รักเล่ห์เร้นใจ - ตอนที่ 270 ริษยา
หลินหว่านเห็นว่าฮั่วเทียนอวี่ชักจะริษยาหึงหวงจนเลอะเทอะกันไปใหญ่แล้ว อดไม่ได้ที่จะรู้สึกรังเกียจเขาขึ้นมา
“ฮั่วเทียนอวี่ คุณไปซะเถอะ ไม่ว่าคุณจะทำยังไง ก็มาแทนที่เซียวจิ่งสือไม่ได้หรอก เข้ามาทางไหนก็ออกไปทางนั้นก็แล้วกัน!” หลินหว่านหมุนตัวไปไม่สนฮั่วเทียนอวี่อีก ทั้งสองเป็นไปไม่ได้ตั้งแต่แรก จะลำบากเยื้อยุดอยู่อีกทำไมกัน
แน่นอนว่าฮั่วเทียนอวี่ไม่ยอมปล่อยหลินหว่านไปง่ายๆ เขารีบยื่นมือมาคว้าหลินหว่านเอาไว้ จากนั้นพล่ามพูดล้างสมองหลินหว่านไม่หยุด “ดูไปแล้ว เซียวจิ่งสือก็ไม่ได้ชอบคุณนัก คุณจะไม่รับผมไว้พิจารณาสักหน่อยจริงเหรอ”
หลินหว่านขมวดคิ้ว สะบัดมือ คิดจะสลัดหลุดจากฮั่วเทียนอวี่ น่าเสียดายที่ฮั่วเทียนอวี่จับไว้แน่นเกิน หลินหว่านสลัดไม่หลุด จากนั้นหลินหว่านพยายามสะบัดอยู่หลายครั้ง แต่ก็สลัดไม่หลุด
หลินหว่านนวดข้อมือที่ฮั่วเทียนอวี่บีบจนแดง ตวัดตาค้อนเขาแล้วเดินออกไปทางประตู
“เฮ้ หลินหว่าน คุณอย่าเพิ่งไปสิ ผมเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวจริงๆ นะ ผมก็ให้คุณอยู่ดีกินดีได้เหมือนกัน” พอหลินหว่านสลัดหลุด ฮั่วเทียนอวี่ยังเดินตามหลินหว่านมาอย่างไม่ลดละ
“อย่าตามฉันมานะ!! ขืนทำแบบนี้อีก ฉันจะเรียกให้คนช่วยแล้วนะ!!” หลินหว่านโมโหแทบจะระเบิดอยู่แล้ว เธอไม่เคยพบเคยเห็นคนที่หมกมุ่นจนน่ารำคาญขนาดนี้มาก่อน
ฮั่วเทียนอวี่เสไปมองอย่างอื่น แกล้งทำเหมือนแค่เดินผ่านมา เขายังตามคิดหลินหว่านไม่เลิก รักษาระยะห่างให้ไม่ไกลไม่ใกล้เกินไป
หลินหว่านก็ไม่ไว้หน้าฮั่วเทียนอวี่อีก เรียกให้คนมาไล่เขาไป
ก่อนไป ฮั่วเทียนอวี่จ้องหลินหว่านเขม็ง ปากก็พึมพำด่าออกมาเบาๆ ไม่มีท่าทีอ่อนโยนเหมือนเมื่อครู่แม้แต่น้อย “ฮึ ทำดีด้วยไม่ชอบ งั้นก็อย่าหาว่าฉันไม่ไว้หน้าล่ะ”
หลินหว่านมองตามเงาหลังฮั่วเทียนอวี่จากไป ถอนใจยาว แต่ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง
ฮั่วเทียนอวี่กลับถึงห้องทำงาน เขาทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ เคาะนิ้วกับโต๊ะ จู่ๆ เขาก็ลุกพรวดขึ้นนั่ง เหมือนตัดสินใจอะไรครั้งใหญ่ลงไป
เขาเปิดลิ้นชัก หยิบทรัมพ์ไดร์ฟออกมา จากนั้นส่งข้อมูลที่อยู่ข้างในด้วยแอคเคาน์ลับขึ้นเน็ตไป พอทำเสร็จ ฮั่วเทียนอวี่ก็ยิ้มที่มุมปากอย่างพอใจ
เพียงไม่ถึงสองชั่วโมง บนเน็ตก็มีข่าว ‘หลินหว่านทำทารุณหลินอีอวิ่น’ แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว
ปกติช่วงเว้นว่างพักจากการถ่ายหนัง หลินหว่านจะเปิดดูเน็ตเล่นด้วยความเคยชิน ปรากฏว่าวันนี้ข่าวที่เข้าตาเธอกลับเป็นข่าวปลอมว่าเธอทำทารุณหลินอีอวิ่น
“นี่มันอะไรกัน!!” หลินหว่านร้องอย่างตกใจ รีบคลิ้กเข้าไปดูกล่องรับความคิดเห็น แล้วก็เป็นดังคาดที่มีเสียงวิจารณ์ประเภทว่าหลินอีอวิ๋นช่างน่าสงสาร และหลินหว่านร้ายกาจมาก
ตอนนั้นเอง ผู้จัดการของหลินหว่าน อวิ๋นซีโทรหาเธอ
หลินหว่านมองดูชื่อที่ปรากฏบนมือถือ ปวดศีรษะอยู่บ้าง แต่สุดท้ายก็กดรับสาย “หลินหว่าน! เธอเห็นข่าวบนเน็ตแล้วรึยัง!”
“เห็นแล้ว” หลินหว่านพูดเสียงไม่ดีนัก มิน่าเล่าเธอรู้สึกว่าเมื่อครู่เพื่อนร่วมงานถึงได้มองเธอแปลกๆ อยู่บ้าง ที่แท้ก็เป็นเพราะเรื่องนี้เอง!
“วันนี้ฉันแค่มีธุระไม่ได้ไปกับเธอแค่วันเดียว เธอบอกฉันซิ วันนี้เธอไปล่วงเกินใครเข้าอีกแล้ว” อวิ๋นซีก็อับจนใจอยู่ ตอนนี้กระแสข่าวไม่เข้าข้างพวกเธอเลย ต้องส่งผลต่อชื่อเสียงของหลินหว่านแน่ เธอปวดหัวอยู่บ้างว่าต่อไปจะแก้ข่าวให้หลินหว่านหลุดจากเรื่องนี้ได้อย่างไร
ถึงแม้เธอจะรู้ว่าหลินหว่านไม่ใช่คนที่ทำอะไรแบบนั้นออกมาได้ แต่คลิปภาพและเสียงพวกนั้น มันทำให้แฟนคลับที่ไม่คุ้นเคยกับหลินหว่านหลงเชื่อได้แน่
“ไม่รู้เหมือนกัน วันนี้มีแค่ฮั่วเทียนอวี่มาหาฉัน จากนั้นก็ถูกฉันเรียกคนไล่เขากลับไป” หลินหว่านคิดดูแล้ว วันนี้เธอก็ไม่ได้ทำอะไร มีแค่ฮั่วเทียนอวี่มาหา และตอนที่ฮั่วเทียนอวี่จากไปนั้นเธอเองก็รู้สึกสังหรณ์ว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีอยู่เหมือนกัน เพียงแต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้
“ไม่เป็นไรนะ หลินหว่านเธอแสดงไปอย่างสบายใจได้ เรื่องพวกนี้ให้ฉันจัดการเอง” อวิ๋นซีพูดปลอบเธอทำงานกับหลินหว่านมาก็นานพอดี จะมากจะน้อยก็รู้ว่าหลินหว่านนั้นเกิดเรื่องได้ไม่หยุดไม่หย่อน
พอวางสาย หลินหว่านมองดูคนทำงานที่กำลังยุ่งอยู่ไม่ไกลนัก รู้สึกหงุดหงิดใจอยู่บ้าง
“หลินหว่าน! คุณอะไรนี่! อารมณ์น่ะ อารมณ์ คุณเข้าใจมั้ย” ผู้กำกับตะโกนใส่หลินหว่านอย่างดุเดือด เสียงก้องไปทั้งโรงถ่าย
หลินหว่านจำไม่ได้แล้วว่าถูกผู้กำกับขานเทคไปกี่รอบ ทั้งๆ ที่เธอแสดงได้ไม่เลวเลย แต่ผู้กำกับกลับบอกว่าเธอเล่นไม่ถึงบทบาท อาจเป็นเพราะได้รับผลกระทบจากคำวิจารณ์บนเน็ตกระมัง
“ผู้กำกับคะ ขอโทษค่ะ ขอเวลาฉันสักครู่” หลินหว่านแม้จะอัดอั้นแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ถึงอย่างไรก็คืองาน ยังไงก็ต้องตั้งใจแสดงให้ดีสม่ำเสมอ
ผู้กำกับไม่ได้ฟังคำอธิบายของหลินหว่าน เขาโบกมือ ให้คนงานกองถ่ายเก็บข้าวของไปถ่ายทำใหม่วันอื่น
พอเป็นเช่นนี้ เพื่อนร่วมงานในกองถ่ายก็ยิ่งไม่ชอบหน้าหลินหว่านมากขึ้น
“โว้วๆๆ นี่มันคนที่เน็ตเพิ่งลงว่าทำทารุณกับหลินอีอวิ่นน้องตัวเองนี่นา” คนในกองถ่ายเดินผ่านหลินหว่านก็พูดจาเสียดสี
หลินหว่านขมวดคิ้ว อดเถียงไม่ได้ว่า “หลินอีอวิ่นไม่ใช่น้องฉัน!”
“เชอะ ไม่ถูกกันจริงๆ ซะด้วย แม้แต่น้องสาวยังไม่ยอมรับ ช่างเถอะๆ ฉันก็ขี้เกียจจะพูดกับคนแบบนี้” เพื่อนร่วมงานเห็นหลินหว่านสีหน้าไม่ค่อยดีนัก ก็หยุดปากอย่างรู้ตัว ก่อนไปยังเสียดสีอีกหลายคำ
หลินหว่านตวัดตาค้อนเพื่อนร่วมงาน แต่ก็ไม่ได้โต้เถียงต่อไปอีก เธอไปห้องเปลี่ยนชุดตัวเองกลับคืนแล้วรีบกลับคอนโดที่พัก
เธอประเมินพลังของข่าวลือบนเน็ตต่ำไป รถยังไม่ทันจอดสนิท คนขับก็เห็นว่ารอบๆ คอนโดห้อมล้อมด้วยบรรดานักข่าวและแฟนคลับจำนวนหนึ่ง
“หลินหว่าน รอบบ้านคุณดูเหมือนจะมีคนมาดักรอครับ” คนขับเตือนด้วยความหวังดี และจอดรถหลบในที่ห่างจากคอนโดไปอีกหลายร้อยเมตร
หลินหว่านกำลังเล่นมือถืออย่างหงุดหงิด พอได้ยินคำพูดของคนขับ เธอเงยหน้าขึ้นมองแวบหนึ่ง “กลับไปเถอะ พักโรงแรมพวกเขาก็หาเจออยู่ดี สู้อยู่บ้านตัวเองสบายกว่า อีกเดี๋ยวต้องรบกวนพวกคุณแล้ว”
“ครับ” คนขับรถตอบรับ
รถยังไม่ทันจอดสนิท บรรดานักข่าวและแฟนคลับที่มาดักรอละแวกบ้านหลินหว่านก็รุมกันเข้ามา พวกเขาพากันเคาะหน้าต่างกระจกรถอย่างบ้าคลั่ง
“หลินหว่าน หรือว่าผมจะโทรหาอวิ๋นซีให้เธอส่งบอดี้การ์ดมา” คนขับรถเสนอ เดิมทีเขาเข้าใจว่ามีแค่ที่เห็นเมื่อครู่สิบกว่าคนเฝ้ารออยู่หน้าประตู แต่ตอนนี้ที่รุมล้อมอยู่ข้างรถดูแล้วอย่างน้อยก็มียี่สิบสามสิบคนเข้าไปแล้ว และพวกเขาต่างก็ดูมีอารมณ์รุนแรง หลินหว่านไม่ได้พาคนมาด้วยอีก เขาคนเดียวเกรงว่าดูแลเธอไม่ได้
หลินหว่านก็คิดเหมือนคนขับ จึงผงกศีราะเล็กน้อย เห็นด้วยกับข้อเสนอของคนขับรถ
ไม่นานนัก อวิ๋นซีก็ให้บอดี้การ์ดมาหลายคน หลินหว่านเพิ่งลงจากรถก็ถูกนักข่าวรุมถาม
“คุณหลินหว่าน ไม่ทราบว่าข่าวบนเน็ตเป็นความจริงหรือไม่ครับ”
“ไม่ทราบว่าเรื่องทำทารุณหลินอีอวิ่นคุณคิดอย่างไรบ้าง และก่อนหน้านี้ที่คุณปฏิเสธว่าหลินอีอวิ่นไม่ใช่น้องสาวคุณนั้น เพราะว่าพวกคุณสองพี่น้องไม่ถูกกันใช่หรือเปล่าคะ”
หลินหว่านก้มศีรษะ กดหมวกลงต่ำ รีบจ้ำอ้าวเข้าไปในคอนโด