รัตติกาลไม่สิ้นแสง (Embers Ad Infinitum) - ตอนที่ 211 หมัดชุด
ท่ามกลางเสียงปืนใหญ่ยิงถล่มไม่หยุด เสียงดนตรีประกอบที่หลักๆ เป็นเสียงขลุ่ยซอนา ดังก้องไปทั่วลานจอดรถด้านหลังอาคารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ขณะนี้รถหุ้มเกราะหนักซึ่งอยู่ในการควบคุมของมนุษย์มัจฉาร่างสูงใหญ่วิ่งเข้าใส่ซางเจี้ยนเย่าที่ซ่อนตัวอยู่ด้านหลัง
กองคอนกรีต
เมื่อซางเจี้ยนเย่าเห็นเข้าก็รีบใช้ทั้งมือเท้าปีนตะกายขึ้นไปบนกองเศษคอนกรีตอย่างรวดเร็วแล้วกระโดดไปอีกฝั่งหนึ่ง
โครม!
รถหุ้มเกราะหนักกระแทกเข้ากับกองคอนกรีต เกิดความสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงจนเศษคอนกรีตปลิวว่อน
การชนนี้เกือบจะทำให้มนุษย์มัจฉาร่างสูงใหญ่สวมมงกุฎกิ่งไม้สานลอยจากที่นั่งคนขับพุ่งกระแทกกระจกหน้ารถกระเด็น
ออกไปข้างนอก
แต่ยังดีที่พฤติกรรมไร้เหตุผลของเขายังไม่ถึงกับรุนแรงมาก จึงทำให้เขายังจำได้ว่าต้องคาดเข็มขัดนิรภัยเอาไว้ด้วย
ในขณะที่หน้าอกของเขาซึ่งมีถุงลมนิรภัยดันไว้จนทำให้รู้สึกแน่นหน้าอกหายใจไม่ค่อยสะดวก มนุษย์มัจฉาร่างสูงใหญ่ผิดปกติก็พลันรู้สึกตัวขึ้นมา
ทำไมเราถึงทำแบบนี้ล่ะ
นี่มันเป็นการเอาความปลอดภัยของตัวเองไปแลกกับชีวิตศัตรูเพียงแค่คนเดียวไม่ใช่หรือไง
นี่เราถูกอิทธิพลของพลังพิเศษงั้นเหรอ
เขาเป็นผู้ตื่นรู้เหรอ
ในระหว่างที่ความคิดกำลังวิ่งไม่หยุด มนุษย์มัจฉาร่างสูงใหญ่สวมมงกุฎกิ่งไม้สานก็ขยับรถอีกครั้ง ต้องการจะกลับรถแล้วขับจากไป
รถที่เขาขับอยู่นั้นแข็งแกร่งหนาเทอะทะมาก การชนเมื่อครู่นี้ไม่ได้ทำให้เกิดความเสียหายแม้แต่น้อย เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มขึ้นอย่างที่ควรจะเป็น
แล้วในตอนนี้เอง มนุษย์มัจฉาร่างสูงใหญ่ผิดปกติก็เห็นเงาดำร่อนลงบนฝากระโปรงหน้ารถ ทำให้ตัวถังสั่นสะเทือนเล็กน้อย
ในสายตาของเขาพลันปรากฏภาพของหน้ากากขนดกปากยื่น ท่าทางดูคึกคักมีชีวิตชีวา
ซางเจี้ยนเย่าวิ่งย้อนกลับมาแล้วกระโดดขึ้นมาบนกระโปรงหน้ารถ!
ในระหว่างนั้นเขาก็เก็บปืนพกทั้งสองกระบอกกลับไปเหน็บไว้ที่เข็มขัด
จากนั้นก็ปลดระเบิดมือทั้งหมดที่มีอยู่จากเข็มขัด วางกองไว้ที่กระจกหน้ารถ
รถคันนี้ไม่ใช่รถหุ้มเกราะอย่างสมบูรณ์แบบ แต่เป็นรถเครื่องยนต์แรงม้าสูงดัดแปลงติดตั้งเกราะและกระจกกันกระสุน ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ กระจกกันกระสุนอาจจะไม่สามารถป้องกันการระเบิดของระเบิดหลายลูกพร้อมกันได้
แน่นอนว่าซางเจี้ยนเย่าเองก็ไม่ได้มั่นใจว่าระเบิดนี้จะสามารถทำลายกระจกหน้ารถให้แตกได้หรือไม่ จุดประสงค์หลักของเขาก็คือต้องการทำให้อีกฝ่ายตกใจเท่านั้น
เขาไม่มั่นใจว่าระเบิดจะสามารถทำลายกระจกหน้ารถได้หรือไม่ มนุษย์มัจฉาร่างสูงใหญ่สวมมงกุฎกิ่งไม้สานเองก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่ากระจกหน้ารถจะสามารถทนทานแรงระเบิดได้หรือไม่!
ในการทดสอบประสิทธิภาพย่อมไม่มีใครทำการทดสอบอย่างดุเดือดรุนแรงขนาดนั้น
ต่อให้คนที่ดัดแปลงรถจะตบหน้าอกรับประกันก็เถอะ แต่ภายใต้สถานการณ์แบบนี้คงไม่มีใครกล้าเชื่อเขาเต็มร้อยหรอก
เมื่อเห็นลูกน้อยหน่าเหล็กสีเขียวแก่กลิ้งตัวไปมาอย่างเชื่องช้าด้านหน้ากระจกรถ มนุษย์มัจฉาร่างสูงใหญ่สวมมงกุฎกิ่งไม้สานถึงกับกลั้นหายใจไม่กล้าระบายออก แทบจะลืมการคงสภาพของ ‘หายใจไม่ออก’ ไปสนิท
วินาทีถัดมา ในจังหวะที่รถกำลังถอยไปด้านหลัง ซางเจี้ยนเย่าก็คลี่ยิ้ม
น่าเสียดาย เป็นเพราะสวมหน้ากากอยู่ มนุษย์มัจฉาจึงไม่อาจเห็น
ในเวลาเดียวกันนั้น ซางเจี้ยนเย่าก็ดึงสลักนิรภัยของระเบิดออก
จากนั้นก็วางลูกระเบิดลงแล้วโบกมือให้กับมนุษย์มัจฉาสวมมงกุฎกิ่งไม้สานที่อยู่ด้านหลังกระจกหน้ารถ เสร็จแล้วก็กระโดดลงมาพุ่งม้วนตัวเข้าไปหลบที่ด้านหลังบังเกอร์อีกแห่ง
ในตอนที่ซางเจี้ยนเย่าดึงสลักนิรภัยของระเบิดออกนั้น มนุษย์มัจฉาร่างสูงใหญ่สวมมงกุฎกิ่งไม้สานก็รีบเปิดประตูรถอย่างตระหนก ทว่ามือของเขาไม่สามารถกระทำสิ่งนี้ได้
‘พันธนาการมือ’ !
ช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานนี้ เขากลับไม่ได้ถูกยับยั้งอีกต่อไป ประตูที่นั่งฝั่งคนขับก็ค่อยๆ เปิดออกเอง
ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นคู่หนึ่งเปิดประตูรถให้กับมนุษย์มัจฉาร่างสูงใหญ่สวมมงกุฎกิ่งไม้สานผู้นี้
เขารีบพุ่งออกไปทันที กลิ้งม้วนตัวไปด้านหลังของเนินคอนกรีตที่พังลงมาครึ่งหนึ่ง
ตูม! ตูม!
เสียงระเบิดดังต่อเนื่องเป็นชุดแต่ไล่เลี่ยกันมากจนเสียงระเบิดแทบจะกลายเป็นเสียงเดียวที่ดังยาวนานไม่หยุด
เปลวเพลิงทะยานขึ้นสู่ฟ้า กระจกหน้ารถก็แตกออกอย่าง ‘ไร้สุ้มเสียง’
เมื่อเสียงระเบิดเบาลงไปเล็กน้อย เสียงดนตรีโหมโรงคณะมีดสั้นก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
ซางเจี้ยนเย่าราวกับได้รับการเสริมพลังจากดนตรี เขาสับแขนพุ่งออกจากที่ซ่อนตัว ตรงไปที่มนุษย์มัจฉาที่สวมมงกุฎกิ่งไม้สาน
อิทธิพลจาก ‘หายใจไม่ออก’ หายไปแล้ว
ตึก! ตึก! ตึก!
ซางเจี้ยนเย่าเหมือนกำลังวิ่งแข่งอยู่ เป้าหมายก็อยู่ห่างไปอีกไม่ไกลนัก
ทันใดนั้นหัวใจเขาก็เต้นรัวประหนึ่งรถที่เหยียบคันเร่งจนมิดและเบรคก็เสียหายใช้การไม่ได้
ด้วยเสียงหัวใจเต้นตึกตัก การวิ่งของเขาชะลอลง หลังก้มลงเล็กน้อยเหมือนกับว่าพยายามที่จะบรรเทาอาการแน่นหน้าอก หายใจลำบาก วิงเวียนศีรษะหน้ามืดตาลายให้ลดลงไป
กองเศษคอนกรีตกระเด็นออกมา มนุษย์มัจฉาร่างสูงใหญ่สวมมงกุฎกิ่งไม้สานลุกยืนขึ้น
เสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้มที่เขาสวมอยู่นั้นขาดรุ่งริ่ง เกล็ดสีเทาแก่คลุกฝุ่นมอมแมม
ในขณะนี้เขายกเลิกการ ‘หายใจไม่ออก’ เปลี่ยนไปใช้ ‘เร่งจังหวะหัวใจ’ เพื่อจัดการกับซางเจี้ยนเย่า
เมื่อเผชิญหน้ากับผู้ตื่นรู้ในระยะใกล้ เขาไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย ต้องการแก้ปัญหาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
* * * * *
แนวป้องกันของชุมชนศิลาแดงที่อายซูเปอร์มาเก็ตกับห้างสรรพสินค้าซิกซ์เดย์ได้มาถึงจุดวิกฤติแล้ว หลายจุดนั้นถูกปีศาจภูเขาบุกฝ่าเข้ามาต่อสู้กันในระยะประชิด
หลงเยว่หงที่สมองมึนงงเพราะขาดออกซิเจนพลันกระจ่างโล่งขึ้นทันที
เขารีบสูดอากาศที่ยามปกติแล้วไม่เคยรู้สึกถึงความงดงามเช่นนี้มาก่อน
ถึงแม้จะผสมผสานคลุกเคล้ากลิ่นดินปืน แต่ก็ทำให้ผู้คนเคลิบเคลิ้มเบิกบานใจได้
หลังจากสูดหายใจลึกไปเฮือกหนึ่ง หลงเยว่หงก็หยิบปืนยิงระเบิดขึ้นมา กำลังจะหันหลังกลับไปยิง
แต่เขาเพิ่งจะทำขั้นตอนแรกเสร็จก็เห็นปีศาจภูเขาปีนขึ้นมาอยู่บนซากอาคารที่พังถล่มแล้ว ภายใต้แสงจันทร์สามารถมองเห็นผิวหนังสีน้ำเงิน มองเห็นระเบิดมือถูกโยนมา
ระเบิดมือ
เชี่ย! หลงเยว่หงสบถด่าอยู่ในใจ
พร้อมกันนั้นเขาก็รีบยันเท้าอย่างแรงตามสัญชาตญาณ เหินร่างในแนวขวางไปยังผนังห้องอีกฝั่งหนึ่ง
ในระหว่างนี้เขาก็เห็นไป๋เฉินกระโดดพุ่งกลิ้งม้วนตัวเช่นกัน จากนั้นก็เข้าไปยังบังเกอร์จุดที่สองที่เตรียมไว้
พลั่ก!
หลงเยว่หงลงสู่พื้น โยนปืนยิงลูกระเบิดทิ้ง รีบคลานอ้อมผนังแล้วหลบอยู่หลังกระสอบทราย
ตูม! ตูม! ตูม!
คลื่นอากาศรุนแรงที่เกิดจากแรงระเบิดกวาดผ่านแนวป้องกันเดิม ผนังทั้งสองฝั่งทนไม่ไหว ค่อยๆ พังทลายลงมา ยามเมืองชุมชนศิลาแดงหลายคนที่ตอบสนองไม่เร็วพอถูกฉีกกระชากเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เลือดสาดกระจายไปทั่ว สิ้นชีวิตในสภาพซากศพไม่สมบูรณ์
ต่อจากนั้นในทันที ปีศาจภูเขาเจ็ดแปดตัวที่ใช้ปืนกลมือและปืนไรเฟิลจู่โจมก็กระโดดเข้ามาทางช่องหน้าต่างที่พังไปครึ่งหนึ่ง เข้ามาสู่แนวป้องกันแรก
พวกเขากราดยิงไปรอบๆ อย่างไม่ลังเล
ท่ามกลางเสียงดังปังๆๆ ยามเมืองหลายคนที่พยายามยิงตอบโต้ก็ถูกห่ากระสุนพุ่งเข้าใส่จนทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยรูพรุน แขนขากระจัดกระจาย
เพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก็เหลือเพียงแค่หลงเยว่หง ไป๋เฉิน หานวั่งฮั่ว และอีกไม่กี่คน
พวกเขายังคงใจเย็น ไม่รีบร้อนโผล่หัวตัวเองออกมารับลูกกระสุนถึงแม้ว่าศัตรูกำลังเดินใกล้เข้ามาทุกขณะ
ในเวลาอันสั้นการกราดยิงหลังจากนั้นก็ลดลงไปพอสมควร ไป๋เฉินวางปืนไรเฟิล ‘เจ้าส้ม’ ลง ถอดเสื้อนอกออกวางลงข้างตัว
จากนั้นเธอก็โยนเสื้อคลุมออกไปทันทีแล้วกระโดดพุ่งจากด้านข้างของบังเกอร์
ปัง! ปัง! ปัง!
เสื้อคลุมของเธอมีรูอยู่เต็มไปหมด
ในขณะที่ลอยอยู่กลางอากาศ ไป๋เฉินซึ่งชัก ‘มอสน้ำแข็ง’ กับ ‘ยูไนเต็ด 202’ ออกมาแล้ว กระหน่ำยิงปีศาจภูเขาเจ็ดแปดตัวที่ยืนกระจายอยู่ทั่วห้อง
ปัง! ปัง! ปัง!
ทุกนัดของเธอนั้นเข้าเป้าหมายทั้งหมด แต่บางนัดก็เข้าจุดอันตราย บางนัดยิงถูกแขนขา
เมื่อหลงเยว่หงได้ยินเสียงกรีดร้องของปีศาจภูเขา หัวใจเขาก็เต้นรัว รีบดีดตัวขึ้นมานั่งชันเข่าข้างหนึ่ง ยกปืนไรเฟิลจู่โจม ‘นักรบคลั่ง’ ขึ้นมาโดยไม่ลังเล
เขายิงข้ามกระสอบทรายไปยังบริเวณที่มีปีศาจภูเขายืนอยู่หลายคน
นี่ไม่จำเป็นต้องใช้ความแม่นยำ โดยหลักก็คือยิงคุ้มกันเพื่อให้ไป๋เฉินมีเวลามากพอจะซ่อนตัวหลังจากยิงออกไป
นี่เป็นหนึ่งในการฝึกซ้อมของ ‘ทีมสำรวจเก่า’ ซึ่งถึงแม้ว่าหลงเยว่หงจะไม่เคยใช้ในการต่อสู้จริงมาก่อน แต่เขาก็ได้ผ่านประสบการณ์มาไม่น้อยแล้ว เมื่อเผชิญกับสถานการณ์อันตรายก็ไม่ได้ตระหนกตกใจทำอะไรไม่ถูกอีก ในตอนนี้เขาสามารถสงบใจและกล้าตัดสินใจได้แล้ว
เมื่อเป็นเช่นนี้เขาจึงสามารถปลดปล่อยสิ่งที่เรียนรู้ฝึกฝนมาได้อย่างลื่นไหล และนอกจากนั้นในตอนที่อยู่เมืองหญ้าไพร เขากับไป๋เฉินเองก็ได้ต่อสู้ร่วมกันมาแล้ว สามารถเข้าใจกันได้ในระดับหนึ่งโดยไม่จำเป็นต้องเอ่ยคำ
ระหว่างที่ยิงออกไป หลงเยว่หงก็เห็นหานวั่งฮั่วที่อยู่อีกด้านหนึ่งก็ใช้โอกาสนี้ตอบโต้สวนกลับไปด้วย
ความแม่นของเขานั้นแม่นยำอย่างสุดยอด ยิงไปไม่มีพลาดแม้แต่นัดเดียว
หลังจากที่โต้ตอบรอบนี้ไป ปีศาจภูเขาที่เข้ามาเจ็ดแปดคนก็ร่วงลงไปแล้วครึ่งหนึ่ง ที่ยังเหลืออีกสามก็รีบหาที่กำบังแล้วยิงใส่ไป๋เฉิน หานวั่งฮั่ว และคนอื่นๆ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าในตอนนี้หลงเยว่หงและคนอื่นๆ นั้นอยู่ในจุดได้เปรียบ แต่ว่าปีศาจภูเขาที่อยู่ด้านหลังนั้นยังรุดเข้ามาอย่างต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน!
นอกจากนี้เรื่องที่หลงเยว่หงกังวลที่สุดก็คือการ ‘หายใจไม่ออก’ ที่อาจจะเกิดขึ้นอีก นั่นจะทำให้ทีมป้องกันสูญเสียความแข็งแกร่งในการต่อสู้อย่างรวดเร็วภายในหนึ่งถึงสองนาที
* * * * *
ณ ลานจอดรถด้านหลังอาคารวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
มนุษย์มัจฉาร่างสูงใหญ่สวมมงกุฎกิ่งไม้สานเคลื่อนที่ไปในทิศทางตรงข้ามเพื่อไม่ให้รับผลจากพลังพิเศษผู้ตื่นรู้ของ
ซางเจี้ยนเย่า
ซางเจี้ยนเย่าก็พยายามเต็มที่เพื่อเข้าใกล้ หรือชักปืนออกมายิง แต่เนื่องจากหัวใจนั้นเต้นเร็วขึ้นทุกขณะจึงไม่อาจทำได้สำเร็จ
เขาใกล้ถึงขีดจำกัดเต็มที แต่ความดื้นรั้นที่ฝังจนลึกในกระดูกทำให้ยังคงฝืนก้าวขึ้นหน้าทีละก้าวอย่างไม่หยุด
แล้วในตอนนี้เอง เจี่ยงไป๋เหมียนที่ถูกแปลงดอกไม้บังเอาไว้ก็พลันดีดตัวขึ้นมา มือหนึ่งถือ ‘มอสน้ำแข็ง’ อีกมือหนึ่งถือ ‘ยูไนเต็ด 202’
ปัง! ปัง!
ม่านตาเธอนั้นจับจ้องอยู่ที่มนุษย์มัจฉาที่สวมมงกุฎกิ่งไม้สานอย่างไม่ยอมให้คลาดสายตา มือทั้งสองข้างเหนี่ยวไกพร้อมกัน
เธอนั้นฟื้นขึ้นมานานแล้ว แต่แกล้งทำเป็นหมดสติเพื่อรอคอยโอกาส!
หลังจากเข้าสู่สภาวะกึ่งหมดสติ ชิปเสริมที่อยู่ในแขนเทียมรับรู้ได้ว่าร่างกายเธออยู่ในสภาพผิดปกติ จึงเปิดใช้งานฟังก์ชันฉุกเฉิน ปลดปล่อยกระแสไฟฟ้าที่กักเก็บไว้เพื่อกระตุ้นและปลุกให้ฟื้นคืนสติ
ในขณะที่เจี่ยงไป๋เหมียนเหนี่ยวไก ดวงตาของมนุษย์มัจฉาร่างสูงใหญ่สวมมงกุฎกิ่งไม้สานก็พลันชะงักค้างทันที
ก้อนเศษคอนกรีตรอบตัวลอยขึ้นมาขวางระหว่างตัวเขากับเจี่ยงไป๋เหมียนเอาไว้ เป็นกำแพงที่มีช่องว่างเว้นระยะ
นี่ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นควบคุมเอาไว้
ปัง! ปัง!
กระสุนสองนัดที่เจี่ยงไป๋เหมียนยิงออกมาถูกขวางกั้นด้วยเศษคอนกรีต ไม่อาจทำตามวัตถุประสงค์ได้สำเร็จ
ทว่าการโจมตีของเธอนั้นทำให้ซางเจี้ยนเย่าถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระ จังหวะการเต้นหัวใจของเขาไม่ได้ถี่รัวไม่ยั้งอีกต่อไป นอกจากนั้นด้วยความแข็งแกร่งด้านกายภาพจึงทำให้เขาฟื้นคืนสภาพเป็นปกติได้อย่างรวดเร็ว
ตึก! ตึก! ตึก!
เพียงสาวเท้าไม่กี่ก้าว ซางเจี้ยนเย่าก็วิ่งไปถึงด้านหน้ามนุษย์มัจฉาร่างสูงใหญ่แล้วเหวี่ยงหมัดขวาออกไป
มนุษย์มัจฉาร่างสูงใหญ่เตรียมยกมือขึ้นมาขวางแต่กลับพบว่าไม่อาจทำได้
วินาทีถัดมากำปั้นของซางเจี้ยนเย่าลอดผ่านช่องว่างเศษก้อนคอนกรีต ท่ามกลางเสียงดนตรีอันยิ่งใหญ่น่าครั่นคร้ามของขลุ่ยซัวนากับเครื่องดนตรีหลากหลาย พุ่งกระแทกใบหน้าเขาอย่างหนักหน่วง
เสียงดังผลัวะ ฟันของมนุษย์มัจฉาร่างสูงใหญ่สวมมงกุฎกิ่งไม้สานกระเด็นออกไปหลายซี่ ร่างก็เอนถอยไปในทิศทางที่สอดคล้องกัน
เศษก้อนคอนกรีตที่ลอยอยู่รอบตัวเขาหล่นลงกับพื้นเสียงดังพลั่ก
หมัดซ้ายของซางเจี้ยนเย่าตามมาติดๆ ฝังจมเข้าไปในใบหน้าอีกครึ่งหนึ่งของเขา กระแทกร่างซีกขวาของเขาตรงๆ
จากนั้นซางเจี้ยนเย่าก็ลดมือทั้งสองข้างลง คว้าไหล่ทั้งสองข้างของศัตรูกดลงไป
ในเวลาเดียวกันก็กระทุ้งเข่าสวนขึ้นอย่างแรง
ปึก!
ร่างสูงใหญ่ของมนุษย์มัจฉาแข็งทื่อ แต่ซางเจี้ยนเย่ายังคงไม่หยุด เขายกสองแขนประสานมือแล้วทุบลงที่ต้นคออีกฝ่ายราวกับเป็นไม้กระบอง
พลั่ก!
มนุษย์มัจฉาร่างสูงใหญ่สวมมงกุฎกิ่งไม้สานสิ้นสติไปในทันที