รักเล่ห์เร้นใจ - ตอนที่ 197 ดูแล
คืนนั้น อินเสี่ยวเสี่ยวนอนไม่หลับ เสียงพายุฝนฟ้าคะนองที่นอกหน้าต่างดังมากจนเธอหลับไม่ลง พอหลับตาลง ภาพเงาหลังของฮั่วเทียนอวี่ที่หายลับไปในพายุฝนก็วนเวียนกลับไปกลับมาอยู่ในฝันของเธอ
“ไม่! ไม่นะ!” ในฝัน ตอนที่ฮั่วเทียนอวี่หายลับไปในสายฝนอีกครั้งนั้น อินเสี่ยวเสี่ยวร่ำร้องขอให้เขากลับมา แต่เมื่อฮั่วเทียนอวี่หันร่างกลับมา กลับกลายเป็นเซียวจิ่งสือเสียอย่างนั้น
อินเสี่ยวเสี่ยวสะดุ้งตกใจจนตื่นขึ้นมา เธอลืมตาขึ้น ฟ้าสว่างแล้ว นอกหน้าต่างก็ไม่มีเสียงฝนฟ้าร้องแล้ว
อินเสี่ยวเสี่ยวมองดูมือถือ เกือบไปทำงานสายแล้ว เธอรีบลุกขึ้นอาบน้ำแปรงฟัง ไม่ทันได้ทานข้าวเช้าก็รีบไปบริษัท
โชคดี อินเสี่ยวเสี่ยวไปทันเวลาเข้างานพอดี แต่อาจเป็นเพราะไม่ได้ทานข้าวเช้ามา เธอรู้สึกศีรษะมึนงงอยู่บ้าง ทำอะไรก็เนือยๆ หนักอึ้งไปหมด
ตอนอินเสี่ยวเสี่ยวไปส่งเอกสารที่ห้องทำงานของเซียวจิ่งสือ เซียวจิ่งสือเห็นเธอสีหน้าไม่ดี แถมยังหน้าแดงเหมือนเป็นไข้อีก เขาถามอย่างเป็นห่วงว่า “เสี่ยวเสี่ยว เธอเป็นอะไรไป? ไม่สบายหรือเปล่า?”
“ไม่นี่คะ ท่านประธานเซียว” อินเสี่ยวเสี่ยวส่ายศีรษะตอบ
“งั้นเหรอ? แต่ฉันว่าเธอสีหน้าไม่ปกตินะ” เซียวจิ่งสือพูด “ให้หมอมาดูหน่อยดีไหม”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันไม่เป็นไรจริงๆ ” อินเสี่ยวเสี่ยวรู้สึกว่าเซียวจิ่งสือตื่นเต้นเกินเหตุ จึงปฏิเสธไป
แต่ตอนเธอกำลังจะออกจากห้องของเซียวจิ่งสือนั้นเอง ก็รู้สึกหน้ามืดวูบ จากนั้นเป็นลมหมดสติไปในห้องทำงานของเซียวจิ่งสือ
“เสี่ยวเสี่ยว? เสี่ยวเสี่ยว?” เซียวจิ่งสือพอเห็นอินเสี่ยวเสี่ยวล้มลงในห้องทำงานเขา ก็ตกใจจนว้าวุ่นไปชั่วขณะ จากนั้นรีบเข้าไปอุ้มร่างเธอขึ้นไปวางบนโซฟา
พอเห็นว่าเสี่ยวเสี่ยวยังไม่ได้สติ เซียวจิ่งสือก็รีบให้เลขาของเขาเรียกหมอมาตรวจดูอาการของเธอ
หลังจากหมอได้ตรวจโดยละเอียดแล้วก็พูดกับเซียวจิ่งสือว่า “ประธานเซียว คุณอินน่าจะหมดสติเพราะเป็นไข้ร่วมกับมีอาการน้ำตาลในเลือดต่ำ แค่ทานยาตามหมอสั่ง แล้วบำรุงร่างกายด้วยการทานอาหารที่มีประโยชน์ก็ได้แล้วครับ” พูดพลาง คุณหมอก็เขียนใบสั่งยาลดไข้ให้อินเสี่ยวเสี่ยว แล้วบอกกับเซียวจิ่งสือว่าตอนยังมีไข้ให้ทานอาหารที่ไม่มันและรสชาติอ่อนหน่อย
“ขอบคุณครับหมอ” พอหมอไปแล้ว เซียวจิ่งสือก็ให้เลขาไปซื้ออาหารที่ไม่มันและมีรสอ่อนมาหลายอย่าง
คราวนี้เลขาถึงคราวลำบากแล้ว เขาไม่เคยดูแลคนป่วยมาก่อน ไม่รู้ว่าควรจะซื้ออะไรบ้าง แต่หลินหว่านเป็นคนที่ท่านประธานเซียวของพวกเขารักทะนุถนอมเป็นที่สุด เขาจะทำซี้ซั้วมั่วซั่วไม่ได้ สุดท้ายเขาจึงไล่ซื้ออาหารที่เขาคิดว่าไม่มันและมีรสอ่อนมาอย่างละชุด
อินเสี่ยวเสี่ยวฟื้นขึ้นมา ก็เห็นว่าเซียวจิ่งสือเฝ้าอยู่ที่ข้างกายเธอ เธอหันมองไปรอบๆ แล้วนึกขึ้นได้ว่าเธอเป็นลมหมดสติไปที่ห้องทำงานของเซียวจิ่งสือ จึงคิดจะลุกขึ้น
เซียวจิ่งสือเห็นดังนั้น ก็พูดว่า “เสี่ยวเสี่ยว ฟื้นแล้วสินะ คุณหมอบอกว่าเธอมีไข้ รีบกินยานี่ซะ”
พูดจบก็ยื่นน้ำอุ่นแก้วหนึ่งกับยาอีกหลายเม็ดให้อินเสี่ยวเสี่ยว
“ขอบคุณค่ะ ท่านประธานเซียว” ที่แท้เธอก็เป็นไข้นี่เอง น่าจะเป็นเพราะตากฝนเมื่อคืน อินเสี่ยวเสี่ยวลุกขึ้นนั่งบนโซฟาแล้วกลืนยาลงไป
พอทานยาเสร็จ อินเสี่ยวเสี่ยวก็จะไปจากที่นี่ เซียวจิ่งสือเห็นดังนั้นก็กดร่างอินเสี่ยวเสี่ยวเอาไว้ พูดว่า “เสี่ยวเสี่ยว ฟังนะ นอนลงไปดีๆ เลย เธอยังเป็นไข้อยู่นะ”
“ขอบคุณท่านประธานเซียวที่เป็นห่วงนะคะ แต่ว่า ฉันยังต้องทำงานนี่คะ” อินเสี่ยวเสี่ยวพูดแย้งขึ้นพลางผลักแขนเซียวจิ่งสือที่ยึดตัวเธอไว้ออก
“เสี่ยวเสี่ยว วันนี้เธอไม่ต้องทำงานแล้ว พักผ่อนอยู่ที่นี่เลยนะ” เซียวจิ่งสือออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด
อินเสี่ยวเสี่ยวรีบพูดขึ้น “ไม่ค่ะ ท่านประธานเซียว ฉันเป็นแค่พนักงานธรรมดาคนหนึ่งของบริษัท คุณทำแบบนี้ จะทำให้คนอื่นไม่พอใจฉันค่ะ”
เซียวจิ่งสือมองดูอินเสี่ยวเสี่ยวอยู่นาทีหนึ่งแล้วยอมแพ้ “อย่างงั้นก็ได้ เสี่ยวเสี่ยว แต่เธอต้องทานอะไรก่อนนะ”
อินเสี่ยวเสี่ยวยังไม่ได้ทานข้าวเช้า พอได้กลิ่นหอมของอาหาร ก็ไปสะกิดน้ำย่อยให้ทำงาน แต่พอเธอเห็นอาหารมากมายที่วางอยู่บนโต๊ะ อินเสี่ยวเสี่ยวก็สงสัยว่าเซียวจิ่งสือคงคิดจะให้เธอท้องแตกตายเป็นแน่
พอกลับมาจากห้องทำงานของเซียวจิ่งสือ อินเสี่ยวเสี่ยวเพิ่งก้าวเข้าออฟฟิศ ก็ได้ยินเพื่อนร่วมงานถามเธอด้วยน้ำเสียงกระแนะกระแหนว่า “โห เสี่ยวเสี่ยว กลับมาจนได้เลยนะ ทำไมแค่ไปส่งเอกสารให้ท่านประธานถึงได้ไปนานนักล่ะ?”
“ใช่เลย ใครบางคนคงไม่ใช้หน้าตาตัวเองเปิดทางเข้าใกล้ชิดสนิทสนมกับท่านประธานหรอกนะ” อีกคนพูดเสริมขึ้น
ทั้งสองคนพูดร้องรับขับประสานกัน ทำให้สายตาของคนในออฟฟิศพากันจ้องจับมาที่อินเสี่ยวเสี่ยวอย่างสงสัย
“พวกเธออย่ามากล่าวหากันหน่อยเลย” อินเสี่ยวเสี่ยวยันกลับคนที่ใส่ร้ายเธอต่อหน้าผู้คน จากนั้นอธิบายกับทุกคนว่า “ฉันแค่เกิดเรื่องบางอย่างในห้องทำงาน ไม่ใช่อย่างที่ทุกคนคิดกันสักหน่อย”
“เกิดเรื่องอะไรล่ะ เสี่ยวเสี่ยว พูดออกมาให้ทุกคนได้ฟังกันหน่อยสิ” เพื่อนร่วมงานที่กระแนะกระแหนเธอเมื่อครู่พูดขึ้น
อินเสี่ยวเสี่ยวรู้สึกว่า ถ้าหากเธอพูดเรื่องที่เธอหมดสติในห้องทำงานเซียวจิ่งสือออกมา ในสายตาของคนพวกนี้ เธอก็จะกลายเป็นคนที่จงใจยั่วยวนเซียวจิ่งสือไปจริงๆ
“ทำไมล่ะ เสี่ยวเสี่ยว ทำไมไม่พูดล่ะ หา?” เพื่อนร่วมงานคนเดิมพูดเย้ยขึ้นอีกว่า “คงไม่ใช่ว่าใจคิดไม่ซื่อ เลยไม่กล้าพูดออกมาล่ะซิ”
“ฉันไม่…” อินเสี่ยวเสี่ยวปฏิเสธ
เธอยังพูดไม่จบ ก็มีเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นที่ด้านหลัง “เสี่ยวเสี่ยวเธอเป็นไข้ เป็นลมหมดสติที่ห้องทำงานผม คำอธิบายนี้ พอไหม?”
“ท่านประธาน…” เพื่อนร่วมงานตรงหน้าอินเสี่ยวเสี่ยวหน้าเปลี่ยนสี มองดูเซียวจิ่งสือที่ปรากฏตัวอยู่ข้างหลังอินเสี่ยวเสี่ยวอย่างหวาดๆ
ถ้าให้เซียวจิ่งสือได้ยินคำพูดเมื่อครู่ของพวกเธอ พวกเธอคงจบสิ้นกันแน่
“ท่านประธานเซียว ทำไมคุณมานี่ได้คะ” อินเสี่ยวเสี่ยวหันกลับไปถามเซียวจิ่งสือ
เซียวจิ่งสืออยากจะมาดูว่าอินเสี่ยวเสี่ยวถูกรังแกหรือเปล่า แล้วก็เป็นดังคาด พอเดินมาถึงด้านนอกห้อง เขาก็ได้ยินเสียงพูดหาเรื่องอินเสี่ยวเสี่ยว
เซียวจิ่งสือหันไปพูดกับสองคนที่หาเรื่องอินเสี่ยวเสี่ยว “ที่ทำงานไม่ใช่สถานที่ให้พวกคุณมาพูดเรื่องไร้สาระ หักเงินเดือนพวกคุณสองคนคนละหนึ่งเดือน”
สองคนนั้นแม้จะไม่พอใจ แต่ก็ไม่กล้าคัดค้านเซียวจิ่งสือ ได้แต่กลับไปนั่งตัวลีบที่โต๊ะของตัวเอง
ตอนนั้นเอง เซียวจิ่งสือยื่นถุงยาในมือให้อินเสี่ยวเสี่ยว พลางพูดว่า “เมื่อครู่เธอลืมหยิบยามาด้วย อย่าลืมทานยาตามเวลาล่ะ”
อินเสี่ยวเสี่ยวรับเอามาแล้วพูดว่า “ขอบคุณค่ะ ท่านประธานเซียว”
พอเซียวจิ่งสือไปแล้ว ในออฟฟิศไม่มีเสียงกระแนะกระแหนอินเสี่ยวเสี่ยวอีก ก็เซียวจิ่งสือปกป้องเธอซะขนาดนี้ พวกเธอจะทำพลาดอีกได้อย่างไรกัน
แต่ว่า ด้วยการบอกเล่าต่อกันไป เรื่องนี้ของอินเสี่ยวเสี่ยวกลายเป็นที่รู้กันทั่วบริษัท ในบริษัทจึงยังมีคนมากมายที่แอบพูดถึงอินเสี่ยวเสี่ยวลับหลังด้วยน้ำเสียงประชดประชัน
หลายวันมานี้ เซียวจิ่งสือคอยตรวจเช็คว่าอินเสี่ยวเสี่ยวได้ทานยาตามเวลาทุกวัน และยังทานข้าวร่วมกับเธออีกด้วย อาการไข้ของอินเสี่ยวเสี่ยวค่อยๆ ดีขึ้น
แต่ว่า หลายวันที่อินเสี่ยวเสี่ยวไม่สบายนี้ ฮั่วเทียนอวี่ตั้งแต่หายตัวไปท่ามกลายสายฝนครั้งนั้นแล้ว ก็ไม่เคยมาปรากฏตัวต่อหน้าอินเสี่ยวเสี่ยวอีกเลยแม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งทำให้อินเสี่ยวเสี่ยวรู้สึกผิดและผิดหวังเสียใจอยู่บ้าง