รักเล่ห์เร้นใจ - ตอนที่ 193 เบื้องหลังงาน
เซียวจิ่งสือนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของออฟฟิศ มองดูชาวบ้านคนแล้วคนเล่าเข้ามาสมัครงาน เขานั่งมองเงียบๆ โดยไม่พูดสักคำ ทันใดนั้นซั่วเฟิงก็มาที่ตรงหน้า ขยับเข้ามากระซิบว่า “คนต่อไปเป็นคุณหลินแล้วครับ”
ดวงตาหม่นหมองของเซียวจิ่งสือสว่างวาบขึ้นมาทันควัน ผงกศีรษะพูดว่า “รีบเรียกตัวเธอเข้ามา”
ซั่วเฟิงผงกศีรษะรับคำ “ครับ” แล้วรีบออกไปจัดการทันที
หญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้าห้องทำงานมาอย่างสงบ ทุกคนรู้สึกได้ว่าชาวบ้านคนนี้ต่างไปจากคนอื่นๆ แค่บุคลิกท่าทางการเดินเหิน ก็ดูสบายตาเป็นพิเศษ
เซียวจิ่งสือเงยหน้าขึ้น แววตาเป็นประกายเร่าร้อนด้วยความรัก แต่ใบหน้ากลับไม่เผยร่องรอยใดๆ แม้แต่น้อย
หญิงสาวที่เข้ามาเริ่มพูดอย่างกลัวอยู่บ้าง “ฉันชื่ออินเสี่ยวเสี่ยว ฉันก็ไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรได้บ้าง แต่ฉันจะตั้งใจทำงานที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จจนได้ค่ะ”
เซียวจิ่งสือเห็นภาพนี้แล้ว มุมปากกระตุกยิ้ม นึกในใจว่า ‘ก่อนเธอจะเข้ามาก็ถูกกำหนดไว้แล้ว ขอแค่เธอเข้ามาสมัครงาน ก็ต้องได้เป็นเลขาของฉัน’
ตอนนี้หญิงสาวยังไม่แน่ใจนัก ไม่รู้ว่าบริษัทพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวนี้จะรับเธอเข้าทำงานหรือไม่ อันที่จริงก็เห็นได้ชัดมากอยู่แล้ว ทั้งหมดนี้ง่ายดายกว่าที่เธอคิดไว้มากทีเดียว
ผู้ช่วยกวาดตามองอินเสี่ยวเสี่ยวที่ยังตื่นเต้นอยู่บ้าง พูดว่า “ทางเราเห็นว่าคุณดูโดดเด่นมาก ตำแหน่งงานของคุณคือเลขานุการของประธานบริษัท พรุ่งนี้มาทำงานได้เลย ส่วนเงินเดือนนั้น คุณต้องพอใจอย่างแน่นอน”
อินเสี่ยวเสี่ยวกลับถึงบ้านอย่างดีใจ บอกข่าวดีนี้กับฮั่วเทียนอวี่ที่กำลังงานยุ่ง “พี่อวี่ ฉันผ่านสัมภาษณ์แล้วนะ พวกเขาให้ฉันไปทำงานพรุ่งนี้เลย เป็นเลขาท่านประธาน เห็นว่าได้สวัสดิการไม่เลวเลยด้วยนะ”
พอฮั่วเทียนอวี่ฟังจบ แม้ว่าสีหน้าจะดีใจไปกับเธอด้วย แต่สายตากลับแฝงแววกังวลอยู่บางๆ บริษัทนี้ความต้องการต่ำขนาดนี้เชียว? ทำไมจึงเลือกผู้หญิงชนบทคนหนึ่งนะ? แล้วยังเป็นเลขาเจ้าของบริษัทอีก คงไม่ใช่งานที่ต้องเอาตัวเข้าแลกมั้ง
ฮั่วเทียนอวี่ไม่อยากขัดใจอินเสี่ยวเสี่ยว เห็นว่าเธอดีใจราวกับเป็นเด็กๆ อย่างนี้ สำคัญยิ่งกว่าอื่นใดทั้งหมด
แม้ว่าผู้หญิงคนนี้ เขาจะเป็นคนช่วยขึ้นมาจากริมหาด แต่ละวันที่ได้ดูแลเธอ ฮั่วเทียนอวี่พบว่าเขาหลงรักหญิงสาวเข้าแล้ว ฮั่วเทียนอวี่แอบบอกตัวเองในใจว่าจะไม่ยอมให้เธอไปจากเขาเด็ดขาด
อินเสี่ยวเสี่ยวได้มาพบเจ้านายของเธอเป็นครั้งแรกด้วยการนำทางของคนในบริษัท จากนั้นงานของเธอก็คือเลขาของท่านประธานแล้วสินะ เธอยังเป็นกังวลว้าวุ่นอยู่บ้าง
แต่เมื่ออินเสี่ยวเสี่ยวได้พบกับเจ้านายของตัวเอง จึงพบว่าเป็นอันธพาลที่ตามเกาะแกะเธอเมื่อหลายวันก่อนนั่นเอง ความฝันอันสวยงามในการทำงานนี้ของอินเสี่ยวเสี่ยวแตกสลายลงในทันที
อินเสี่ยวเสี่ยวพูดอย่างประหลาดใจว่า “ทำไมเป็นคุณไปได้”
เซียวจิ่งสือพอได้พบหลินหว่าน ก็กลับมาดูแลตัวเองอย่างเนี๊ยบเหมือนเดิม ดูเป็นผู้ดีมีสง่าราศีกว่าที่เคยพบกันที่ชายหาดเมื่อหลายวันก่อนตั้งมากมายก่ายกอง
เซียวจิ่งสือยื่นมือขวาออกไปพูดอย่างสุภาพว่า “ยินดีต้อนรับ ผมคือเซียวจิ่งสือ”
อินเสี่ยวเสี่ยวอึ้งไปชั่วครู่ ยื่นมือออกไปอย่างลังเล พร้อมกับตอบรับว่า “สวัสดีค่ะ ฉันคืออินเสี่ยวเสี่ยว”
เซียวจิ่งสือจับมืออินเสี่ยวเสี่ยวไว้ตั้งนานไม่ยอมปล่อย ก็ผู้หญิงคนนี้ทำให้เขาตามหาเสียแทบแย่แน่ะ
อินเสี่ยวเสี่ยวออกแรงดึงมือกลับจากมือที่จับไว้แน่นอย่างขัดเขิน คิดอย่างไม่แน่ใจนักว่า ‘นี่มันนายอันธพาลนั่นหรือว่าประธานบริษัทกันแน่นะ’
ตลอดทั้งวัน อินเสี่ยวเสี่ยวยิ่งมึนหนักเข้าไปอีกเมื่อท่านประธานไม่ให้เธอทำงานอะไรสักอย่าง แค่ให้เธอนั่งอ่านนิตยสารอยู่ในห้องทำงาน แล้วท่านประธานนี่ยังให้คนคอยเอาน้ำผลไม้ ผลไม้ อะไรต่อมิอะไรมาให้เธอกินอีก เซียวจิ่งสือเองก็คอยมองดูเธออยู่ด้านข้างนี่เอง
อินเสี่ยวเสี่ยวมึนตึบไปหมด นี่มันงานอะไรกันแน่นะ?
จู่ๆ เซียวจิ่งสือก็ถามขึ้นว่า “เธอชื่ออินเสี่ยวเสี่ยว ใครเป็นคนตั้งชื่อให้เธอ”
อินเสี่ยวเสี่ยวคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ตอบว่า “พี่อวี่เป็นคนตั้งชื่อให้ฉันค่ะ”
“งั้นเมื่อก่อนเธอทำงานอะไร” เซียวจิ่งสือถามต่อ
“เมื่อก่อน…ฉันจำไม่ได้แล้วค่ะ พี่อวี่บอกว่าฉันป่วยหนัก ครอบครัวฉันมีฉันคนเดียวที่รอดชีวิตมาได้ ตอนฉันฟื้นขึ้นมา พี่อวี่ก็อยู่ข้างกายฉันแล้วค่ะ”
เซียวจิ่งสือขมวดคิ้ว นึกถึงเหตุการณ์ที่ริมหาดวันนั้น ผู้ชายคนที่อยู่กับอินเสี่ยวเสี่ยว คนที่เธอเรียกตลอดเวลาว่า พี่อวี่…
พลันเซียวจิ่งสือก็ลุกพรวดขึ้นยืน ถามอย่างตื่นเต้นว่า “เธอจำฉันไม่ได้แล้วหรือไง ฉันคือเซียวจิ่งสือ เธอไม่ใช่อินเสี่ยวเสี่ยว แต่เป็นหลินหว่าน” พูดพลางเข้ามากอดร่างอินเสี่ยวเสี่ยวเอาไว้
อินเสี่ยวเสี่ยวเห็นว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดีก็ถอยหลังไปหลายก้าว พูดว่า “ประธานเซียวคะ ฉันคิดว่าคุณหาผิดคนแล้วมั้งคะ ฉันไม่รู้จักหลินหว่าน วันนี้ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันจะเลิกงานนะคะ”
พูดจบก็รีบหลบออกมาจากห้องทำงาน
เซียวจิ่งสือรู้สึกเคว้งคว้างว่างเปล่า บอกตัวเองในใจว่า “เธอต้องเป็นหลินหว่านแน่”
เมื่อกลับถึงบ้าน อินเสี่ยวเสี่ยวเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ฮั่วเทียนอวี่รู้ ฮั่วเทียนอวี่ฟังจบก็ขมวดคิ้ว พูดว่า “เสี่ยวเสี่ยว พี่ว่าเซียวจิ่งสือคงไม่ได้มาดีแน่ เขาคงถูกใจหน้าตาเธอเข้า จึงอยากได้ตัวเธอ เขามีทั้งเงินทั้งอำนาจพวกเราสู้เขาไม่ได้หรอก ดูท่าว่าที่นี่คงอยู่ไม่ได้แล้ว”
อินเสี่ยวเสี่ยวเห็นว่าที่ฮั่วเทียนอวี่พูดมาก็มีเหตุผล ท่านประธานเซียวคนนี้เข้ามาลวนลามเธอครั้งแล้วครั้งเล่า ต้องเป็นพวกหนุ่มเสเพลแน่ คนแบบนี้ช่างน่ารังเกียจซะจริง อินเสี่ยวเสี่ยวผงกศีรษะ พูดว่า “พี่อวี่ ฉันเชื่อพี่ค่ะ งั้นพวกเราเตรียมตัวแล้วรีบไปจากที่นี่กันเถอะค่ะ”
ซั่วเฟิงพุ่งเข้าห้องทำงานของเซียวจิ่งสืออย่างร้อนรน พูดเสียงกระหืดกระหอบว่า “ค…คุณหลินถูกฮั่วเทียนอวี่นั่นพาไปแล้ว”
เซียวจิ่งสือลุกพรวดขึ้นยืนอย่างตกใจ ถามว่า “อะไรนะ! สืบได้หรือยังว่าพวกเขาไปไหนกัน?”
“ผมให้คนติดตามไปแล้วครับ พวกเขาเข้าไปในเมือง” ซั่วเฟิงพูด
เซียวจิ่งสือสั่งกำชับว่า “ดี เฝ้าดูต่อไป ต้องให้เธอมาทำงานที่บริษัทเราให้ได้”
ซั่วเฟิงรับคำสั่งแล้วออกจากห้องไป…
ที่ตลาดจัดหางาน พนักงานรับสมัครงานคนหนึ่งกำลังพยายามสุดตัว ที่จะแนะนำบริษัทของตัวเองให้หญิงสาวคนหนึ่ง พนักงานนั้นเป็นผู้ชายสวมแว่น เขาพล่ามพูดไม่หยุดว่า “สวัสดีครับคุณผู้หญิง ผมเห็นว่าบุคลิกท่าทางคุณดีขนาดนี้ น่าจะเหมาะกับบริษัทของเราอย่างมาก บริษัทเราสวัสดิการดีมาก ผมพาคุณไปดูก็ได้นะ หรือคุณจะสืบค้นหาบริษัทเราจากอินเทอร์เน็ตก็ได้ รับรองว่าบริษัทใหญ่ งานมั่นคงแน่ครับ”
หญิงสาวมีใบหน้าหมดจดงดงาม ใจเธอโอนอ่อนไปตามคำชักชวนอยู่บ้าง เพิ่งย้ายมาต้องรีบหางานทำจะได้มีที่อยู่ ปักหลัก ไม่อย่างนั้นคงได้นอนกลางถนนกันพอดี
พอนึกถึงตรงนี้ หญิงสาวก็ขึ้นรถมาถึงบริษัท เข้าไปในตึกออฟฟิศหรู ภายในออฟฟิศทุกคนล้วนแต่ทำงานกันยุ่ง สภาพแวดล้อมในการทำงานดูอบอุ่นเป็นกันเอง ดึงดูดใจหญิงสาวได้อยู่หมัด
หญิงสาวถามชายคนที่พาเธอมาบริษัทว่า “ฉันจะเริ่มงานได้เมื่อไหร่คะ?”
ชายคนนั้นระบายยิ้มทั่วหน้า ตอบว่า “ถ้าคุณสมัครใจ จะทำตอนนี้เลยก็ได้ ใช่แล้ว คุณชื่ออะไรนะ”
หญิงสาวตอบว่า “ฉันชื่ออินเสี่ยวเสี่ยวค่ะ”
วันแรกที่อินเสี่ยวเสี่ยวมาทำงาน หัวหน้างานมอบหมายหน้าที่ให้เธอทำสองสามอย่าง อินเสี่ยวเสี่ยวคิดว่าเพิ่งเริ่มงานต้องทำงานให้ดีหน่อย ไม่ถึงครึ่งวันเธอก็ทำงานที่หัวหน้างานมอบหมายให้เสร็จทั้งหมด
แต่ว่า พอมานึกดูทีหลัง ทำไมฉันทำเรื่องพวกนี้จึงไม่รู้สึกลำบากเลยสักนิด ราบรื่นเกินไปหน่อยแล้วมั้งเมื่อก่อนฉันก็ไม่เคยทำงานสักหน่อย แล้วที่นี่ฉันก็รู้สึกคุ้นเคยอยู่บ้างด้วย ในหัวของอินเสี่ยวเสี่ยวเต็มไปด้วยความสงสัย ใครจะบอกฉันได้บ้างว่ามันเกินอะไรขึ้นกันแน่นะ
เซียวจิ่งสือยืนอยู่ริมผนังกระจกภายในห้องทำงาน เขาเผยรอยยิ้มออกมาเมื่อมองทะลุผ่านออกไปยังอินเสี่ยวเสี่ยวที่ยุ่งอยู่กับงาน