งสือแล้ว นิ่งอึ้งไปอย่างเหนือความคาดหมายอยู่บ้าง ตอนที่ท่านประธานเซียวติดต่อเขานั้น เขาก็สืบค้นข้อมูลของเขามาเหมือนกัน ข่าวว่าอันซิงคุณหนูใหญ่บ้านตระกูลอันเป็นว่าที่ภรรยาในอนาคตของเขา แต่คิดไม่ถึงว่าเขากลับให้ไปเฝ้าจับตามองภรรยาในอนาคตของตัวเอง!
นักสืบมองดูเหนือศีรษะของเซียวจิ่งสือ เกิดความคิดวาบผ่านเข้ามาเป็นเรื่องราวชู้สาวหลากหลายรูปแบบ
เซียวจิ่งสือไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ พูดขึ้นอีกว่า “ใช่ แล้วก็…ในมือเธอมีทรัมพ์ไดร์ฟอยู่ตัวหนึ่ง ข้างในมีภาพถ่ายที่เปิดเผยไม่ได้ ตอนคุณเฝ้าดูเธอ ต้องสังเกตดูเป็นพิเศษถึงการเคลื่อนย้ายภาพถ่ายพวกนี้ อย่าให้เธอเปิดเผยออกไปเด็ดขาด”
นักสืบนั้นอยากรู้นักว่า ‘ภาพถ่ายที่เปิดเผยไม่ได้’ ของเซียวจิ่งสือนั้นเป็นภาพอะไรกันแน่ แต่อาชีพของพวกเขาต้องมีความเป็นมีอาชีพสูง เรื่องที่ไม่ควรถาม เขาย่อมจะไม่ถามแม้สักครึ่งคำ
“ได้ครับ ท่านประธานเซียว เรื่องนี้ทางสำนักงานเราจะจัดการให้คุณอย่างเรียบร้อยครับ คุณวางใจได้!” สมองของเขาวิ่งเร็วจี๋ พอฟังคำของเซียวจิ่งสือแล้ว กลบเกลื่อนความรู้สึกประหลาดใจไว้มิดชิด รีบเอ่ยปากรับรองแข็งขัน
เซียวจิ่งสือรู้สึกว่าเขาออกจะโอ้อวดเกินตัวไป จึงเกิดสงสัยความสามารถของเขาขึ้นมาอยู่บ้าง แต่เซียวจิ่งสือก็ยังหยิบเช็คที่เตรียมไว้ออกมา วางตรงหน้านักสืบ พูดว่า “นี่เป็นเงินมัดจำล่วงหน้า ผมหวังว่าเรื่องนี้จะสำเร็จได้ยิ่งเร็วยิ่งดี เสร็จเรื่องแล้วยังมีค่าตอบแทนให้อีกต่างหากด้วย”
นับสืบกวาดตาแวบเดียวก็รู้ว่าตัวเลขบนเช็คมีมูลค่าไม่น้อยเลย เขาเก็บขึ้นอย่างยินดี พร้อมกับรับปากรับคำกับเซียวจิ่งสือว่า “ได้ครับ ท่านประธานเซียว คุณวางใจได้ เรื่องนี้ผมจะจัดการให้เรียบร้อยโดยเร็วที่สุดเลยครับ!”
นักสืบไม่ได้คุยโวเกินจริง วันต่อมาเขาก็สืบทราบว่าภาพถ่ายอยู่ที่ไหน อันซิงส่งภาพถ่ายให้กับนักข่าวจางหานของสำนักพิมพ์อวิ๋นอี้
จางหานเป็นนักข่าวที่มีชื่อในวงการบันเทิงทีเดียว แต่เป็นชื่อเสียงที่ไม่ดีนัก เขามักจะแอบถ่ายภาพลับเฉพาะของพวกดาราแล้วใช้แบล็คเมล์คนที่อยู่ในภาพถ่ายนั้น ดาราที่ถูกเขาแบล็คเมล์บ้างก็ยอมจ่ายเงินซื้อรูปแต่โดยดี บ้างก็แค่รอให้ภาพถ่ายถูกเปิดเผยสู่สายตาสาธารณชน
นักสืบรีบรายงานผลให้เซียวจิ่งสือทราบทันที เซียวจิ่งสือแอบตกใจพร้อมกับโอนเงินค่าจ้างให้กับเขาไป แล้วให้นักสืบจับตาดูอันซิงต่อไป
หลังจากวางสายจากนักสืบแล้ว เซียวจิ่งสือไม่รู้ว่าอันซิงส่งภาพถ่ายให้จางหาน เพื่อต้องการอะไรแน่
แต่เขารู้ว่าจะให้จางหานเปิดเผยภาพถ่ายพวกนี้ไม่ได้แน่ ไม่อย่างนั้น อนาคตของหลินหว่านในวงการบันเทิงจะดับวูบลงทันที
เซียวจิ่งสือโทรออกสายหนึ่ง จากนั้นเขาบึ่งรถไปที่บ้านของจางหาน พร้อมกับลูกน้องอีกหลายคน
จางหานพักอยู่ในย่านชานเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่ง พอได้ยินเสียงกริ่งประตู เขาก็เดินเอื่อยๆ ออกมาเปิดประตู พร้อมกับถามอย่างรำคาญว่า “ใครน่ะ?”
แต่คิดไม่ถึงว่าพอเขาเปิดประตูออก ก็มีผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่กลุ่มหนึ่งบุกเข้ามา พวกเขาพุ่งพรวดเข้ามาจับตัวเขากดลงกับพื้นอย่างรวดเร็ว
“พวกแกทำอะไรน่ะ? พวกแกเป็นใครกัน? ปล่อยฉัน…” จางหานร้องตะโกนไปพลางดิ้นรนไปพลาง
ตอนนั้นเอง มีชายหนุ่มหน้าตาท่าทางไม่ธรรมดาคนหนึ่งเดินมาตรงหน้าเขา ก้มลงมองแล้วถามว่า “แกคือจางหานสินะ? บอกฉันมาว่ารูปถ่ายที่อันซิงส่งให้แกตอนนี้อยู่ที่ไหน”
“ท…ท่านประธานเซียว?” จางหานมองเซียวจิ่งสืออย่างเหลือเชื่อ สีหน้าหวาดกลัว พอได้ยินเขาถามก็รีบตอบว่า “ท่านประธานเซียว คุณพูดอะไรน่ะ? รูปถ่ายอะไร? ผมไม่รู้เรื่องเลย? คุณเข้าใจผิดหรือเปล่า?”
“อันซิงไม่ได้ส่งรูปถ่ายให้แกหรือไง?” เซียวจิ่งสือจ้องหน้าจางหานนิ่ง แล้วถามเสียงเย็นว่า “รูปถ่ายพวกนั้นอยู่ที่ไหน”
“ไม่มีหรอกครับ…อันซิงไม่ได้ส่งภาพถ่ายให้ผม!” จางหานแย้งขึ้น “ท่านประธานเซียว คุณเชื่อผมสิ! ผมไม่รู้เลยว่ารูปถ่ายอะไร…”
เซียวจิ่งสือมองสำรวจจางหานอย่างไม่เชื่อเขาเลยสักนิด พอเห็นว่าสายตาเขากลอกกลิ้งไปมา ท่าทางตื่นเต้นจนตัวเกร็ง จึงสั่งลูกน้องที่ด้านข้างคนหนึ่งว่า “ไปห้องมัน ค้นในคอมพิวเตอร์กับมือถือ ต้องหารูปถ่ายออกมาให้ได้”
ลูกน้องเขาคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น ก็คือซั่วเฟิงซึ่งมีความสัมพันธ์กับอันซิงแทนเซียวจิ่งสือที่โรงแรมในคืนนั้นนั่นเอง
ซั่วเฟิงเข้าไปที่ห้องจางหานตามสั่ง ชั่วครู่ต่อมา เขาก็ออกจากห้องของจางหาน ในมือมีทรัมพ์ไดร์ฟตัวหนึ่งกับโน๊ตบุ๊กอีกเครื่องหนึ่ง เขาพูดกับเซียวจิ่งสือว่า “ท่านประธานเซียวครับ ได้ภาพถ่ายแล้วครับ!”
“อยู่ที่ไหน?” เซียวจิ่งสือถามซั่วเฟิงอย่างร้อนรน
“ท่านประธานเซียว รูปถ่ายอยู่ในทรัมพ์ไดร์ฟนี่ครับ” พูดพลาง ซั่วเฟิงจัดวางโน๊ตบุ๊กลงบนโต๊ะ เสียบทรัมพ์ไดร์ฟเข้ากับเครื่องคอมพิวเตอร์ เปิดออกดูไฟล์ในทรัมพ์ไดร์ฟ พริบตานั้นภาพถ่ายของหลินหว่านก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอคอมพิวเตอร์
เซียวจิ่งสือเดินมาที่เครื่องคอมพิวเตอร์ เปิดดูภาพถ่ายหลินหว่านไปทีละภาพ แต่เซียวจิ่งสือนึกไม่ถึงว่าในทรัมพ์ไดร์ฟนอกจากจะมีภาพถ่ายของหลินหว่านแล้ว ยังมีภาพถ่ายอีกนับพันใบ
เขาเปิดดูภาพถ่ายเหล่านั้น เห็นว่าภาพถ่ายพวกนั้นแต่ละใบแข่งกันสวมใส่น้อยชิ้น ก็พอจะดูออกว่า น่าจะแอบถ่ายมาทั้งนั้น อีกทั้งส่วนใหญ่ยังเป็นดาราในวงการบันเทิงทั้งนั้นอีกด้วย เซียวจิ่งสือนึกถึงคำพูดที่นักสืบโทรหาเขา แค่นหัวเราะในใจ ดูท่าจางหานคงจะใช้ภาพถ่ายพวกนี้ไปแบล็คเมล์ดาราพวกนั้นสินะ