รักเล่ห์เร้นใจ - ตอนที่ 273 ไปซะ
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือคะ?” เมื่อครู่เลขาพูดซะหนักหนาสาหัสขนาดนั้น หลินหว่านก็ได้ยินด้วย พอปลายสายได้ยินว่าเลขาออกไปแล้วก็รีบออกปากถามขึ้น
พอได้ยินคำนี้ เซียวจิ่งสือก็ตอบอย่างลำบากใจว่า “ฮั่วเทียนอวี่นั่นเมื่อไม่นานมานี้ข้ามห้วยไปบริษัทคู่แข่ง เขาเคยปลอมตัวเป็นผมทำหน้าที่ประธานมาก่อน คราวนี้พอย้ายไปทางนั้นก็เลยขายความลับบริษัทไปตั้งมากมาย บริษัทคู่แข่งก็รุกหนักทุ่มสุดตัว ดูท่าคงมีแผนให้บริษัทล้มละลายจะได้กว้านซื้อทีหลัง”
พูดถึงตรงนี้ เซียวจิ่งสือก็ไม่ลืมจะหยอดคำว่า “ตอนนี้หุ้นบริษัทร่วงลงไปมาก ใกล้จะล้มละลายอยู่แล้ว”
เดิมทีหลินหว่านที่ยังทำสงครามเย็นกับเซียวจิ่งสือ พอฟังก็ไม่รู้จะพูดอะไรได้อีก จึงนิ่งเงียบอยู่ที่ปลายสายอีกด้าน
“เรามาพบหน้าคุยกันหน่อยเถอะนะ” เซียวจิ่งสือรีบคว้าโอกาสเอ่ยขึ้น
ตั้งแต่เธอเห็นเซียวจิ่งสือมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับคนที่สวมรอยเป็นเธอ หลินหว่านก็ไม่คิดจะพบหน้าเซียวจิ่งสืออีก ภาพที่เห็นในวันนั้เธอยังลืมไม่ลง
แต่รู้ทั้งรู้ว่าเซียวจิ่งสือไม่ได้ตั้งใจ เขาอยู่กับคนคนนั้นเพราะเธอคนนั้นเหมือนกับเธอมาก จึงเข้าใจผิดไป
ตอนนี้เซียวจิ่งสือตกอยู่ในห้วงวิกฤต และวิกฤตนี้มาจากผู้ช่วยชีวิตเธอ หลินหว่านจึงได้แต่ถอนใจ คิดอยู่นาทีหนึ่งก็นัดให้เซียวจิ่งสือมาพบเธอที่บ้าน
ระยะนี้เธอไม่ได้รับงานโฆษณาประชาสัมพันธ์อะไรนัก หลินหว่านจึงอยู่บ้านตลอด พอวางสายแล้ว หลินหว่านก็เริ่มคิดว่าจะช่วยเซียวจิ่งสืออย่างไรดี
สงครามเย็นกับเขามันคนละเรื่องกัน หลินหว่านรู้ดีว่าเซียวจิ่งสือยังรักเธออยู่ ทุกครั้งที่เธอเกิดเรื่องเสียใจ เซียวจิ่งสือมักจะยืนหยัดอยู่ตรงหน้าเธอคอยปกป้องเธอเสมอ เธอไม่ใช่คนแล้งน้ำใจ ย่อมจะไม่ทอดทิ้งเซียวจิ่งสือไปในเวลานี้เพื่อจะสบายเพียงลำพัง โดยปล่อยให้เซียวจิ่งสือต้องแบกรับความทุกข์ที่บริษัทล้มละลายเพียงคนเดียว
“ก๊อกๆๆ” เสียงเคาะประตูห้องดังมา หลินหว่านรีบดึงสติกลับคืนมา ลุกขึ้นไปเปิดประตู
พอเปิดประตูหลินหว่านก็เห็นเซียวจิ่งสือยืนอยู่หน้าประตูมองเธอด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า พอเห็นเธอออกมา เซียวจิ่งสือก็ถามว่า “ผมขอเข้าไปได้ไหม?”
“อื้อ” หลินหว่านรู้สึกปั่นป่วนว้าวุ่น แต่ยังเบี่ยงกายให้เซียวจิ่งสือเข้าประตูมา จากนั้นนั่งลงบนโซฟาถามว่า “เรื่องบริษัทเป็นยังไงบ้างคะ?”
“ยังหาสัญญาความร่วมมือไม่ได้เลย ตอนนี้หุ้นบริษัทยังตกอยู่ ถ้าหาคนทำสัญญาความร่วมมือไม่ได้คงต้องล้มละลายกันจริงๆ แล้ว”
เซียวจิ่งสือพูดซะน่าสงสาร ใบหน้าบอกชัดว่าเหนื่อยล้าไม่เหมือนแกล้งทำขึ้น หลินหว่านนึกถึงข่าวเล่าลือของวั่นหย่าเมื่อหลายวันก่อน ก็เข้าใจว่าเรื่องนี้เกรงว่าหนักหนาสาหัสจริงๆ
“งั้นทำไงดีคะ?” เธอถามเสียงเบาหวิว สถานการณ์ของบริษัทในตอนนี้เธอก็ไม่รู้ ได้แต่ถามเซียวจิ่งสือว่าจะทำอย่างไรดีแล้ว
“ต้องหาคนมาร่วมทุนด้วย” เซียวจิ่งสือทำหน้าตึงเอ่ยปากขึ้น อันที่จริงเรื่องหาคนร่วมมือนั้นจากเส้นสายคนรู้จักของเขาต้องหาได้แน่ แต่เขากลับไม่พูดออกมา และยังแกล้งทำท่าว่าเป็นทุกข์กลุ้มใจหนัก
ส่วนหลินหว่านไม่ทราบความจริง แต่กลับเข้าใจดีว่าสัญญาความร่วมมือแบบนี้หาได้ยากจริงๆ เพราะสถานการณ์ในตอนนี้ของเซียวจิ่งสือ ไม่มีใครโง่พอที่จะเข้ามาร่วมทุนกับเขา
มันเหมือนหาที่ตายชัดๆ เกิดเซียวจิ่งสือล้มละลายขึ้นมาจริงๆ เงินที่ลงทุนไปทั้งหมดก็สูญเปล่า
“ฉันจะลองนึกหาวิธีดูนะคะ คุณก็ไม่ต้องเป็นกังวลนักหรอก ตอนนี้ยังไม่ถึงกับอับจนสิ้นหนทางซะหน่อยนี่คะ” หลินหว่านได้แต่พูดเบาๆ อย่างจนใจ
ขณะที่ในใจก็นึกหาคนที่เธอรู้จัก คิดว่าจะดึงคนมาร่วมมือกับเซียวจิ่งสือได้อย่างไร บริษัทของเซียวจิ่งสือในตอนนี้ดูท่าทางไม่ดีนักจริงๆ ถ้าหากไม่ได้รู้จักกันดีเป็นพิเศษ คงไม่มีใครยอมช่วยในเวลานี้แน่
“ผมอยู่กับคุณที่นี่ด้วยได้ไหม” พอเห็นว่าหลินหว่านไม่ได้เฉยเมยเกินไปนัก เซียวจิ่งสือก็รีบรุกคืบ
หลินหว่านพอได้ฟังก็อ้าปากคิดจะปฏิเสธ แต่พอนึกถึงสถานการณ์ตอนนี้ของเซียวจิ่งสือ คำปฏิเสธก็ติดอยู่ในลำคอ ไม่ได้พูดออกมา และจัดห้องว่างให้เซียวจิ่งสือพักในบ้าน
จากนั้น หลินหว่านก็เริ่มช่วยเซียวจิ่งสือค้นหาคนที่จะมาช่วยได้ กลับกลายเป็นว่าเซียวจิ่งสือดูไม่ค่อยใส่ใจนัก ราวกับว่าการที่บริษัทล้มละลายเป็นเรื่องไม่สำคัญเลยอย่างนั้น
กลับหันมาพูดกับหลินหว่านด้วยเรื่องอื่น “ผมไม่ได้มีอะไรกับผู้หญิงนั่น”
ผู้หญิงนั่นที่เขาพูดถึงเป็นใครหลินหว่านย่อมรู้ดี ผู้หญิงที่หน้าตาเหมือนเธอเป๊ะนั่นไง
เรื่องในวันนั้นเธอเห็นกับตาตัวเอง เซียวจิ่งสือจะไม่มีอะไรกับผู้หญิงคนนั้นได้ยังไง? หลินหว่านฉุนขาด โยนมือถือลงบนโต๊ะ พูดเสียงห้วนอย่างไม่พอใจว่า “ตอนนี้บริษัทคุณจะล้มละลาย ไม่ใช่ของฉัน ถ้าคุณยังไม่สนใจอีกก็ไปจัดการแก้ปัญหาเองเถอะ”
เซียวจิ่งสือเองก็ไม่ได้หวังให้หลินหว่านช่วยแก้ไขแต่แรก เขายังมีกำลังเหลือเฟือ ไม่จำเป็นต้องอาศัยหลินหว่านช่วย เขามาหาหลินหว่านแกล้งทำตัวน่าสงสารก็เพื่อหาโอกาสอธิบายกับหลินหว่านเท่านั้น
หลินหว่านพูดแบบนี้แล้ว เดิมทีเซียวจิ่งสือควรจะหยุดพูด แต่จากท่าทีของหลินหว่านถ้าหากเรื่องนี้ยังยืดเยื้อต่อไปความเข้าใจผิดก็มีแต่จะพอกพูนมากขึ้นไปเรื่อยๆ
พอนึกถึงตรงนี้ เซียวจิ่งสือก็ทำปากแข็งพูดต่อไปว่า “คุณอย่าเปลี่ยนเรื่องสิ ผมมาคราวนี้ไม่ได้มาเพื่อขอให้คุณช่วย เรื่องบริษัทต่อให้ผมจนตรอกอย่างไรก็ไม่ถึงกับหมดหนทางจนต้องให้ผู้หญิงมาช่วยหรอก”
“งั้นคุณมาหาฉันทำไมคะ?” หลินหว่านก็โมโหขึ้น เรื่องในวันนั้นเธอเห็นชัดถนัดตาขนาดนั้น เธอไม่อยากจะเกี่ยวข้องอะไรกับเซียวจิ่งสืออีก แต่ที่ไหนได้เขายังขุดเรื่องนี้ขึ้นมาพูดอีก
“คุณฟังผมอธิบายหน่อยไม่ได้รึไง? ผมไม่ได้มีอะไรกับผู้หญิงนั่นจริงๆ นะ คราวนี้ผมมาเพื่อจะอธิบายกับคุณเรื่องนี้ คุณเมินเฉยจนผมไม่ได้พบคุณ ถ้าไม่อ้างเรื่องของบริษัทผมคงไม่ได้เจอหน้าคุณแน่”
เซียวจิ่งสือพูดอย่างน้อยใจ แต่หนามแหลมในใจของหลินหว่านไม่ได้หลุดไปเพราะความน้อยใจของเขา
เธอเข้าใจดีว่าเซียวจิ่งสือรักเธอ การที่อยู่กับผู้หญิงคนนั้นก็แค่จำผิดคนเท่านั้น เธอควรจะให้อภัยเขาสักครั้ง
แต่ภาพที่เห็นในวันนั้นมันติดตาตรึงใจเกินไป เธอเห็นคาตาขนาดนั้น หลินหว่านไม่เชื่อว่าพวกเขาสองคนไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริงๆ เธอเข้าใจว่าเซียวจิ่งสือโกหก ไม่กล้าพูดความจริงออกมา
ถ้าหากทำได้ เธอคงยอมรับคำแก้ตัวนี้แล้วทำเหมือนเรื่องทั้งหมดไม่เคยเกิดขึ้นก็คงจะดี แต่เธอทำใจยอมรับมันไม่ได้
“ตอนนี้เรื่องบริษัทสำคัญกว่า อย่าพูดเรื่องที่ไม่สำคัญพวกนี้แล้ว” หลินหว่านข่มกลั้นความรู้สึกในใจ พูดออกมา ขณะที่ในใจคิดว่ารีบช่วยให้เซียวจิ่งสือหาคนมาร่วมทุนด้วยโดยเร็วแล้วให้เขาไปซะ
ในเมื่อใจยอมรับไม่ได้ หลินหว่านก็ไม่ฝืนใจตัวเองทนอยู่กับเซียวจิ่งสือ
“คุณ…” พอฟังหลินหว่านพูดแบบนี้ เซียวจิ่งสือก็อ้าปากคิดจะบอกให้หลินหว่านอย่าเลี่ยงประเด็น แต่สุดท้ายไม่ได้พูดออกมา
เห็นได้ชัดว่าหลินหว่านติดใจกับเรื่องนี้มาก ตอนนี้ถ้าเขายังจะพูดอีกโดยไม่สนใจหลินหว่านเธอก็ไม่อาจยอมรับได้อยู่ดี
เซียวจิ่งสือหันหน้าหนีอย่างหงุดหงิด ไม่เอ่ยปากอีก มองไปอีกทางอย่างเงียบงัน
หลินหว่านก็ค้นหาคนรู้จักในมือถือต่อไป อยากจะใช้มือถือความเร็วสูงสุดหาคนมาร่วมทุนกับเซียวจิ่งสือจะได้ไล่เขาไปเสียที