รัตติกาลไม่สิ้นแสง (Embers Ad Infinitum) - ตอนที่ 187 ธรรมเนียมท้องถิ่น
เทเรซ่าเพิ่งจะอธิบายจบไป ซางเจี้ยนเย่าซึ่งนั่งอยู่ข้างเจี่ยงไป๋เหมียนก็หัวเราะออกมา
“การสวมหน้ากากนี่มันน่าสนใจจริงๆ”
ที่เขาพูดนั้นเป็นภาษาแม่น้ำแดง
ถึงแม้ว่าจะไม่ถึงขนาดพูดได้คล่องแคล่วลื่นไหล แต่หลังจากโลกเก่าถูกทำลายมาเนิ่นนานหลายปี ภาษาแม่น้ำแดงจึงเปลี่ยนแปลงไปพอสมควร สำเนียงของเทเรซ่าเองก็แตกต่างไปจากสำเนียงที่นิยมใช้ในเมืองหญ้าไพร
“อะไรนะ” เทเรซ่ามองเจี่ยงไป๋เหมียนอย่างงุนงงเพื่อค้นหาคำตอบ
ความหมายของเขาก็คือ… เป็นเพราะสวมหน้ากากอยู่ ทำให้คุณตัดสินว่าใครเป็นชาวแม่น้ำแดงหรือชาวแดนธุลีได้จากภาษาที่พูดเท่านั้น ก็เลยพูดจาไม่ดีเกี่ยวกับคนแดนธุลีต่อหน้าพวกเรา… การปลอมตัวจึงเป็นเรื่องดี เพราะเมื่อปลอมตัวแล้วก็ไม่มีใครสามารถแยกแยะจากลักษณะภายนอกได้ว่าใครเป็นใคร เรื่องแบบนี้จึงน่าสนใจมาก…
ที่นี่ก็เหมือนกับแหล่งศูนย์รวมวัตถุดิบสำหรับศึกษาด้านจิตวิทยาเรื่องแนวคิดของ ‘หน้ากากบุคลิกภาพ’ นั่นเอง… เหอะ เหอะ ถ้าชาวแดนธุลีเชี่ยวชาญภาษาแม่น้ำแดง ส่วนพวกคุณก็ชำนาญภาษาแดนธุลี แล้วจะแยกแยะศัตรูกับพวกพ้องได้ยังไง จะสร้างกลุ่มได้ยังไง หรือว่าจะแบ่งกลุ่มเป็น ‘กลุ่มหน้ากากสัตว์’ ‘กลุ่มหน้ากากมนุษย์’ ‘กลุ่มหน้ากากสัตว์ประหลาด’ อย่างนั้นนะเหรอ… ในขณะนี้ความคิดต่างๆ เหล่านี้แว่บขึ้นมาในใจของเจี่ยงไป๋เหมียน
แต่สุดท้ายความคิดต่างๆ เหล่านั้นก็ถูกสรุปออกมาเป็นคำพูดเพียงแค่ประโยคเดียวเท่านั้น
“เขาไม่เคยเล่นกับหน้ากากมาก่อนน่ะ”
จากนั้นเจี่ยงไป๋เหมียนไม่รอให้เทเรซ่าถามอะไรเพิ่มอีก เธอพูด “อืม” ออกมาคำหนึ่ง
“สาเหตุการเสียชีวิตที่สำนักงานรักษาความสงบฯ บอกมาก็คือตกใจตายงั้นเหรอ”
เทเรซ่าผงกศีรษะเล็กน้อย
“นี่มันตอบแบบขอไปทีชัดๆ สาเหตุการตายแบบนี้ พูดยังไงฉันก็ไม่เชื่อเด็ดขาด”
สาเหตุการตายคงไม่ได้โกหก แต่ประเด็นก็คืออะไรกันแน่ที่ทำให้ตกใจเกินขนาดจนทำให้เสียชีวิต… เจี่ยงไป๋เหมียนขบคิดแล้วถามออกมา
“มิสเตอร์เฮลเว็กเป็นโรคหัวใจหรือเปล่า”
“เปล่า เขาสุขภาพแข็งแรงมาก ไม่ว่าจะวิ่ง กระโดด หรือต่อสู้ ก็ทำได้ไม่เลวทั้งนั้น” เทเรซ่ายืนยันหนักแน่น
ซางเจี้ยนเย่ายกมือขึ้น แล้วถามด้วยความสงสัยโดยไม่ได้รอให้เจี่ยงไป๋เหมียนอนุญาตก่อน
“คุณพูดแค่ว่าเขาวิ่ง กระโดด และต่อสู้ ถ้างั้นด้านอื่นๆ ล่ะ”
เทเรซ่าสั่นศีรษะ
“ฉันก็เพียงแค่ยกตัวอย่างง่ายๆ ไม่กี่เรื่องน่ะ
“ขอบอกตามตรง เรื่องบนเตียงเขาทำได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่”
แค่ก… เจี่ยงไป๋เหมียนเกือบจะสำลักน้ำลาย
พูดบ้าอะไรของคุณเนี่ย!
หลงเยว่หงเองก็กระแอมออกมา มีเพียงไป๋เฉินเท่านั้นที่ยังสงบนิ่งเป็นปกติอยู่
เทเรซ่าอธิบายต่อทันที
“เรื่องนี้เป็นปัญหาทั่วไปสำหรับสาวกในนิกายเราทุกคนน่ะ
“พวกเราต้องคอยตื่นตัวระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา แม้แต่ตอนทำกิจกรรมบนเตียงก็ยังต้องคอยแบ่งสมาธิไปคอยระวังสถานการณ์รอบข้างและระวังปฏิกิริยาผิดปกติจากคู่ของเราด้วย
“ดังนั้นเพื่อปกป้องความปลอดภัยของตัวเองให้อยู่ในระดับสูงสุด ทุกคนจึงเห็นพ้องต้องกันว่าให้ย่นเวลาทำกิจกรรมให้สั้นลงที่สุดเท่าที่จะทำได้”
แปะ! แปะ! แปะ!
ครั้งนี้นอกจากซางเจี้ยนเย่าแล้ว แม้แต่เจี่ยงไป๋เหมียนเองก็ยังตบมือด้วย
และเธอก็ยังรู้สึกว่าเพียงแค่การตบมือก็ยังไม่เพียงพอต่อความรู้สึกที่เธอมีต่อเรื่องนี้
เธอไม่คิดไม่ฝันมาก่อนเลยว่า คำว่า ‘ระมัดระวัง’ สองคำนี้จะเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของชาวชุมชนศิลาแดงในเบื้องลึกไปจนถึงขนาดนี้ได้
เหตุผลประการเดียวที่หลงเยว่หงไม่ได้ร่วมตบมือด้วยนั่นก็เป็นเพราะว่าเขากำลังตกตะลึงอยู่
แม้แต่ไป๋เฉินเองก็ยังเกิดความสงสัยขึ้นมาบ้าง
“พวกคุณนอนหลับด้วยกันหรือเปล่า”
“เปล่า” เทเรซ่าตอบตามความสัตย์ “ห่างกันไว้คือสหายที่ดี หากใครอยากทำแบบนั้นก็ต้องนัดล่วงหน้าก่อน”
“แล้วลูกล่ะ” เจี่ยงไป๋เหมียนถาม
“ก่อนหนึ่งขวบยังนอนกับพ่อแม่ได้ แต่หลังจากนั้นก็ต้องแยกกันนอน” เทเรซ่ามมองทุกคนรอบๆ “พวกเราอย่ามัวเสียเวลากับคำถามพวกนี้เลย”
เจี่ยงไป๋เหมียนจึงได้รู้ตัวว่าตนเองมัวแต่หมกมุ่นอยู่กับธรรมเนียมท้องถิ่นจนลืมภารกิจนักล่าไปเสียสนิท
เธอรีบจ้องซางเจี้ยนเย่าทันที
“เมื่อกี้นายจะถามอะไรนะ”
“จะถามว่าเฮลเว็กกลั้นหายใจได้นานหรือเปล่า” ซางเจี้ยนตอบออกมาเต็มปากเต็มคำ
“กลั้นหายใจ… เขาว่ายน้ำเป็น ในระดับปานกลางน่ะ” สีหน้าเทเรซ่าบ่งบอกว่าเข้าใจ “สรุปก็คือร่างกายเขาไม่มีอะไรผิดปกติ แวร์ตูร์ก็บอกว่าไม่เจอปัญหาอะไรเหมือนกัน”
“ผลชันสูตรของแวร์ตูร์เชื่อถือได้แค่ไหน” เจี่ยงไป๋เหมียนปรับสถานะเข้าสู่โหมดมืออาชีพในพริบตา
หากไม่ได้เป็นเพราะความเจ็บป่วยที่แอบแฝงอยู่ในร่างกาย ถ้าอย่างนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงที่การตกใจตายจะเกี่ยวพันกับผู้ตื่นรู้
อย่างน้อยในตอนนี้เจี่ยงไป๋เหมียนก็รู้ว่ามีพลังพิเศษสองอย่างที่ทำให้เสียชีวิตในลักษณะคล้ายๆ เช่นนี้
‘ฝันร้ายที่กลายเป็นจริง’ ของม้าฝันร้าย และการควบคุมหัวใจซึ่งเป็นเขตพลังของตุลากรชะตา
“ถึงแม้ว่าแวร์ตูร์จะเป็นคนนอก แต่เขาก็เป็นชาวแม่น้ำแดง ไม่ได้ลำเอียงเกินไป แต่น่าเสียดายที่ระดับฝีมือค่อนข้างจำกัด เดิมทีนั้นเขาเป็นเพียงแค่หมอธรรมดาเท่านั้นเอง ความเชี่ยวชาญของเขาก็ไม่ได้อยู่ในสายงานด้านนี้” เทเรซ่าพยายามควบคุมน้ำเสียงของตนเองอย่างมากเมื่อต้องพูดในสิ่งที่ขัดแย้งกับความคิดของตนเอง
เจี่ยงไป๋เหมียนพยักหน้าเล็กน้อย ส่วนซางเจี้ยนเย่าก็ถามขึ้นอีก
“ทำไมคุณถึงพูดว่า ‘คนภาษาธุลี’ ล่ะ ทำไมถึงไม่เรียก ‘คนแดนธุลี’
ในภาษาแม่น้ำแดงนั้น คำเรียกแบบแรกจะต้องเพิ่มคำเข้าไปอีก ทำให้ต้องเรียกยาวขึ้น
“เพราะว่าแดนธุลีนั้นเป็นของคนแดนธุลีทุกคน”
เจี่ยงไป๋เหมียนแอบจุ๊ปาก
“ถ้าเรารับภารกิจนี้ แล้วค่าตอบแทนจะคิดยังไง”
“ฉันจะไปที่สมาคมแล้วผนวกภารกิจนี้เข้ากับภารกิจค้นหาอาวุธ โดยค่าตอบแทนก็คืออาวุธจำนวนครึ่งหนึ่งของอาวุธชุดนั้น” เทเรซ่าพูดอย่างไม่ลังเล
ใจกว้างมาก… แบบนี้หลังจากจบภารกิจนี้แล้ว พอรวมกับวัตถุปัจจัยที่เราเก็บออมไว้ก่อนหน้านี้ก็พอจะซื้อชุดเกราะเสริมแรงทางทหารรุ่นเก่าได้ล่ะ… เจี่ยงไป๋เหมียนผงกศีรษะ
“เราจะทำเต็มที่เพื่อให้ภารกิจสำเร็จให้ได้”
แล้วเธอก็ถามต่อ
“คุณรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องการปล้นอาวุธบ้างไหม
“โจรพวกนั้นมันหากินอยู่ละแวกนั้นเป็นประจำอยู่แล้ว หรือว่าจู่ๆ พวกมันก็โผล่ออกมากะทันหัน”
เทเรซ่ารู้สึกไม่พอใจขึ้นมาอีกครั้ง
“ต้องเป็นฝีมือของพวกคนภาษาธุลีแน่! พวกเขาอยากจะยึดเอาธุรกิจค้าอาวุธกลับคืนไป!
“ถ้าไม่ใช่พวกนั้น งั้นทำไมจู่ๆ ถึงมีพวกโจรที่มีพลังยิงแข็งแกร่งแบบนั้นโผล่มาในชุมชนศิลาแดงได้”
หลังจากที่พูดด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวออกไปแล้วเธอก็หอบหายใจสองครั้งก่อนจะพูดต่อ
“ก่อนเฮลเว็กตาย เขาก็ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ฉันฟังมากนักหรอก พูดเพียงแค่ว่าคนพวกนั้นมีพลังยิงที่แข็งแกร่งและประสานงานเข้าขากันได้ดี พวกมันสวมหน้ากากปลอมตัวและแสดงตัวออกมาประมาณสักสิบคน ส่วนที่แอบซ่อนตัวไว้ก็ยังมีอยู่อีกหลายคน
“ถ้าพวกคุณอยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติม ก็กลับไปย่านที่พักของโรงแรมแล้วไปหาคนชื่อเลห์แมนที่ห้อง 127 ได้
“เขาเป็นพ่อค้าของเถื่อนที่มาจาก ‘ยูไนเต็ดอินดัสทรีส์’ เป็นหุ้นส่วนธุรกิจของสามีฉัน อาวุธพวกนี้เป็นของที่ขบวนคาราวานของเขาขนมานั่นแหละ แต่พอค้าขายกันเสร็จก็ถูกปล้นไปทันที”
“ได้” เจี่ยงไป๋เหมียนถามรายละเอียดเพิ่มเติมอีกบางส่วน จากนั้นก็ยืนขึ้น ชี้ไปที่ช่องระบายอากาศที่เฮลเว็กเสียชีวิตแล้วพูดกับซางเจี้ยนเย่า “ปีนขึ้นไปดูหน่อย”
“หานวั่งฮั่วตรวจสอบไปแล้วแต่ก็ไม่เจออะไร” เทเรซ่าลุกขึ้นยืน “ที่จริงอาจจะเจอก็ได้ แต่เขารีบทำลายหลักฐานทิ้ง”
“พวกเราต้องตรวจสอบด้วยตัวเองก่อนถึงจะวางใจได้น่ะ” เจี่ยงไป๋เหมียนยังไม่ยอมแพ้เพราะเหตุนี้
ซางเจี้ยนเย่าดึงโต๊ะเข้ามา ปีนขึ้นไปยืนแล้วถอดตะแกรงช่องระบายอากาศออกมา ใช้ไฟฉายส่องดูรอบหนึ่งก่อนจากนั้นค่อยปีนมุดเข้าไปข้างใน
ข้างในไม่ได้สกปรกมากนัก เห็นได้ชัดว่ามีคนใช้ซ่อนตัวอยู่บ่อยครั้ง ไม่มีร่องรอยอย่างอื่นให้เห็นมากนัก
ซางเจี้ยนเย่าคลานไปตามช่องอากาศครู่หนึ่ง ยิ่งเข้าไปลึกเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกว่าพื้นที่แคบลงขึ้นเท่านั้น
เขาใช้ไฟฉายตรวจสอบอย่างละเอียดอีกรอบ จากนั้นก็ค่อยๆ คลานถอยกลับมาแล้วกระโดดลงบนโต๊ะ
“ไม่มีร่องรอยของคนอื่น”
“อืม” เจี่ยงไป๋เหมียนมองเทเรซ่า “นายอำเภอคนนั้นอยู่หรือเปล่า”
“เขาไปแถวๆ ที่พวกคนภาษาธุลีชอบซ่อนตัวกันอยู่น่ะ บอกว่าถึงยังไงก็ต้องทำตามขั้นตอนที่จำเป็นต้องทำ” เทเรซ่าไม่อาจหาข้อบกพร่องในการทำหน้าที่ของหานวั่งฮั่วได้เลยแม้แต่น้อย
เจี่ยงไป๋เหมียนถอนใจโล่งอก
“งั้นพวกเราก็ไปพบกับมิสเตอร์เลห์แมนก่อนก็แล้วกัน”
“ดีแล้ว รีบไปเถอะ ไม่รู้ว่าเขาจะกลับไปที่ ‘ยูไนเต็ดอินดัสทรีส์’ เมื่อไหร่” เทเรซ่าเอ่ยปากเตือนพวกเขามาหนึ่งประโยค
ในขณะที่คนทั้งสี่ของ ‘ทีมสำรวจเก่า’ กำลังจะจากไป ซางเจี้ยนเย่าก็หันหน้ากลับมา และพูดโดยมีหน้ากากลิงสวมอยู่บนใบหน้า
“คำถามสุดท้าย
“คุณมีลูกหรือเปล่า”
“มี สองคน” เทเรซ่างุนงง “คุณถามเรื่องนี้ทำไม”
“การทำงานของร่างกายเป็นปกติดี” ซางเจี้ยนเย่าประเมินออกมาอย่างจริงจัง
เจี่ยงไป๋เหมียนรู้ว่าหมอนี่เกิดอาการสมองกระตุกอีกแล้ว เธอจึงใช้หัวข้อนี้ถามขึ้นอย่างไม่จริงจังนัก
“เด็กอายุเท่าไหร่แล้วล่ะ”
“คนโตสิบห้า คนเล็กสิบสอง หลังจากนั้นพวกเราก็ตกลงกันว่าจะไม่มีอีก โดยใช้ผลิตภัณฑ์บางอย่างที่ ‘ยูไนเต็ดอินดัสทรีส์’ ผลิตขึ้นมา” เทเรซ่าไม่ได้ปิดบัง
หลังจากบอกลาแม่ม่ายแล้ว เจี่ยงไป๋เหมียนก็พาซางเจี้ยนเย่าและคนอื่นๆ ย้อนกลับไปที่ชั้นห้าเพื่อไปยังลานจอดรถ
แล้วตอนนี้เธอก็หันกลับไปมองชุมชนศิลาแดงอันเงียบสงัดราวกับไร้ผู้คน พลางถอนหายใจเบาๆ
“สำหรับที่นี่แล้ว การยอมรับแนวคิดของนิกายตื่นตัวนี่เป็นเรื่องที่จำเป็นจริงๆ”
“ทำไมล่ะ” ในตอนที่หลงเยว่หงได้ฟังคำอธิบายของเกาดี้ ก็รู้สึกว่าพวกเขาเข้าร่วมกับนิกายตื่นตัวง่ายเกินไป ถึงแม้ว่าหลักคำสอนนั้นจะช่วยให้พวกเขามีโอกาสรอดชีวิตสูงขึ้นก็ตาม
การไม่ได้เป็นสาวกนิกายตื่นตัว ก็ไม่ใช่ว่าจะต้องไม่ระวังตัวและไม่แอบซ่อนตัวเสียหน่อย!
เจี่ยงไป๋เหมียนละสายตากลับมา ยิ้มพลางถอนใจ
“ชุมชนศิลาแดงนั้นเป็นเมืองที่เกิดขึ้นมาจากการแลกเปลี่ยนวัตถุปัจจัยของตระกูลดิมาร์โก้กับโลกภายนอก
“คนในชุมชนของพวกเขามาจากทั่วทุกสารทิศ พูดจาก็คนละภาษากัน ขนบธรรมเนียมก็แตกต่างกัน รูปร่างหน้าตาก็ไม่เหมือนกัน จึงต้องแบ่งออกเป็นกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ด้วยความที่ในตอนนั้นมีการค้าเพียงแค่แหล่งเดียว ก็เลยยิ่งทำให้คนกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยพวกนี้เกิดความสัมพันธ์เชิงแข่งขันกัน จึงมักจะมีเรื่องขัดแย้งกันอยู่บ่อยครั้ง คุณลอบฆ่าฉัน ฉันลอบฆ่าคุณ คุณซุ่มโจมตีฉัน ฉันซุ่มโจมตีคุณ
“ว่ากันโดยทั่วไปแล้ว สิ่งนี้จะค่อยๆ พัฒนาจนกลายเป็นรูปแบบของเมืองหญ้าไพร ทว่าในตอนนี้กลับมีนิกายตื่นตัวยื่นมือเข้ามา คำสอนพวกเขาในสถานที่ซึ่งผู้คนไร้ความเชื่อใจกันโดยสิ้นเชิงเช่นนี้จึงทำให้ราวกับเป็นปลาในน้ำ ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการอยู่รอดของผู้คนให้สูงขึ้น ซ้ำยังทำให้ความไม่เชื่อใจกันกลายเป็นความมีเหตุมีผลมากขึ้น เกิดความศักดิ์สิทธิ์มากขึ้น และอ่อนโยนมากขึ้น นี่จึงทำให้เกิดเสถียรภาพขึ้นในชุมชนศิลาแดง”
“แต่เกาดี้เป็นลูกครึ่งสองสัญชาตินะ” ไป๋เฉินชี้ข้อเท็จจริงให้เห็น
เจี่ยงไป๋เหมียนผงกศีรษะ
“ในความเกลียดชังระหว่างสองชาติพันธุ์ก็อาจจะเกิดความรักขึ้นได้เหมือนกัน รวมถึงกลุ่มที่เป็นกลางด้วย
“เกาดี้คงจะเป็นตัวแทนของกลุ่มที่ใหญ่เป็นอันดับสามในชุมชนศิลาแดง ก็คือกลุ่มผสมผสาน”
ในระหว่างที่พูดคุยกันพวกเขาก็ขึ้นรถ ขับออกจากชุมชนศิลาแดงกลับไปย่านที่พักของโรงแรม
ห้อง 127 นั้นอยู่อีกหัวมุมด้านหนึ่ง ใกล้กับทะเลสาบขนาดเล็กในสวนสาธารณะของโลกเก่า
ด้านนอกของบ้านที่สร้างอย่างเรียบง่ายนี้มีชายฉกรรจ์ซึ่งดูแข็งแกร่งสองคนคอยคุ้มกันอยู่ ทั้งคู่เป็นชาวแม่น้ำแดง สวมชุดดำ มีอาวุธครบมือ หน้าตาไม่ยิ้มไม่แย้ม
ซางเจี้ยนเย่าเดินเข้าไปใกล้แล้ว ‘ก้มมอง’ อีกฝ่าย
“พวกเราเป็นนักล่าซากอารยะ มาหาเลห์แมนเพื่อสืบสวนเรื่องการปล้นอาวุธ”
ในรอบนี้เป็นเขาที่เข้ามา ‘ติดต่อ’ เพราะอาจจำเป็นต้อง ‘สร้างเพื่อน’
ขณะที่เขากำลังถามอยู่นั้น เจี่ยงไป๋เหมียนก็กวาดมองไปโดยรอบและพบว่ามีสายตาจับจ้องมาจากบ้านที่สร้างอย่างเรียบง่ายหลายหลังที่อยู่รายรอบห้อง 127
เลห์แมนมีลูกน้องอยู่เพียบเลยแฮะ… เจี่ยงไป๋เหมียนพึมพำอย่างไร้เสียง ระหว่างนั้นยามก็เคาะประตูห้องแล้วเข้าไปเพื่อรายงาน
รอจนสองสามนาทีต่อมา ยามก็เดินออกมาพูดกับซางเจี้ยนเย่า
“มิสเตอร์เลห์แมนให้มาบอกพวกคุณสองเรื่อง
“หนึ่ง ตอนนั้นพวกเรากลับไปแล้ว ไม่รู้ว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง
“สอง ถ้าหากว่าพวกคุณมีกันเพียงแค่สี่คน รีบยกเลิกภารกิจตั้งแต่เนิ่นๆ แล้วไปหาภารกิจอื่นทำแทนดีกว่า”