รักเล่ห์เร้นใจ - ตอนที่ 188 เป้าหมาย
“หลินหว่าน? บังเอิญจังนะ คุณมาทานข้าวที่นี่ด้วย?”
ภายในร้านอาหารแห่งหนึ่ง หลินหว่านกำลังทานข้าวกับเซียวจิ่งสือ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงคนทักทายเธอดังมา
เธอเงยหน้าขึ้นมองเห็นว่าเป็นสวี่เหวินอี ห่างจากที่ได้พบเขาคราวก่อนนานทีเดียว คิดไม่ถึงว่าจะมาเจอกันที่นี่อีก หลินหว่านยิ้มพลางพูดว่า “ใช่ บังเอิญจัง คุณก็มาทานข้าวที่นี่ด้วย?”
“ใช่ครับ ผมกับพวกเพื่อนร่วมงานมานี่ด้วยกัน” พูดจบ สวี่เหวินอีก็ชี้ไปทางหนึ่งแล้วพูดว่า “พวกเขาอยู่ทางด้านโน้นกัน ผมเพิ่งหาที่จอดรถได้ เลยเสียเวลาไปหน่อย”
หลินหว่านมองตามทิศทางที่สวี่เหวินอีชี้ไป ก็เห็นผู้ชายกลุ่มหนึ่งบุคลิกลักษณะหลากหลายกันไป จึงพูดทักขึ้นว่า “เพื่อนร่วมงานคุณนี่เยอะจังนะคะ”
ตอนนั้น หลินหว่านไม่ได้สังเกตเห็นว่าสีหน้าเซียวจิ่งสือยิ่งบูดลงไปทุกที
“ก็ไม่เท่าไหร่หรอกครับ” สวี่เหวินอีเห็นสีหน้าเซียวจิ่งสือแล้ว พูดอีกว่า “เอาละครับ ไม่รบกวนคุณกับประธานเซียวทานข้าวแล้ว เพื่อนร่วมก๊วนผมยังรอผมอยู่แน่ะ ผมไปก่อนนะครับ”
“ค่ะ” หลินหว่านยิ้มๆ มองเขาจากไป
สวี่เหวินอีจากไปแล้ว หลินหว่านจึงเห็นสีหน้าบูดบึ้งของเซียวจิ่งสือ ถามว่า “ทำไมรึคะ เซียวจิ่งสือ?”
“ต่อไปอยู่ห่างหมอนั่นหน่อย” เซียวจิ่งสือนึกถึงตอนที่หลินหว่านยิ้มกับสวี่เหวินอีแล้วรู้สึกอึดอัดขัดใจขึ้นมา ปกติไม่เห็นเธอจะยิ้มกับเขาแบบนี้บ้าง เซียวจิ่งสือยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห พูดอีกว่า “เขาไม่ใช่คนดีนักหรอก”
“…” หลินหว่านไม่รู้จะพูดอะไรดี เซียวจิ่งสือกินน้ำส้มอย่างไร้เหตุผลสิ้นดี เธอไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของเซียวจิ่งสือแม้แต่น้อย
วันต่อมา หลินหว่านได้รับโทรศัพท์จากสวี่เหวินอี นัดเธอไปทานข้าวเที่ยงด้วยกัน หลินหว่านนึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาสองคนแล้ว ก็คิดซะว่าเป็นการร่วมทานอาหารของเพื่อนนักเรียนเก่า ไม่น่าจะไม่เหมาะสมตรงไหน จึงรับปากตกลงไป
“หลินหว่าน ไม่ได้เจอกันตั้งหลายปี คุณสวยขึ้นมากเลยนะครับ” สวี่เหวินอีพูดกับหลินหว่านที่นั่งตรงหน้า “ผมได้ดูหนังที่คุณเล่นด้วย แสดงได้ไม่เลวเลยนี่”
“ขอบคุณค่ะ” ต่อให้เป็นเพียงคำพูดตามมารยาท หลินหว่านได้ยินว่ามีคนชมว่าเธอแสดงได้ดี ก็อดดีใจไม่ได้
ทั้งสองต่างทักทายกันไปตามมารยาทอยู่ชั่วครู่ สวี่เหวินอีก็พูดถึงจุดประสงค์ที่เขานัดหลินหว่านทานข้าว “หลินหว่าน ได้ยินว่าแฟนคุณคือเซียวจิ่งสือ ประธานบริษัทเครือวั่นหย่ากรุ๊ปงั้นรึ?”
“อ่า…ก็ใช่นะ” หลินหว่านไม่ต้องการประกาศตัวเรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับเซียวจิ่งสือ พอเห็นว่าสวี่เหวินอีถามแบบนี้จึงตอบอย่างกำกวมไป
“วั่นหย่ากรุ๊ปเป็นธุรกิจระดับแนวหน้าเลยนะ แฟนคุณนี่ช่างเป็นคนหนุ่มที่เก่งน่าดูเลยนะ” สวี่เหวินอีพูดเหมือนไม่ตั้งใจนัก “ถ้าผมมีบริษัทใหญ่ขนาดนี้บ้างก็ดีสิ”
“ไม่หรอกค่ะ อันที่จริงเขาก็ธรรมดาออกค่ะ” หลินหว่านพูดเชิงถ่อมตัว
สวี่เหวินอีฟังแล้วรู้สึกไม่ชอบใจอย่างมาก เห็นว่าหลินหว่านตั้งใจอวดตัวกับเขา
“เอาเถอะค่ะ ไม่พูดถึงฉันแล้ว พูดถึงคุณบ้างเถอะ ตอนนี้คุณทำงานที่ไหนคะ?” หลินหว่านถามเพื่อหันเหความสนใจ อันที่จริง สำหรับรุ่นพี่ที่เธอเคยชื่นชอบสมัยเรียนมัธยมนี้ หลินหว่านเองก็อยากรู้มากว่าเขายังจะโดดเด่นเหมือนเมื่อก่อนหรือไม่
สวี่เหวินอีได้ฟังก็มีสีหน้าดีขึ้น พูดอย่างโอ้อวดอยู่บ้างว่า “ผมรึ? เมื่อหลายปีก่อนผมเปิดบริษัทแห่งหนึ่ง เมื่อวานพวกเพื่อนร่วมงานที่คุณเห็น ที่จริงเป็นพนักงานส่วนหนึ่งของบริษัทผมเอง”
“ว้าว! งั้นคุณก็สุดยอดมากเลยสิคะ” หลินหว่านเผลอชมอย่างลืมตัว แล้วตามด้วยถามว่า “บริษัทคุณทำอะไรคะ? ก้าวหน้าดีไหมคะ”
สวี่เหวินอีพูดว่า “บริษัทของผมมีการเติบโตพอๆ กับธุรกิจของบ้านตระกูลเซียว แค่ขนาดบริษัทไม่ใหญ่ขนาดนั้น ขอบข่ายงานก็ไม่กว้างขนาดนั้น”
“ถึงอย่างนั้นรุ่นพี่ก็ยังเก่งมากอยู่ดีค่ะ!” หลินหว่านพูดอย่างจริงใจ รุ่นพี่ของเธอเก่งอย่างที่คิดไว้จริงๆ เปิดบริษัทเองเชียว
สวี่เหวินอีเห็นเป็นโอกาสก็ถอนใจ แล้วพูดเสริมขึ้นว่า “แต่ระยะนี้บริษัทเราเกิดวิกฤตที่ไม่เล็กนัก เลยยังไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นยังไงสิ”
“ทำไมเป็นอย่างนี้ละคะ?” หลินหว่านรีบปลอบโยนสวี่เหวินอีอย่างเป็นห่วง “อย่างกังวลไปเลยค่ะ รุ่นพี่ รุ่นพี่เก่งขนาดนี้ บริษัทจะต้องผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้แน่ค่ะ”
“งั้นหรือ? ถ้าผมได้ตระกูลเซียวช่วยก็ดีสิ วิกฤตแค่นี้ ไม่เท่าไหร่หรอก” สวี่เหวินอีหยอด
หลินหว่านพอได้ฟัง ก็ฉุกคิดได้ทันทีว่า บางทีเป้าหมายที่แท้จริงของสวี่เหวินอีที่เลี้ยงข้าวเธอในวันนี้ ก็คือเพื่อให้บริษัทเขาได้รับความช่วยเหลือจากบ้านตระกูลเซียวนั่นเอง!
หลินหว่านแกล้งทำเป็นฟังไม่เข้าใจคำพูดของสวี่เหวินอี กล่าวว่า “งั้นหรือคะ? แต่ว่า รุ่นพี่คะ ฉันเชื่อว่าด้วยความสามารถอย่างพี่นี่ต้องนำพาบริษัทให้ผ่านพ้นอุปสรรคได้แน่ค่ะ”
สวี่เหวินอีฟังแล้วอดใจไว้ไม่ได้อีก พูดกับหลินหว่านตรงๆ ว่า “หลินหว่าน เห็นแก่ความสัมพันธ์ของพวกเรา เธอช่วยผมหน่อยเถอะนะ เซียวจิ่งสือมีหนังสือโครงงานอยู่ฉบับหนึ่ง คุณช่วยขโมยมันออกมาให้ผมหน่อยได้ไหม”
หลินหว่านรู้สึกจิตใจหนักอึ้งขึ้นมาทันที รุ่นพี่ที่เธอชื่นชมสมัยมัธยม ไม่เจอกันหลายปี ทำไมจึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้?
“หลินหว่าน เธอวางใจได้ ขโมยหนังสือโครงงานนั่นออกมา ไม่กระทบอะไรกับบ้านตระกูลเซียวหรอก เธอช่วยบริษัทของผมหน่อยนะ!” สวี่เหวินอีเห็นหลินหว่านไม่พูดอะไร ก็ล้อหลอกตะล่อมหลินหว่านต่อไป
“รุ่นพี่คะ ขอโทษด้วยค่ะ เรื่องนี้ฉันทำให้ไม่ได้หรอกค่ะ” หลินหว่านใช้สายตาที่ผิดหวังมองสวี่เหวินอี พูดว่า “ถ้าหากไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ฉันขอตัวกลับก่อนค่ะ”
พูดจบ หลินหว่านก็ลุกจากที่นั่งหันหลังเดินจากไป
“เฮ้! หลินหว่าน…” สวี่เหวินอีเห็นหลินหว่านเดินจากไปอย่างไม่เหลียวหลัง ก็รู้สึกไม่พอใจมาก ตอนหลินหว่านเป็นนักเรียนนั้นชื่นชอบเขามาก เขารู้ดีอยู่แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้ เดิมทีคิดจะใช้หลินหว่านให้ช่วยบริษัทตัวเองซะหน่อย แต่คิดไม่ถึงว่าเธอจะปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยขนาดนี้
หลินหว่านกับสวี่เหวินอีไม่รู้เลยว่า บทสนทนาของพวกเขาเมื่อครู่มีคนได้ยินทุกคำอย่างชัดเจน
หลายวันก่อนหน้านี้ ตอนที่อันซิงถูกตัดสินจำคุกสามปีนั้น พออันโฮ่วสยงรู้เรื่องก็โกรธมาก ด่าว่าเธอทำให้บ้านตระกูลอันขายหน้า แต่ยังไงเขาก็ปล่อยให้อันซิงติดคุกจริงๆ ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นบ้านตระกูลอันคงได้เป็นที่หัวเราะเยาะของผู้คนแน่! ดังนั้น อันโฮ่วสยงจึงไปวิ่งเต้นเส้นสายมากมาย หาวิธีที่จะเอาตัวอันซิงออกมา
พออันซิงออกมาได้ ข่าวที่เธอติดคุกก็รู้กันไปทั่วแล้ว เธอจึงอยู่ในวงการบันเทิงต่อไปไม่ได้อีก
อันซิงจึงรู้ว่า ที่แท้เซียวจิ่งสือเพราะเพื่อภาพถ่ายพวกนั้นทำให้เธอต้องติดคุก อันซิงยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น โยนความผิดทั้งหมดไปที่หลินหว่านกับเซียวจิ่งสือ
หลายวันมานี้ เธอสะกดรอยตามหลินหว่านตลอด คิดจะหาโอกาสแก้แค้น เมื่อครู่ตอนเธอเห็นหลินหว่านกับผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในร้านนี้จึงแอบนั่งอยู่ด้านหลังของหลินหว่าน ฟังเธอกับผู้ชายคนนั้นคุยกัน
พอหลินหว่านจากไป อันซิงก็วางเมนูกับข้าวที่ปิดหน้าไว้ลง มาที่ตรงหน้าผู้ชายคนนั้น แล้วถามว่า “สนใจจะร่วมมือกับฉันไหมล่ะ?”
“คุณเป็นใคร?” สวี่เหวินอีขมวดคิ้วมองผู้หญิงที่จู่ๆ ก็โผล่มาคนนี้
“คนที่อยากให้บ้านตระกูลเซียวอับจนสิ้นหนทาง!” อันซิงตอบเสียงเย็นชา