รักเล่ห์เร้นใจ - ตอนที่ 230 ขี้ปากชาวบ้าน
เดิมทีเรื่องศัลยกรรมในช่วงหลายวันมานี้ก็ทำให้หลินหว่านตกอยู่ในสถานการณ์เคราะห์ซ้ำกรรมซัดอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เพราะเรื่องที่ฮั่วเทียนอวี่ออกมาให้สัมภาษณ์ทำให้เรื่องยิ่งยุ่งยากขึ้นไปอีก
เมื่อก่อนผู้คนแค่คาดเดาเรื่องของเธอ ตอนนี้เธอเหมือนกลายเป็นคนโกหกหลอกลวงไปแล้ว หลินหว่านหัวเราะเย้ยหยันตัวเอง
ถึงแม้ชื่อเสียงของเธอจะกลายเป็นแบบนี้แล้ว แต่ชีวิตยังต้องดิ้นต่อไป หลินหว่านได้แต่ทอดถอนใจกับตัวเอง บางทีเธอคงเจอมาเยอะเกินไปก็ได้ แต่เมื่อต้องเจอกับสถานการณ์แบบนี้ เธอก็ยังรู้สึกสับสนจนบอกไม่ถูก
อาจเป็นเพราะคิดมากเรื่องนี้ หลินหว่านรู้สึกว่าตัวเองมีไข้รุมๆ แม้จะทานยาไปบ้างแล้ว แต่ยังรู้สึกเนื้อตัวอ่อนล้าไม่มีแรง
หลินหว่านนอนซมทั้งวันอยู่อย่างนี้ ตอนนี้เธอไม่ดูโทรทัศน์หรือเข้าอินเทอร์เน็ตอีก เธอไข้ขึ้นสูงจนมึนงงไปหมด แต่ยังฝันถึงเรื่องพวกนี้อยู่ดี
“ฉันไม่ได้ทำจริงๆ นะ!” หลินหว่านเพ้อออกมา ในฝัน ดูเหมือนเธอจะอยู่ด้วยตอนที่ฮั่วเทียนอวี่ให้สัมภาษณ์ พอได้ฟังคำพูดของเขา เธอโพล่งออกมาว่า “ไม่ใช่อย่างนั้นนะ”
หลินหว่านลุกพรวดขึ้นนั่ง น้ำตาร่วงพรูออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ตอนนี้เธอเหมือนตกเป็นขี้ปากของคนทั้งเมือง ร่างกายยังคงไม่สบายอยู่เหมือนเดิม
ทานยาก็ยังไม่ดีขึ้นสักเท่าไร หลินหว่านรู้ว่าตัวเองควรต้องไปหาหมอแล้ว เธอห่อหุ้มร่างกายจนมิดชิด ใบหน้าขาวซีดไร้สีเลือด
คนขับรถแท็กซี่ดูเหมือนจะจำเธอไม่ได้ เธอรีบร้อนมาถึงโรงพยาบาล แต่ยังต้องลงทะเบียนคนไข้ รอคิวอีกชั่วครู่
หลินหว่านรู้สึกว่าตัวเองนั่งอยู่ที่ไหนก็ไม่ปลอดภัย แม้ว่าตอนนี้เธอจะสวมแว่นดำและหน้ากากอนามัย เธอรู้สึกตัวว่ากำลังจะจามออกมา หลินหว่านรีบปลดหน้ากากอนามัยออก
ภายในโรงพยาบาลมีคนเดินเข้าเดินออกไปมา บางคนก็หันมามองเธอ ใช้สายตาเหมือนเลเซอร์มองสำรวจเธอ คิดหรือว่าเธออยากจะให้หูได้ยินเสียงของคนข้างๆ พวกนั้นพูดกัน
ผู้หญิงสองนางที่นั่งห่างออกไปไม่ไกลนักดูเหมือนจะจำเธอได้ ยังแอบมองเธออยู่เรื่อย “ดูสิ เธอใช่หลินหว่านไหมน่ะ” เสียงของผู้หญิงแม้จะไม่ดังนัก แต่หลินหว่านก็ได้ยิน
คนที่นั่งข้างผู้หญิงนั้นเงยหน้าขึ้นมองแวบหนึ่ง “ใช่เธอจริงๆ ด้วย เธอทำไมยังมาโรงพยาบาลนี่อีก น่าจะไปโรงพยาบาลทำศัลยกรรมไม่ใช่เหรอ?” ทั้งสองแอบกระซิบกระซาบกัน และยังหัวเราะไม่หยุดอีก
เป็นอย่างที่คิดไว้เลย หลินหว่านถอนหายใจเฮือก ผู้หญิงสองคนนั้นยังพูดไม่หยุด แซะหลินหว่านอยู่นั่น “แค่ดูก็รู้ว่าทำหน้ามา” พูดพลางปรายตามองหลินหว่านเหยียดๆ
หลินหว่านคิดจะไปจากที่นี่ ยังดีที่คิวต่อไปถึงเธอพอดี ชั่ววูบหนึ่งหลินหว่านนึกอยากจะเข้าไปอธิบาย แต่เธอรู้ว่าทำแบบนี้ก็เหมือนยิ่งระบายก็ยิ่งเลอะไปกันใหญ่
หลินหว่านทานยาลงไป ไข้ลดลงอย่างรวดเร็ว พอหายจากไข้ สิ่งแรกที่หลินหว่านทำคือไปหาฮั่วเทียนอวี่
หลินหว่านนัดฮั่วเทียนอวี่มาพบในที่สงบลับตาคน ตอนนี้หลินหว่านรู้สึกโกรธมาก พอนึกว่าตอนนี้ที่ทุกคนพากันพูดว่าเธอไปทำศัลยกรรมหน้ามา ล้วนเป็นเพราะฮั่วเทียนอวี่ทั้งสิ้น เมื่อเป็นเช่นนั้นต่อให้พวกเขาก่นด่าเธอยังไง เธอก็ได้แต่กลืนลงท้องไป
ฮั่วเทียนอวี่มาถึงสถานที่นัดหมายกับหลินหว่านตามเวลา “ขอโทษด้วยที่ทำให้คุณต้องรอนาน เมื่อครู่รถติดน่ะเลยมาช้าไปหน่อย” ฮั่วเทียนอวี่ยังมองดูหลินหว่านด้วยท่าทางเหมือนเมื่อก่อน
อันที่จริงเขาเห็นสีหน้าหลินหว่านไม่ค่อยดีนัก แต่ยังจงใจเปิดประเด็นอีก “ที่นี่เงียบสงบมาก ทำไมจึงคิดจะมานี่ล่ะ” นับแต่ฮั่วเทียนอวี่มาถึงก็พูดไม่หยุด
“คุณคิดว่าทำไมถึงมาที่นี่เหรอคะ?” หลินหว่านรู้สึกเดือดดาลเอามากๆ จนเสียงที่พูดสั่นระริก แต่เธอไม่อยากให้ตัวเองร้องไห้อยู่ที่นี่ ต่อให้เป็นเช่นนี้เธอก็ยังบอกตัวเองให้เข้มแข็งเข้าไว้
ฮั่วเทียนอวี่ก็ไม่อ้อมค้อมอีก ในเมื่อหลินหว่านเปิดอกพูดกันตรงๆ เขาก็ไม่มีอะไรจะต้องปิดบังอีก “ผมรู้ว่าเรื่องนี้ทำให้คุณต้องลำบาก”
“ในเมื่อคุณรู้แล้วทำไมยังทำแบบนี้อีก?” เสียงพูดของหลินหว่านราบเรียบมาก เธอนั่งอยู่ตรงหน้าฮั่วเทียนอวี่ นิ่งไม่ขยับ สายตาก็ไม่บอกอารมณ์ใดๆ เลยแม้แต่น้อย
พอเห็นหลินหว่านเช่นนี้ ฮั่วเทียนอวี่ก็รู้ว่าเรื่องที่เขากังวลที่สุดเกิดขึ้นจนได้ “ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ” ฮั่วเทียนอวี่มองหลินหว่านอย่างลำบากใจ เหมือนกับตัวเองต่างหากที่เป็นผู้ถูกทำร้าย
“งั้นคุณบอกฉันได้ไหมคะว่ามันเรื่องอะไรกันแน่?” หลินหว่านยังไม่สามารถคุมอารมณ์ตัวเองได้ในที่สุด เธอเริ่มเค้นถามฮั่วเทียนอวี่
“ผมพูดแบบนี้ก็เพราะหวังดีกับคุณนะ” นาทีนี้แม้ว่าฮั่วเทียนอวี่จะไม่ได้ยืนขึ้น แต่ก็สามารถรับรู้ได้ว่าเขาก็พลุ่งพล่านขึ้นมาอยู่บ้าง
หลินหว่านส่ายหน้า จ้องหน้าเขา พูดว่า “คุณบอกว่าทำเพื่อฉัน เพื่อฉัน คุณถึงพูดแบบนี้ พูดว่าฉันเห็นแก่เงิน ทำหน้าเพื่อเซียวจิ่งสือ ดังนั้นจนถึงตอนนี้พวกเขาพากันบอกว่าฉันไปทำหน้ามา!” หลินหว่านตบโต๊ะ
ยังดีที่ที่นี่เป็นห้องแยกเฉพาะส่วน ผนังกั้นเสียงก็ใช้ได้ดีทีเดียว ฮั่วเทียนอวี่เห็นว่าหลินหว่านแทบจะปรอทแตกอยู่แล้ว เขาถอนใจเฮือก พูดว่า “ผมทำแบบนี้เพราะไม่อยากให้คุณเหนื่อยเกินไป จึงจงใจพูดแบบนั้นออกไป”
อันที่จริง ตอนแรกฮั่วเทียนอวี่ก็คิดแบบนี้ สำหรับเขา หลินหว่านอยู่กับผู้ชายคนนั้นไม่มีทางมีความสุขไปได้หรอก
เขาต่างหากที่เหมาะสมกับเธอที่สุด ทำไมหลินหว่านจึงมองไม่เห็นความดีของเขานะ ฮั่วเทียนอวี่คิดจะเข้าไปโอบกอดหลินหว่าน แต่ถูกหลินหว่านหลบรอดไปได้
“คุณทำแบบนี้ไปแล้ว ยังจะมาบอกว่าทำเพื่อฉันอีก คุณไม่รู้สึกว่าคำพูดของคุณมันขัดแย้งกันเองหรือไง?” หลินหว่านปรับสภาพอารมณ์ตัวเองให้เย็นลง ไม่เดือดปุดแบบเมื่อครู่นี้อีก
“ทำไมคุณถึงไม่เห็นความหวังดีที่ผมมีให้คุณนะ ผมรักคุณด้วยใจจริงนะ” ฮั่วเทียนอวี่เริ่มทำท่าเจ็บปวดรวดร้าวใจของเขาอีก หวังจะใช้อารมณ์โน้มน้าวใจเธอเพื่อจะไม่ต้องพูดเหตุผล
แต่หลินหว่านได้เห็นแล้วว่าเขาเป็นคนอย่างไรกันแน่ จะใช้วิธีการอะไรก็ไม่เป็นผลทั้งนั้น
“อีกอย่างตอนนี้คนข้างนอกนั่นต่างพากันพูดถึงคุณแบบนั้นแล้ว คุณยังจะอยู่ที่นี่เพื่ออะไรอีก?” นี่ต่างหากคือเป้าหมายที่แท้จริงของฮั่วเทียนอวี่ เขายังพูดชักจูงหลินหว่านอยู่อีก
ในเมื่อตอนนี้คนข้างนอกล้วนแต่มองเธอเป็นแบบนี้แล้ว ฮั่วเทียนอวี่เห็นว่าตัวเองบรรลุจุดหมายแล้ว เมื่อครู่หลินหว่านก็บอกว่าตอนนี้เธอลำบากมาก งั้นตอนนี้ก็เป็นโอกาสเหมาะที่จะชักชวนให้เธอไปจากที่นี่
“คุณต้องการให้ฉันไป คุณก็เลยทำแบบนี้” ความคิดของหลินหว่านแจ่มชัดมาก ทำไมเธอจะไม่เข้าใจว่าฮั่วเทียนอวี่คิดอะไรอยู่
ทั้งสองคนนั่งอยู่ที่นี่ในสภาพตึงเครียดจนพร้อมระเบิดได้ทุกเมื่อ หลินหว่านคิดไม่ถึงเลยว่า ตัวเองจะมีวันที่ถูกคนอื่นให้ร้าย และคนนั้นยังเป็นฮั่วเทียนอวี่อีกด้วย! ภายใต้จิตใจส่วนลึกของเธอ เธอยังยอมรับเรื่องนี้ไม่ได้เลย
เธอรู้สึกว่าการที่ฮั่วเทียนอวี่ทำแบบนี้มันน่าขันสิ้นดี สร้างแรงกดดันแบบนี้ให้เธอไปจากที่นี่ “ตอนนี้คุณคงไม่ได้คิดถึงเซียวจิ่งสือกระมัง”
เขาพอฟังความหมายของหลินหว่านได้ว่า เธอยังไม่อยากจากไปนัก หลินหว่านหันมามองเขา สีหน้ายังคงไร้ความรู้สึก