CatNovel
  • หน้าหลัก
  • แทงหวย24
  • มังงะ
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • แทงหวย24
  • มังงะ
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

รัตติกาลไม่สิ้นแสง (Embers Ad Infinitum) - ตอนที่ 202 ใช้กลยุทธ์

  1. Home
  2. รัตติกาลไม่สิ้นแสง (Embers Ad Infinitum)
  3. ตอนที่ 202 ใช้กลยุทธ์
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ที่ชั้นบนของอาคารใกล้กับบ้านพักริมทะเลสาบ เจี่ยงไป๋เหมียนยืนมองลงมาที่ทางเข้าลานจอดรถใต้ดิน

“เมื่อกี้ฉันกับซางเจี้ยนเย่าเพิ่งจะสอดแนมดู ข้างในนั้นมีคนอยู่เพียบ แปลว่าวันนี้อันเฮอบัสมาพักที่นี่แน่นอน”

“อย่าเชื่ออย่างไม่ลืมหูลืมตา” ซางเจี้ยนเย่าสบโอกาสพูดประโยคนี้ออกมาจนได้

หลงเยว่หงนั้นตอนแรกอยากจะพูดว่า ‘ใช่ ใช่’ แต่ก็พยายามหักห้ามใจสุดชีวิต

เจี่ยงไป๋เหมียนไม่ได้โกรธขึ้งกับเรื่องนี้ ถือโอกาสสั่งสอนลูกทีม

“ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติฉันก็ไม่กล้าฟันธงหรอก ด้วยลักษณะนิสัยที่ระวังตัวมากของชาวชุมชนศิลาแดงกับเงื่อนไขสภาพของพวกเขา ทำให้เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าอันเฮอบัสอาจจะเรียกลูกน้องบางส่วนไปรวมกันที่ใดที่หนึ่งเพื่อแสร้งทำเป็นว่าตัวเองอยู่ที่นั่น

“แต่ว่าวันนี้มันไม่เหมือนกัน เพราะบัซเปิดโปงแผนการที่เขากับเฮลเว็กร่วมมือกัน ทำให้เขาต้องแบกข้อหาสมคบคิดกับปีศาจภูเขา ทรยศชุมชนศิลาแดง และพวกเราทุกคนต่างก็รู้ว่านี่เป็นความจริง

“ภายใต้สมมติฐานนี้ อันเฮอบัสในฐานะสาวกของ ‘ธชียมโลก’ ย่อมเกิดความรู้สึกไม่ปลอดภัย ต้องตื่นตัวตลอดเพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน

“และด้วยตรรกะนี้ นี่เป็นเวลาที่เขาต้องหาทางแก้ไขด้วยการเสริมการป้องกันรอบตัวให้แน่นหนามากยิ่งขึ้น ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาก็จะได้อาศัยจำนวนคนเพื่อถ่วงเวลา และหาโอกาสหนีออกจากชุมชนศิลาแดง”

ไป๋เฉินเห็นด้วย

“สำหรับคนทั่วไป ยิ่งหวาดกลัวมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งไขว่คว้าความแข็งแกร่งทุกอย่างมาไว้ข้างตัวให้อุ่นใจ”

หลงเยว่หงค่อยๆ เข้าใจมากขึ้น

“ในเวลาแบบนี้ อันเฮอบัสย่อมไม่กล้ากระจายกำลังพลออกไปที่อื่นเพื่ออำพรางตัว นี่ไม่ใช่เป็นเพราะเขาระวังป้องกันพวกเราหรอก แต่เป็นเพราะป้องกันนิกายตื่นตัวต่างหาก และยิ่งมีความเป็นไปได้สูงที่คนข้างกายจะเปิดโปงจุดซ่อนตัวของเขาออกมาตรงๆ ทำให้แผนของเขาพังครืนลงอย่างง่ายดาย

“เมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็ให้ทุกคนมาอยู่รวมกันข้างกายดีกว่า อย่างน้อยก็ยังพอจะบังคับให้คนบางส่วนช่วยถ่วงเวลาให้ได้”

เจี่ยงไป๋เหมียนผงกศีรษะเบาๆ

“ก็ประมาณนั้นแหละ”

ซางเจี้ยนเย่าเสนอความเป็นไปได้อย่างอื่นออกมา

“อันเฮอบัสสามารถจัดการให้ลูกน้องที่เป็นชาวชุมชนศิลาแดงมารวมไว้ที่เดียวกัน จากนั้นตัวเองกับลูกน้องที่เป็นคนอพยพต่างถิ่นก็ไปซ่อนตัวที่อื่น พวกคนต่างถิ่นเหล่านั้นไม่น่าจะเป็นสาวกของ ‘ธชียมโลก’ จึงไม่น่าจะทรยศเขา”

“ถูกต้อง” เจี่ยงไป๋เหมียนพยักหน้าเห็นด้วย “ถ้าหากว่าอันเฮอบัสไม่ได้เป็นชาวชุมชนศิลาแดง ไม่ได้เป็นสาวกของนิกายตื่นตัว เขาก็คงจะเลือกวิธีนี้แหละ แต่ด้วยความระวังตัวของเขา คิดว่าเขาจะวางใจพวกคนต่างถิ่นนั่นหรือไง เขาไม่สามารถ ‘สร้างเพื่อน’ ได้เหมือนนายสักหน่อย แล้วจะให้เขาไว้วางใจโลเปซได้ยังไง”

ไป๋เฉินพูดต่อ

“ฉันเคยเห็นกองกำลังขนาดเล็กมาหลายแห่งที่จำเป็นต้องพึ่งพาพวกทหารรับจ้างอย่างขาดไม่ได้ ซึ่งผลลัพธ์สุดท้ายที่ออกมานั้น ที่ดีที่สุดก็คือเพียงแค่ถูกทหารรับจ้างพวกนั้นปล้นก่อนที่จะได้รับความคุ้มครอง”

อืม… ถ้าหากอันเฮอบัสต้องการหนี เขาก็ต้องเอาวัตถุปัจจัยที่สะสมมาตลอดหลายปีนี้ติดตัวไปด้วย งั้นแบบนี้พวกคนต่างถิ่นก็จับตัวเขาแล้วค่อยเผ่นหนีออกจากชุมชนศิลาแดงไปอยู่ที่อื่นไม่ดีกว่าหรือไง แดนธุลีนั้นกว้างใหญ่ไพศาล ในมือก็มีวัตถุปัจจัยอยู่ตั้งเยอะแยะ มีสถานที่มากมายให้ลงหลักปักฐานได้อยู่แล้ว… หลงเยว่หงใคร่ครวญแล้วก็มั่นใจว่าอันเฮอบัสไม่มีทางเลือกวิธีนี้แน่นอน

“เอาละ” เจี่ยงไป๋เหมียนประสานสองมือ “เราผลัดเวรกันคอยจับตาดูที่จอดรถริมทะเลสาบเอาไว้ คอยสังเกตดูความเปลี่ยนแปลง รอคอยโอกาส”

ขณะที่พูดเธอก็หยิบกล้องส่องทางไกลทางทหารที่วางอยู่ข้างตัวยื่นให้หลงเยว่หง

“นายก่อน”

หลงเยว่หงรับกล้องส่องทางไกลมาด้วยความตื่นเต้นอยู่บ้าง ระหว่างที่เดินไปจับราวซึ่งกรอบหน้าต่างหลุดร่วงลงมาแล้ว เขาก็พูดด้วยความสงสัย

“ทำไมถึงไม่ส่งซางเจี้ยนเย่าไปเคาะประตู แล้วก็ ‘สร้างเพื่อน’ กับอันเฮอบัสตรงๆ เลยล่ะ

“ถึงยังไงอาวุธพวกนั้นก็เป็นเผือกร้อนอยู่แล้ว งั้นก็ปล่อยให้พวกเราเป็นคนจัดการดีกว่า”

เจี่ยงไป๋เหมียนคลี่ยิ้มออกมา

“นี่ก็เพื่อเป็นการไม่ให้พวกนายพึ่งพาพลังพิเศษของซางเจี้ยนเย่ามากเกินไปนะสิ หากว่าเรื่องไหนสามารถจัดการด้วยวิธีตามปกติได้ ก็พยายามใช้วิธีปกติมาจัดการก่อน นี่จะช่วยพัฒนาพวกนายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และนอกจากนั้นนะ พวกนายก็เห็นแล้วว่าในชุมชนศิลาแดงมันวุ่นวายขนาดไหน มีไพ่ลับซ่อนเอาไว้ในมือสักหน่อยดีกว่า”

หัวหน้า… ไม่ต้องเลี่ยงไปใช้คำว่า ‘พวกนาย’ ก็ได้ คุณพูดหมายเลขบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผมออกมาตรงๆ เลยก็ได้… หลงเยว่หงตอบในใจ

ในขณะที่เขากำลังสอดส่องลานจอดรถริมทะเลสาบอยู่ เจี่ยงไป๋เหมียนก็พูดกับซางเจี้ยนเย่าและไป๋เฉิน

“หาที่นั่งพัก เก็บแรงเอาไว้”

หลังจากผลัดเวรกันไปจนครบรอบ ท้องฟ้าก็ค่อยๆ มืดลง ฤดูหนาวนั้นฟ้ามืดเร็วกว่าปกติ

‘ทีมสำรวจเก่า’ เปลี่ยนจากกล้องส่องทางไกลเป็นแว่นมองกลางคืน

ประมาณสี่ทุ่ม ไป๋เฉินที่รับผิดชอบการสอดส่องก็กระซิบขึ้น

“มีความเคลื่อนไหว”

เธอไม่ได้ใช้เสียงดังเพราะรู้ว่าถึงแม้จะไม่ได้ยินแต่หัวหน้าทีมก็สามารถรับรู้สถานการณ์ได้จากการสังเกตปฏิกิริยาของ

ซางเจี้ยนเย่ากับหลงเยว่หง

ดังนั้นเมื่อหลงเยว่หงกับซางเจี้ยนเย่าเดินไปที่หน้าต่าง เจี่ยงไป๋เหมียนก็ตามไปด้วย

ด้วยความช่วยเหลือจากแว่นมองกลางคืนที่ทำให้มองระยะทางไกลได้ พวกเขาก็พบว่ามีรถสองคันกำลังเคลื่อนตัวออกจากที่จอดรถริมทะเลสาบ

คันหนึ่งคือรถเอทีวีสีกากีซึ่งโลเปซเคยใช้ก่อนหน้านี้ ส่วนอีกคันหนึ่งเป็นรถบรรทุกเล็กสีดำแดง

รถทั้งสองคันขับตามกันไปหน้าหนึ่งหลังหนึ่ง วิ่งไปบนถนนที่ยังคงสภาพเดิมอยู่ มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกของซากเมือง

“นี่เป็นการให้พวกคนอพยพต่างถิ่นขนเอาอาวุธพวกนั้นออกไปเพื่อเตรียมบริจาคให้กับยามเมืองอย่างนั้นเหรอ” เจี่ยงไป๋เหมียนครุ่นคิดแล้วคาดเดาออกมา

“จะตามไปหรือเปล่า” หลงเยว่หงรู้สึกใจเต้นขึ้นมา

ถ้าหากว่าตามไปทันก็จะหาอาวุธพวกนั้นเจอ ถ้าหาอาวุธเจอก็มีโอกาสเอาไปแลกกับชุดเกราะเสริมแรงทางทหาร ถ้าแลกชุดเกราะเสริมแรงทางทหารมาได้ก็จะเพิ่มความสามารถในการเอาชีวิตรอดได้สูงขึ้นอีกมาก

เจี่ยงไป๋เหมียนหัวเราะ

“จะตามยังไง

“กว่าพวกเราจะลงไปถึงชั้นล่าง พวกนั้นก็ไปไกลลิบแล้ว อยู่นอกระยะการรับรู้ของฉันไปแล้วล่ะ”

พูดแล้วเธอก็ถอนหายใจ

“น่าเสียดายชะมัด ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่เมืองหญ้าไพรไม่ได้ไปหาสวี่ลี่เหยียนเพื่อแลกโดรนมาด้วย ไม่งั้นเรื่องนี้จะสบายขึ้นอีกเยอะเลย”

ในตอนนั้นพวกเขากำลังเก็บเงินซื้อชุดเกราะเสริมแรงทางทหาร และเพียงแค่โดรนลำเดียวก็ช่วยอะไร ‘ทีมสำรวจเก่า’ ไม่ได้มากนัก เรียกได้ว่าแทบจะไร้ประโยชน์เลยทีเดียว

หลงเยว่หงถามอย่างกังวล

“แล้วจะทำไงดี”

“หาที่ซุ่มโจมตีตอนพวกเขากลับมา” เจี่ยงไป๋เหมียนนั้นคิดแผนเตรียมไว้นานแล้ว

หลงเยว่หงพยักหน้า จากนั้นก็ถามด้วยความสงสัย

“แต่ว่าที่จอดรถริมทะเลสาบ มันมีถนนตั้งหลายเส้นนี่นา”

ไม่มีใครกำหนดว่าคนต่างถิ่นพวกนั้นจะต้องกลับด้วยทางเส้นเดิมเสียหน่อย

เป็นไปได้อย่างยิ่งที่พวกเขาจะระวังตัวแล้วเปลี่ยนไปใช้ทางเส้นอื่น

“นี่ก็ขึ้นอยู่กับว่านายวิ่งได้เร็วแค่ไหน” ซางเจี้ยนเย่าทำท่าทางเหมือนอยากจะวิ่งแข่งกับหลงเยว่หง

หือ… หมายถึงให้เฝ้าดูอยู่บนตึกเพื่อสังเกตว่าพวกคนต่างถิ่นจะใช้เส้นทางไหน จากนั้นก็รีบวิ่งหน้าตั้งไปยังจุดซุ่มโจมตีอย่างนั้นเรอะ… หลงเยว่หงคาดเดาความคิดของซางเจี้ยนเย่า

ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้นเขาถึงจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง

“งั้นทำไมไม่ทิ้งคนหนึ่งไว้บนตึก แล้วให้อีกสามคนที่เหลือไปซุ่มโจมตีล่ะ”

พวกเรามีวิทยุสื่อสารให้ใช้นะ!

เรื่องง่ายๆ แค่นี้ อย่าทำให้มันยากสิ!

“นี่ก็เป็นแผนอย่างหนึ่ง แต่เราก็ยังต้องคำนึงถึงความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะเปลี่ยนเส้นทางไปเรื่อยๆ ด้วย ถ้าเป็นแบบนั้น เราก็ต้องคอยเฝ้าดูไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงที่หมายสุดท้ายนั่นแหละ” เจี่ยงไป๋เหมียนพูดด้วยรอยยิ้ม “แต่ตอนนี้มีวิธีที่ดีกว่านั้น”

โดยไม่ได้รอให้หลงเยว่หงถาม เธอก็พูดออกมาโดยตรงเลย

“พวกเราจะไปซุ่มโจมตีที่ปากทางเข้าลานจอดรถริมทะเลสาบ

“ไม่ว่าพวกนั้นจะเลือกใช้เส้นทางไหน ยังไงก็ต้องเข้าไปในลานจอดรถใต้ดินอยู่ดี”

หลงเยว่หงติดอ่างขึ้นมาทันที

“ตะ… แต่ว่า… ที่ปากทางเข้านั่น มีลูกน้องอันเฮอบัสอยู่เพียบเลยนะ พะ… พวกเรา… มีกันแค่ไม่กี่คนเอง”

นี่มันเป็นฐานทัพของศัตรูเลยนะ!

มีใครที่ไหนเขาไปซุ่มโจมตีกันที่ทางเข้าฐานศัตรูกัน

เจี่ยงไป๋เหมียนหัวเราะร่า

“นี่มันก็ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ที่ใช้ คนบนภูย่อมมีแผนการตนเอง[1]”

* * * * *

หลังจากยืนยันได้ว่ารถเอทีวีและรถบรรทุกเล็กได้กลับมายังบริเวณริมทะเลสาบแล้ว สมาชิก ‘ทีมสำรวจเก่า’ ก็ทำตามคำสั่งเจี่ยงไป๋เหมียน พวกเขาลงมาจากอาคารสูง ลอบเข้าไปในอาคารหลังเตี้ยที่อยู่ไม่ไกลจากที่จอดรถใต้ดินมากนัก

ถึงแม้ว่าตัวอาคารจะไม่ได้รับความเสียหายจากสงคราม แต่ก็เห็นได้ชัดว่าไม่ได้รับการดูแลรักษาหลังจากนั้น ผนังมีรอยด่างดำ เศษกระจกแตกเกลื่อนไปทั่วทุกแห่ง

“จำหน้าที่ของตัวเองกันได้ใช่ไหม” เจี่ยงไป๋เหมียนถามซ้ำอีกครั้ง

แน่นอนว่าตอนที่ถามนั้นเธอมองหลงเยว่หงอยู่

“จำได้ครับ” หลงเยว่หงซึ่งถือปืนบาซูก้า ‘มัจจุราช’ ตอบรับด้วยเสียงที่ถูกกดให้เบา

เขาพอจะเข้าใจแผนของหัวหน้าทีมได้อย่างคร่าวๆ แล้วว่าคืออะไร รู้สึกว่าน่าทึ่งมาก แถมยังน่าเหลือเชื่ออีกด้วย หลังจากที่ครุ่นคิดอย่างละเอียดแล้วก็พบว่ามันสอดคล้องกับสภาพการณ์ความเป็นจริงของชุมชนศิลาแดงและพวกอันเฮอบัสมาก หากเป็นที่อื่นก็คงได้ผลไม่ถึงครึ่ง ทว่าสำหรับที่นี่แล้วมันมีประสิทธิภาพเป็นอย่างยิ่ง

เจี่ยงไป๋เหมียนมองดูทุกคนรอบๆ

“เอาละ เข้าประจำที่ได้”

เมื่อทุกคนเข้าประจำตำแหน่งของตนเองที่กำหนดเอาไว้แล้ว เวลาก็ราวกับผ่านไปอย่างเชื่องช้า เมฆบนฟ้าค่อยๆ เคลื่อนตัวไปทีละน้อย ทำให้ผืนดินมืดบ้างสว่างบ้าง

โลเปซบนรถเอทีวีสีกากีถือวิทยุสื่อสาร สั่งการให้รถบรรทุกเล็กด้านหลังเปลี่ยนเส้นทาง

นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่เขาเปลี่ยนเส้นทาง นั่นก็เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกซุ่มโจมตี

ถึงแม้ว่าเขาจะสูงล่ำกล้ามใหญ่เหมือนเป็นคนเถื่อนที่ใช้กล้ามเนื้อมากกว่าสมอง แต่นั่นก็เป็นเพียงรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น จากการฝึกฝนอย่างเป็นทางการและใช้ชีวิตอย่างผู้อพยพมาเนิ่นนานหลายปีทำให้เขาสั่งสมประสบการณ์มากเพียงพอจะรู้ว่าเวลา

ไหนต้องจัดการเรื่องราวอย่างไร

รถเคลื่อนต่อมาอีกไม่กี่นาที พื้นที่ริบทะเลสาบก็ปรากฏต่อสายตา

เมื่อได้เห็นที่จอดรถใต้ดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ โลเปซก็เก็บวิทยุสื่อสารลงไป เอนตัวพิงพนักของที่นั่งข้างคนขับแล้วถอนใจโล่งอก

กลับมาถึงที่นี่ก็ถือว่าปลอดภัยแล้วล่ะ

ที่นี่มีคนซุ่มตัวเพื่อคอยป้องกันอยู่ไม่น้อย ในลานจอดรถใต้ดินก็ยังมีลูกน้องที่พกอาวุธครบมือ และมีจำนวนคนที่น่าตระหนกยิ่งกว่าอีก

บนชั้นสามของอาคารซึ่งไม่สูงนักทางด้านซ้ายของรถที่แล่นมา ไป๋เฉินซึ่งสวมแว่นมองกลางคืน ถือปืนไรเฟิล ‘เจ้าส้ม’ เล็งไปยังรถบรรทุกเล็กสีดำแดง

พอคำนวณระยะทางเสร็จเธอก็เหนี่ยวไกยิง

เสียงดังปัง กระสุนพุ่งเข้าไปเจาะล้อหน้าฝั่งซ้ายของรถบรรทุกเล็กอย่างแม่นยำ

ยางล้อรถระเบิดออกแล้วแฟบลงทันที รถบรรทุกเล็กที่แต่เดิมนั้นแล่นมาอย่างปกติก็พลันส่ายไปมา ทำให้คนขับต้องหมุนพวงมาลัยเพื่อช่วยบังคับทิศทาง

เสียงเอี๊ยดดังขึ้น รถบรรทุกเล็กก็หยุดลง

โลเปซที่อยู่ในรถเอทีวีสีกากีคันหน้าแสดงสีหน้าตกใจระคนโกรธเกรี้ยว รีบคว้าปืนกลเบาขึ้นมา

เวรยามที่ซ่อนตัวอยู่ในที่จอดรถริมทะเลสาบเองก็มีปฏิกิริยาตอบสนองขึ้นมาเช่นกัน

แล้วในตอนนี้เอง ทางด้านขวาของอาคารหลังเตี้ยก็มีเสียงดังราวกับไม่ใช่เสียงมนุษย์ดังขึ้น

“ผมคือผู้แจ้งเตือนของโบสถ์ มาที่นี่เพราะเรื่องที่อันเฮอบัสสมคบคิดกับปีศาจภูเขา!

“ตอนนี้เราสืบสวนแล้วพบว่าอันเฮอบัสถูกพวกคนอพยพต่างถิ่นพวกนั้นหลอกลวง ถึงได้กระทำเรื่องเช่นนี้ หลักฐานทั้งหมดอยู่ในรถบรรทุกคันนั้น!

“ขอให้ชาวชุมชนศิลาแดงทุกคนอย่าขัดขืน รอฟังคำสั่ง!”

นับตั้งแต่ที่โลเปซกลับมาจากโบสถ์เมื่อตอนเที่ยงวัน คำกล่าวหาของบัซก็ค่อยๆ แพร่กระจายไปในหมู่ชาวชุมชนศิลาแดงลูกน้องอันเฮอบัส พวกเขาไม่ได้เชื่ออย่างไม่ลืมหูลืมตา ทว่าก็ไม่ได้ไม่เชื่ออย่างไม่ลืมหูลืมตาเช่นกัน

และในช่วงเวลานี้ เมื่อได้ยินเนื้อหาจากลำโพงที่พูดซ้ำไปซ้ำมาจึงทำให้พวกเขาเริ่มลังเล

ในฐานะผู้ศรัทธาของ ‘ธชียมโลก’ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเชื่อฟังโบสถ์ และยิ่งเชื่อฟังมุขนายกกับผู้แจ้งเตือนมากขึ้นไปอีก นอกจากนั้นที่กำลังลงมืออยู่ในตอนนี้ก็คือพวกคนอพยพต่างถิ่น ไม่ใช่พวกเขาเสียหน่อย

โลเปซที่อยู่ในรถเอทีวีสีกากีเองก็ได้ยิน ‘การออกอากาศ’ นี้เช่นกัน ในหัวสมองพลันเกิดเสียงหึ่งขึ้นมา

เขาสงสัยว่าอันเฮอบัสขายพวกเขาทิ้งเสียแล้ว ต้องการใช้พวกเขาเป็นแพะรับบาป!

โลเปซรีบเปิดประตูก้าวลงจากรถอย่างไม่ลังเล ถือปืนกลเบา ทำมือส่งสัญญาณให้ผู้อพยพต่างถิ่นคนอื่นพุ่งเข้าไปยังตำแหน่งของลำโพงนั่นทันที

สำหรับพวกเขา ตอนนี้มีเพียงสองทางให้เลือกเท่านั้น

ทางแรก สลายกลุ่มคนซุ่มโจมตีนั่นให้ได้ แล้วระบุว่าพวกเขาเป็นคนภาษาธุลีที่แอบอ้างว่าเป็นกองทัพของนิกายเพื่อเป็นการถ่วงเวลาไว้ก่อน ถึงแม้จะไม่ได้แอบอ้างก็ตาม!

ทางที่สอง ฝ่าวงล้อมแล้วเผ่นหนีไปให้ไกล

ในช่วงเวลาฉุกละหุกแบบนี้ เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามไม่ได้บอกชื่อของผู้แจ้งเตือน ทำให้สัญชาตญาณของโลเปซรู้สึกว่าพวกนั้นต้องเป็นของปลอม ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจเลือกทางเลือกแรก

[1] คนบนภูย่อมมีแผนการตนเอง (山人自有妙计) เป็นประโยคที่จูเก๋อเลี่ยง (ขงเบ้ง) ในสมัยสามก๊กมักพูดอยู่บ่อยครั้ง คำว่า ‘คนบนภู’ หมายถึงยอดคนซึ่งเร้นกาย ไม่ได้แสวงหาลาภยศชื่อเสียง

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "ตอนที่ 202 ใช้กลยุทธ์"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์