รักเล่ห์เร้นใจ - ตอนที่ 243 เจอฮั่วเทียนอวี่...อีกครั้ง
พอเปิดอกบอกความในใจกันแล้ว ตอนพลบค่ำ เซียวจิ่งสือก็จากไปด้วยอาการอาลัยอาวรณ์ ด้วยมีโทรศัพท์จากฝ่ายบริหารของบริษัทเข้ามาสายแล้วสายเล่า อินเสี่ยวเสี่ยวออกจะสงสารเขาอยู่บ้าง บอกให้เขาเดินทางระวังตัวด้วย เซียวจิ่งสือไม่วางใจให้เธอจากไป เขาต้องการให้เธอพักผ่อนอยู่ที่นี่ อินเสี่ยวเสี่ยวรู้สึกขัดเขิน จึงปฏิเสธเขาไป ก่อนจากไปเธอรับปากเขาว่าจะโทรบอกเมื่อกลับถึงที่พัก
ภายในเขตที่พักย่านคนรวยที่ตกแต่งอย่างดี อี้อวิ๋นฉังผลักหน้าต่างเปิดออก มองออกไปด้านนอก เงาไม้ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดยามราตรี เธอหมุนแก้วไวน์ในมือเบาๆ มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะกระจกทรงกลมบนระเบียงยังส่องแสงเป็นสีแดง ในหัวของเธอมีภาพขาดๆ หายๆ ปรากฏขึ้น พักนี้เซียวจิ่งสือดูเหมือนจะเปลี่ยนไป ดูเหมือนใกล้ชิดและก็ดูเหมือนรักษาระยะห่าง ทำให้ดูยากไปบ้าง
เรื่องที่เธอวางยาเซียวจิ่งสือ เริ่มลงมือไปตั้งนานแล้ว ทุกครั้งเธอจะคำนวณปริมาณเอาไว้แล้ว ด้วยกลัวว่าจะเกิดข้อผิดพลาดขึ้น หรือว่าเขารู้ตัวแล้ว? ไม่อย่างนั้นทำไมเขาจึงเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนว่าต้องเปลี่ยนยุทธวิธีซะแล้ว!
คนรับใช้เคาะประตู เข้ามาแล้วรายงานว่า “คุณเซียวจิ่งสือมาแล้วค่ะ” อี้อวิ๋นฉังเลิกคิ้ว วางแก้วไวน์ลง สั่งกับคนรับใช้เบาๆ ว่าให้ไปต้อนรับเขาก่อน บอกว่าอีกสักครู่เธอจะตามมา พูดจบก็หมุนตัวกลับเข้าในห้อง เลือกชุดกระโปรงยาวออกมาสวม แล้วยังฉีดน้ำหอมอีกหน่อย จึงเดินออกจากห้องลงบันไดไปชั้นล่าง
ที่ชั้นล่าง เซียวจิ่งสือนั่งอยู่บนโซฟา สวมชุดสูทสีดำ เข็มกลัดติดหน้าอกรูปดวงอาทิตย์เป็นเงาวาวสะดุดตา พอเห็นเธอเดินเข้ามา เซียวจิ่งสือก็จัดทรงผมเผ้าหน้าตา ลุกขึ้นยืน มองดูเธอด้วยสีหน้าเรียบสงบ อี้อวิ๋นฉังยกริมฝีปากขึ้น ก้าวเข้ามาช้าๆ จับข้อมือเขาแล้วดึงให้กลับนั่งลงไปใหม่
“มาหาฉันสินะคะ!” อี้อวิ๋นฉังรับกาแฟที่คนรับใช้ชงมาให้ หยิบช้อนมาคน อากาศรอบข้างกระจายกลิ่นหอมของกาแฟ
“ข่าวบนเน็ตเป็นฝีมือเธอ?” ใบหน้าของเซียวจิ่งสือแม้จะรักษารอยยิ้มเอาไว้ แต่กลับทำให้รู้สึกว่าเขากำลังโกรธอยู่
อี้อวิ๋นฉังคล้องแขนเขาไว้อย่างออดอ้อน ส่ายหน้า พูดว่า “ไม่ใช่ฉันค่ะ จิ่งสือ คุณต้องเชื่อฉันนะคะ!” เซียวจิ่งสือหรี่ตาลงเล็กน้อย ยังสงสัยอยู่บ้าง แต่เพียงพริบตาเดียวก็หายไป อี้อวิ๋นฉังเห็นว่าเขาไม่ถามอีก ก็ค่อยๆ คลายใจลงได้
“จิ่งสือคะ ทำไมคุณถึงให้ความสำคัญแม่อินเสี่ยวเสี่ยวนั่นขนาดนี้คะ?” ริมฝีปากแดงเฉียดผ่านข้างหูเซียวจิ่งสือ เซียวจิ่งสือขมวดคิ้ว สายตาจับอยู่ที่น้ำร้อนที่เพิ่งดื่มลงไป ความคิด อารมณ์ค่อยๆ สับสนปั่นป่วนขึ้นมา รู้สึกแต่ว่าทรมานมาก คำพูดขาดๆ หายๆ ก็กลายเป็นนุ่มนวลน่าฟังขึ้นมา เขาส่ายศีรษะ เมื่อครู่อี้อวิ๋นฉังกลับกลายเป็นอินเสี่ยวเสี่ยวไปได้
อี้อวิ๋นฉังยิ้มออกมา ประคองเซียวจิ่งสือขึ้นชั้นบน
หลังแยกจากกันแล้ว อินเสี่ยวเสี่ยวก็นั่งรถของผู้ช่วยเซียวจิ่งสือที่ขับช้าๆ กลับมาถึงที่พัก เนื่องจากฝนตก ถนนเฉอะแฉะอยู่บ้าง ไฟทางสีเหลืองนวลสาดกระทบแอ่งน้ำที่อยู่บนพื้น สะท้อนแสงเป็นประกาย อินเสี่ยวเสี่ยวลงจากรถ บอกลาผู้ช่วย รอจนผู้ช่วยเลี้ยวรถกลับออกไปแล้วจึงนวดหางตาที่ปวดหนึบแล้วขึ้นตึกไป
อินเสี่ยวเสี่ยวนอนหงายอยู่บนโซฟา ดวงตานิ่งค้างอยู่ แค่รู้สึกเหนื่อยสุดๆ จึงปิดตาลงงีบสักหน่อย ด้านนอกหน้าต่างที่เปิดแง้มอยู่ครึ่งหนึ่ง ละอองฝนที่ตกพรำๆ ปลิวตามลมเข้ามา ฮั่วเทียนอวี่ลุกขึ้นมาปิดหน้าต่าง คงเป็นเพราะเสียงดังเกินไป อินเสี่ยวเสี่ยวที่หลับฝันอยู่จึงตื่นขึ้นมา
“ทำไมคุณเปิดหน้าต่างนอนล่ะ?” ฮั่วเทียนอวี่นั่งลงตรงข้ามอินเสี่ยวเสี่ยว พิงพนักนุ่มของโซฟา ร่างกายค่อยผ่อนคลายลง แต่ยังก้มหน้า อินเสี่ยวเสี่ยวมองสีหน้าท่าทีเขาได้ไม่ชัดนัก
“อ้อ ฉันลืมไปนะค่ะ” ชั่วขณะนั้น อินเสี่ยวเสี่ยวไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี จึงหันเหสายตาไปมองรอบข้าง ไม่ทราบว่าผ่านไปนานเท่าไร ฮั่วเทียนอวี่เหมือนจะอารมณ์ไม่ดีนัก แต่ฝืนข่มใจเอาไว้ สีหน้าจึงขาวซีดอยู่บ้าง เซียวจิ่งสือพาตัวอินเสี่ยวเสี่ยวที่ถูกวางยาไป พวกเขาคงได้เสร็จสมอารมณ์หมายกันแล้ว
ฮั่วเทียนอวี่ยกมือกุมศีรษะ ท่าทางเจ็บปวด อินเสี่ยวเสี่ยวอึ้งจนเป็นใบ้ไป แต่แล้วกลับพบว่ามือของเขามีเลือดออก ค่อยๆ หยดลงบนโซฟา
อินเสี่ยวเสี่ยวก้าวเข้าหาเขา คิดจะคว้ามือเขาไว้ ฮั่วเทียนอวี่สะท้านขึ้นเบาๆ รีบผงะถอยไป ฮั่วเทียนอวี่เสียหลักจึงล้มลงไปชนขอบโต๊ะรับแขก ฮั่วเทียนอวี่ทั้งโกรธทั้งรู้สึกขายหน้า เขาพยายามตั้งสติ มือขวาดึงขากางเกงตัวเองอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดแก้เกี้ยวกับอินเสี่ยวเสี่ยวว่า “ขอโทษครับ ปฏิกิริยาแรงไปหน่อย”
ตอนที่ฮั่วเทียนอวี่กำลังพูดอยู่นั้น อินเสี่ยวเสี่ยวยังรักษาความเงียบมาตลอด ไม่มองดูเขาเลยสักแวบเดียว พอเขาพูดจบ ก็ไปหยิบร่วมยาที่ห้องมา พันแผลให้เขาอย่างเบามือ บาดแผลนี้มาได้อย่างไร อินเสี่ยวเสี่ยวพอจะเดาได้ เขาก็เหมือนกับเซียวจิ่งสือ ล้วนมีความต้องการเป็นเจ้าของแรงสุดๆ เมื่อวานเซียวจิ่งสือพาตัวเธอไปต่อหน้าต่อตาเขาขนาดนั้น แล้วยังทำร้ายเขาจนสลบไปอีก คิดว่าเขาคงอดกลั้นไว้ไม่ได้แน่
แสงโคมที่ห้องรับแขกเป็นสีเหลืองนวล อินเสี่ยวเสี่ยวเก็บกล่องร่วมยา ลุกขึ้นเดินเข้าห้อง ฮั่วเทียนอวี่เงยหน้าขึ้นช้าๆ เหม่อมองเงาหลังของอินเสี่ยวเสี่ยว เขาเดินเข้าไป ยืนอยู่หน้าประตูห้อง พูดว่า “คุณนอนกับเซียวจิ่งสือแล้ว?”
อินเสี่ยวเสี่ยวหรุบตาลง ขนตางอนยาวบดบังความรู้สึกหม่นหมองในดวงตาด้านล่าง เธอยิ้มที่มุมปาก พูดว่า “ค่ะ ฉันรักเขา” ฮั่วเทียนอวี่จ้องมองอินเสี่ยวเสี่ยวนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินเข้ามาอย่างฉุนเฉียว โยนการเสแสร้งแกล้งทำเมื่อครู่ทิ้งไป เขากระชากแขนอินเสี่ยวเสี่ยวอย่างแรง ในใจเขาเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาและความโกรธแค้น
ทำไมนะ ทั้งๆ ที่เขาพบตัวเธอก่อนแท้ๆ? เขาเป็นคนช่วยเธอในยามตกระกำลำบาก เขาอยู่กับเธอรักษาบาดเจ็บให้เธอ เขาทำทุกอย่างเพื่อเธอจนก้าวมาถึงจุดนี้ เซียวจิ่งสือนั่นพอปรากฏตัวขึ้นก็แย่งตัวเธอไปจากเขาได้อย่างง่ายดาย
ฮั่วเทียนอวี่รู้สึกว่านี่ไม่ยุติธรรมเลย ทั้งๆ ที่เขาเสียสละตั้งมากมาย ทำไมในสายตาของอินเสี่ยวเสี่ยวกลับไม่มีเขาอยู่เลย เธอรักเซียวจิ่งสือขนาดนั้น เขาคิดว่าตัวเองก็ไม่ด้อยไปกว่าเซียวจิ่งสือเลย ฮั่วเทียนอวี่รู้สึกโกรธแค้นจนอยากจะทำลายเซียวจิ่งสือทิ้งซะ
“รักเขา? แล้วเขารักเธอรึเปล่า? เธอรู้หรือเปล่า เซียวจิ่งสือแค่เห็นเธอเป็นตัวสำรองเท่านั้น เป็นของเล่นที่จะโยนทิ้งไปเมื่อไหร่ก็ได้” ฮั่วเทียนอวี่ตะเบ็งจนเสียงแหบเครือ มือที่คว้าแขนอินเสี่ยวเสี่ยวเอาไว้สั่นระริกอย่างห้ามไม่ได้
อินเสี่ยวเสี่ยวยิ้มเยาะตัวเอง แววตาเป็นประกายเศร้าเสียใจบางๆ เธอสะบัดหลุดจากการยึดกุมของฮั่วเทียนอวี่ พูดว่า “แล้วคุณล่ะ? คุณรักฉันหรือเปล่า?”
ฮั่วเทียนอวี่ถอยไปก้าวหนึ่งอย่างลืมตัว เขามองดูอินเสี่ยวเสี่ยวใต้แสงโคมไฟ จู่ๆ ก็รู้สึกว้าวุ่นสับสนและหมดแรง รอยยิ้มของเธอเหมือนมีดที่คมกริบ แค่เพียงตวัดออกก็สามารถกรีดทำลายการเสแสร้งทั้งหมดทั้งมวลของเขาลงได้
“เสี่ยวเสี่ยว คุณเชื่อผมนะ ผมรักคุณนะ เซียวจิ่งสือมีคนที่เขารักมาตลอด เขาดูแลคุณ เข้ามาตีสนิทกับคุณ ก็แค่เห็นว่าคุณเป็นตัวแทนของเธอเท่านั้น” ใบหน้าของฮั่วเทียนอวี่ค่อยๆ แข็งค้าง ริมฝีปากงามเอิบอิ่มของอินเสี่ยวเสี่ยวหยักยกขึ้นอีกครั้ง เสียงเย็นเฉียบดังมาว่า “ความรู้สึกของฉันกับเขา ไม่ต้องให้คุณมายุ่งวุ่นวายด้วย เทียนอวี่ เราคงมีเรื่องต้องคุยกันแล้วละค่ะ”