รักเล่ห์เร้นใจ - ตอนที่ 226 ตรวจพิสูจน์
ด้านนี้ อี้อวิ๋นฉังนั่งจมอยู่ในโซฟา ในมือถือโน๊ตบุ๊กเครื่องหนึ่ง กำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ เธอเปิดหน้าเว็บเพจ ที่กำลังเป็นที่เล่าลือกันไปทั่วเมื่อเร็วๆ นี้ เรื่องที่อินเสี่ยวเสี่ยวทำศัลยกรรมใบหน้าเพื่อแอบอ้างเป็นหลินหว่าน
เธอยกมุมปากยิ้มหยัน พลางคิดในใจว่าในตอนนี้ผู้หญิงคนนี้เธอคิดเหยียบให้จมดินก็สามารถทำได้ดังใจ ดูซิว่ายังจะมีใครเชื่อเธออีก ถึงตอนนี้ได้เวลากลบฝังเธอแล้ว ดูซิว่าเธอยังจะกล้ามายั่วยวนพี่เซียวของเธออีกรึเปล่า
ความคิดในหัวของอี้อวิ๋นฉังโลดแล่นไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นเธอก็ฉุกคิดเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ เรื่องที่จะทำให้อินเสี่ยวเสี่ยวถึงตายได้เลย อี้อวิ๋นฉังพิมพ์บางอย่างบนแป้นคีย์บอร์ดอย่างรวดเร็ว พอเสร็จก็ยกแก้วทรงก้านยาวบนโต๊ะขึ้น ดื่มรวดเดียวอย่างรื่นรมย์
ผ่านไปชั่วครู่หนึ่ง โทรศัพท์บนโต๊ะก็ดังขึ้น ผู้ช่วยถามอย่างร้อนรนว่า “คุณหลิน ตอนนี้พวกเราเตรียมมือโพสต์จำนวนมากพร้อมแล้ว อีกทั้งจัดเตรียมบทความของคุณหมอไว้หลายฉบับวิเคราะห์โครงสร้างใบหน้าของอินเสี่ยวเสี่ยว เป็นพาดหัวข่าวกับข่าวฮอตในสื่อออนไลน์แต่ละแห่ง คุณว่าพวกเราจะเริ่มลงมือกันเมื่อไหร่ครับ?”
อี้อวิ๋นฉังรู้สึกฉุนเฉียวขึ้นมาทันที ถามว่า “ฉันบอกแต่แรกแล้วไงว่า เรื่องแบบนี้ยิ่งเร็วก็ยิ่งดี แกไม่รีบทำ พวกมันก็อาจมีเวลาพลิกฟื้นขึ้นมาได้ ไม่ต้องให้ฉันย้ำอีกเป็นครั้งที่สองทุกครั้งหรอก ถ้าทำไม่สำเร็จก็ไสหัวไปซะ”
ผู้ช่วยเข้าใจว่าตัวเองทำได้ดีมากแล้วเชียว คิดไม่ถึงว่ายังถูกด่าอีก จึงตอบว่า “ได้ครับ คุณหลิน พวกเราจะเริ่มลงมือทันที”
จู่ๆ อี้อวิ๋นฉังก็ขมวดคิ้ว “รอเดี๋ยว เขียนบทความดึงอารมณ์คนอีกหน่อยด้วย แล้วให้พวกเว็บกูรูที่สนิทกับพวกเราแชร์ออกไป แล้วก็พวกที่ต้องจ่ายเงินนั่นด้วย เรียกมาให้หมด”
ผู้ช่วยตอบรับท่าทางจริงจัง “ครับ”
อี้อวิ๋นฉังยังไม่วางใจ ย้ำอีกว่า “คราวนี้ต้องถล่มให้ยับอย่าให้มันมีเวลาหายใจได้อีก บีบให้มันไปตรวจที่โรงพยาบาล เข้าใจไหม? ฉันกลัวว่ามันจะไม่ดูเน็ต จัดคนไปก่อกวนที่ด้านล่างตึกที่พักของมัน”
สั่งการพวกนี้จบ อี้อวิ๋นฉังก็รู้สึกชื่นมื่นทั้งกายใจ
พอเห็นว่าท้องฟ้าใกล้ค่ำแล้ว อี้อวิ๋นฉังนึกขึ้นมาได้ว่าระยะนี้เซียวจิ่งสือคอยดูแลเอาใจใส่เธอเป็นพิเศษ แม้ว่าจะขุ่นเคืองอยู่บ้าง แต่พอมาคิดดูแล้ว ถึงอย่างไรคนที่เป็นคู่รักกับเซียวจิ่งสือในตอนนี้ คือเธอ…หลินหว่าน (เนื้อหาท่อนนี้รูปประโยคขัดกัน หัวท้ายไม่มีอะไรให้อี้อวิ๋นฉังโกรธได้เลย … จู่ๆ ก็จบประโยค? – ผู้แปล)
อินเสี่ยวเสี่ยวจะทำอะไรได้ เธอเป็นแค่ผู้หญิงจากบ้านนอกคนหนึ่ง เพราะความหลงใหลใฝ่สูงถึงกับยอมทำศัลยกรรมเปลี่ยนใบหน้าเป็นตัวเธอก็เท่านั้น
หลายวันมานี้ กระแสวิพากษ์วิจารณ์บนเน็ตอยู่ภายใต้การควบคุมของเธอ ทุกอย่างราบรื่นมาก อี้อวิ๋นฉังคิดว่าตอนนี้สถานะและอำนาจของหลินหว่านตกอยู่ในมือเธอแล้วทั้งหมด รอให้ผ่านเรื่องนี้ไปก่อน เซียวจิ่งสือก็จะเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของอินเสี่ยวเสี่ยว และเขาก็จะเป็นของเธอโดยสิ้นเชิง
ต่อจากนี้ไป เธอจะไม่ใช่เป็นแค่ดาราชั้นนำที่มีอนาคตไกล อาจเป็นถึงคุณนายเซียวของเครือกิจการบ้านตระกูลเซียว มีสามีที่โดดเด่นและประสบความสำเร็จถึงปานนี้
ตอนที่อี้อวิ๋นฉังคิดถึงตรงนี้ เธอยืนอยู่ข้างผนังกระจกใสชื่นชมทิวทัศน์ยามค่ำคืน รถราวิ่งอยู่บนถนนไม่ขาดสาย แสงไฟหลากสีสะท้อนความเจริญรุ่งเรืองของบ้านเมือง อี้อวิ๋นฉังยกมุมปากขึ้นเผยรอยยิ้มเย็นชา คล้ายกับจะบอกว่าเธอนี่ล่ะคือผู้ชนะของเมืองนี้
ยามค่ำคืน คนกลุ่มหนึ่งนั่งทำอะไรบางอย่างอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ เวลาค่ำคืนหนึ่งในเมืองที่เงียบสงบและยุ่งเหยิงผ่านไป ไม่ทราบว่าอรุณรุ่งที่จะตามมาจะเกิดความพลิกผันครั้งใหญ่อย่างไร
แผงขายอาหารเช้าจำนวนนับไม่ถ้วนออกมาตั้งขาย รถราผู้คนเดินทางไปมาขวักไขว่กลับคืนสู่สภาพเร่งรีบวุ่นวาย กระแสผู้ชมบนอินเตอร์เน็ตก็เริ่มคึกคักขึ้นมาเช่นกัน
เพียงชั่วข้ามคืน บทความนับไม่ถ้วน ผุดขึ้นมาบนหน้าเวยปั๋ว มีผู้คนอยากรู้ความจริงนับไม่ถ้วนที่ออกมากระโดดโลดเต้นปลุกกระแส พวกเขาล้วนมุ่งไปที่อินเสี่ยวเสี่ยว กล่าวโดยสรุปก็คือ ให้เธอไปโรงพยาบาลตรวจพิสูจน์ใบหน้าตัวเองว่ามีร่องรอยศัลยกรรมมาก่อนหรือไม่ ซึ่งเป็นวิธีการที่ยุติธรรมมาก
นอกจากนี้ยังมีพวกแฟนพันธุ์แท้ของหลินหว่าน ไปรออยู่แถวบ้านของอินเสี่ยวเสี่ยวแต่เช้า ร้องตะโกนอยู่ด้านล่างตึกโดยถือป้ายที่เขียนคำว่า ‘ไปตรวจพิสูจน์ซะ’
อินเสี่ยวเสี่ยวไม่รู้ว่าทำไมแค่คืนเดียวก็มีคนตั้งมากมายขนาดนี้เรียกร้องให้เธอไปตรวจพิสูจน์ที่โรงพยาบาล แต่ก็รู้สึกว่านี่เป็นวิธีที่ดีที่สุด ถึงยังไงเธอก็ไม่เคยไปทำศัลยกรรมมาก่อน พอผลตรวจออกมา ความจริงย่อมจะเปิดเผยเอง
เพื่อแสดงความโปร่งใส เธอเลือกคนที่มาก่อกวนที่ด้านล่างสองคน ให้ติดตามถ่ายทอดสดเธอตั้งแต่ออกจากบ้านไปตรวจพิสูจน์ที่โรงพยาบาล โรงพยาบาลที่ไปตรวจก็เลือกโรงพยาบาลที่มีชื่อเสียงมากด้านศัลยกรรมของที่นั่น
ฮั่วเทียนอวี่อยากไปกับเธอด้วย แต่ถูกเธอปฏิเสธ เธอเห็นว่าถึงยังไงตัวเองก็ไม่เคยทำศัลยกรรมมาก่อน จึงไม่รู้สึกกลัวเลย อีกทั้งปกติฮั่วเทียนอวี่ช่วยเหลือเธอมามากแล้ว เธอไม่อยากติดค้างมากไปกว่านี้ จึงตัดสินใจว่าจะไปตรวจด้วยตัวเองคนเดียว
คลิปถ่ายทอดสดของอินเสี่ยวเสี่ยวที่ไปโรงพยาบาลศัลยกรรมเพื่อตรวจพิสูจน์ได้รับการเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต สร้างกระแสฮือฮาได้ไม่น้อย มีผู้คนแห่กันเข้ามาชมการถ่ายทอดสดจนเน็ตแทบล่ม
หน้าประตูโรงพยาบาลศัลยกรรมแออัดไปด้วยผู้คน บ้างก็เป็นนักข่าว บ้างก็เป็นแฟนคลับของหลินหว่าน บ้างก็มาเชียร์อินเสี่ยวเสี่ยว และก็คนที่มาดูเพื่อความสนุกสนาน
อินเสี่ยวเสี่ยวตื่นเต้นอยู่บ้าง แต่ยังปรับอารมณ์ให้เป็นปกติแล้วเข้าไป
ตอนอยู่ที่หน้าประตู มีคนขวางไว้แล้วถามว่า “คุณอิน ทำไมคุณถึงกล้ามาตรวจที่โรงพยาบาลล่ะ? คุณซื้อตัวหมอไว้ก่อนหรือเปล่า?”
อินเสี่ยวเสี่ยวกำลังจะตอบ ก็มีนักข่าวยื่นไมโครโฟนมาตรงหน้าเธอ ถามว่า “คุณเชื่อมั่นขนาดนี้ ถ้าหากคุณไม่ได้ทำศัลยกรรมจริง เป็นไปได้หรือไม่ว่าคุณกับซุปตาร์หลินหว่านจะมีความสัมพันธ์เป็นพี่น้องกันอะไรทำนองนี้รึเปล่า?”
ชั่วขณะนั้นเสียงพูดแข่งกันดังเซ็งแซ่ไปหมด อินเสี่ยวเสี่ยวฟังไม่รู้เรื่องแล้วว่าใครพูดอะไรบ้าง พอดีกับตอนนั้น ยามรักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาลออกมาบอกให้ผู้คนสลายตัว
อินเสี่ยวเสี่ยวเดินเข้าไปคว้าไมค์จากมือนักข่าวคนหนึ่ง ขึ้นไปยืนบนขั้นบันได มองดูผู้คนเหล่านี้ด้วยท่าทางแน่วแน่ พูดว่า “ทุกท่าน ฉันกล้ามาตรวจก็เพราะฉันไม่ได้โกหก ฉันไม่ได้ทำศัลยกรรมจริงๆ โรงพยาบาลที่มาในวันนี้ เพิ่งตัดสินใจระหว่างการถ่ายทอดสดเมื่อตอนเช้านี้เอง แฟนๆ ของคุณหลินหว่านที่ข้างหลังฉันเป็นพยานได้”
หลายคนที่ติดตามอินเสี่ยวเสี่ยวมาแต่เช้าพากันผงกศีรษะรับ อินเสี่ยวเสี่ยวพูดต่อว่า “ส่วนที่พวกคุณพูดถึงปัญหายัดเงินนั้น เดี๋ยวเข้าไปตรวจทุกกระบวนการมีการถ่ายทอดสด ฉันไม่รู้มาก่อนว่าคุณหมอคนไหนจะเป็นคนตรวจให้ฉัน”
จากนั้นอินเสี่ยวเสี่ยวก็เดินเข้าไป ลงทะเบียน รอพบแพทย์ตามลำดับ
หลังจากคุณหมอตรวจใบหน้าของอินเสี่ยวเสี่ยวเบื้องต้นเสร็จก็ไม่ได้พูดว่าอะไร แต่ให้เธอไปเข้าเครื่องตรวจอีกหลายอย่าง ทุกขั้นตอนการตรวจ เปิดเผยโปร่งใส
หลังตรวจเสร็จ คุณหมอนั่งอ่านผลตรวจและตรวจดูใบหน้าของอินเสี่ยวเสี่ยวโดยละเอียด คนที่มีหน้าที่ถ่ายทอดสดหลายคนนั้นก็อยากรู้ผลมาก อินเสี่ยวเสี่ยวที่เข้าใจว่าตัวเองไม่เคยทำศัลยกรรมมาก่อนกลับนิ่งมาก
เธอถามคุณหมอว่า “คุณหมอคะ คุณดูหน้าฉันสิ ไม่เคยทำศัลยกรรมมาก่อนใช่ไหมคะ?”
คุณหมอขมวดคิ้วถอนหายใจ แล้วพูดช้าๆ ว่า “โครงหน้าไม่มีร่องรอยอะไร แต่ร่องรอยบนใบหน้ามีความเป็นไปได้ว่าเคยผ่านการผ่าตัดมาก่อน”
ชั่วขณะนั้นทุกคนพากันตื่นเต้น คุณหมอพูดเสริมว่า “ตอนนี้เทคโนโลยีในการทำศัลยกรรมเจริญมาก ผมว่าคุณน่าจะเคยทำศัลยกรรมใบหน้ามาก่อน”
อินเสี่ยวเสี่ยวรู้สึกเหลือเชื่อ เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นไปไม่ได้ที่จะทำศัลยกรรมมาก่อน อินเสี่ยวเสี่ยวเดินทื่อออกจากห้องตรวจ พอมาถึงหน้าประตูโรงพยาบาล ก็มีผู้คนจำนวนมากยืนรออยู่แล้ว เสียงก่นด่าหยาบคายลอยมาเข้าหู ด่าว่าเธอทำหน้าใหม่เพื่อหวังจะได้ชูคอกลายเป็นนางหงส์ หน้าด้านไร้ยางอาย ฯลฯ