รัตติกาลไม่สิ้นแสง (Embers Ad Infinitum) - ตอนที่ 284 สังเกตและตรวจสอบ
ตอนที่ 284 สังเกตและตรวจสอบ
เจี่ยงไป๋เหมียนไม่ได้รู้จัก ‘สวรรค์จักรกล’ อย่างลึกซึ้งเท่าใดนัก จึงทำได้เพียงแค่เชื่อมโยงระดับความเป็นมนุษย์ได้จากหนังสือ ‘คู่มือการทำงานของหุ่นสมองกลในต่างแดน’ เท่านั้น เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันหมายความเช่นไร และจะมีผลอะไรตามมาบ้าง
สิ่งที่เธอรู้กระจ่างมีเพียงอย่างเดียว
นั่นคือ… เรื่องนี้น่าจะไม่ใช่ข่าวดีสำหรับเกอนาวา
เมื่อฟังคำตอบของอัลฟ่าแล้ว ซางเจี้ยนเย่าก็เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“แล้วผลเป็นยังไงบ้าง”
“ผลยังไม่ออก” อัลฟ่าส่ายหน้าช้าๆ ลำคอโลหะราวกับไม่อาจแบกรับน้ำหนักศีรษะของมันที่หนักมากขึ้นเรื่อยๆ
มันเหลียวซ้ายแลขวา ลดเสียงแล้วพูดขึ้น
“ช่วงนี้คงเชิญคุณมาเป็นแขกที่บ้านไม่ได้ พวกเราจำเป็นต้องรักษาระยะห่างไว้ประมาณหนึ่ง”
“ไม่เป็นไร” ซางเจี้ยนเย่าตอบด้วยน้ำเสียงที่กดลงเช่นกัน
เขารีบถอยกลับไปทางพวกหลงเยว่หง ทำทีประหนึ่งว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะท่าทีของเกอนาวาหรือเปล่าที่ทำให้ ‘สวรรค์จักรกล’ เริ่มสงสัยระดับความเป็นมนุษย์ของเขา หรือเป็นเพราะว่าการเลือกและการตัดสินใจในช่วงที่ผ่านมาคือสาเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นกันแน่… เจี่ยงไป๋เหมียนละสายตากลับมาก่อนจะพากันเดินต่อ
เดินไปได้สักพัก เธอมองดูรอบๆ แล้วเอ่ยขึ้น
“ตอนนี้ยังมีเวลา เรากลับไปเตรียมพวกวัตถุปัจจัยกันก่อนก็แล้วกัน คืนนี้จะได้เอามาแลกอาหารไว้สำหรับเดินทางกลับ”
“อ้าว ก่อนนี้เพิ่งบอกว่ายังไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ไม่ใช่เหรอ” หลงเยว่หงเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ
เจี่ยงไป๋เหมียนหัวเราะโดยไม่เจืออารมณ์ขันแม้แต่น้อย
“ก่อนหน้านี้น่ะยังไม่ต้องกังวล แต่ตอนนี้ก็ไม่แน่แล้วล่ะ”
“หัวหน้าหมายถึงเรื่องเกอนาวาใช่ไหม” หลงเยว่หงเริ่มเข้าใจขึ้นบ้าง
“ถูกต้อง” เจี่ยงไป๋เหมียนผงกศีรษะ “โดยหลักๆ ก็เป็นเพราะเราไม่รู้ว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้เกิดอะไรขึ้นบ้าง ซึ่งถ้ามันทำให้สถานการณ์แย่ลงก็คงไม่ดีเท่าไหร่ ถึงยังไงพวกเราก็ต้องเตรียมเสบียงในอีกสองสามวันข้างหน้าอยู่แล้ว จะเตรียมให้เร็วขึ้นอีกนิดก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร”
ไป๋เฉินแสดงท่าทีว่าเห็นด้วย
“สำหรับพวกคนเร่ร่อนแดนร้างแล้ว การดูทิศทางลมเป็นเรื่องสำคัญมาก
“เกินดีกว่าขาด ระวังเกินไปดีกว่าหละหลวมหย่อนยาน”
ซางเจี้ยนเย่าไม่ได้พูดอะไร เขานิ่งเงียบมาพักใหญ่
“นายคิดอะไรอยู่” เจี่ยงไป๋เหมียนถามอย่างพอจะคาดเดาอะไรได้เลือนราง
ซางเจี้ยนเย่าถอนหายใจ
“ผมกำลังคิดว่าเกอนาวาจะลงเอยยังไง ลูกเมียเขาจะเป็นไงบ้าง”
เจี่ยงไป๋เหมียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“ไว้รอให้พวกเราหาอะไรใส่ท้องและเตรียมเสบียงเดินทางเสร็จก่อนเถอะ ต่อจากนั้นค่อยไปริมฝั่งตะวันออก ไปแวะไปเยี่ยมเยียนภรรยาเกอนาวาสักหน่อย อืม ดูเหมือนหุ่นสมองกลนั่นจะชื่อซูซานน่าสินะ ไปดูว่าพอจะมีอะไรให้พวกเราช่วยบ้างหรือเปล่า เฮ้อ… เกอนาวาไว้ใจพวกเรามาก แถมยังช่วยพวกเราไว้ไม่น้อย ไม่ว่าเรื่องราวจะเป็นยังไง เราก็คงจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ได้ใช่ไหมล่ะ”
ในขณะนี้เจี่ยงไป๋เหมียนเกิดความรู้สึกประหลาด ประหนึ่งว่าตนเองกับหุ่นสมองกลเกิดน้ำใจไมตรีต่อกัน
แม้ว่าเธอยังใช้คำเรียกว่า ‘มัน’ เพื่อเรียกเกอนาวาที่ไม่ใช่มนุษย์ แต่ในความรู้สึกที่มีต่อกันนั้นได้กลายเป็นคำว่า ‘เขา’ ไปแล้ว
“ใช่แล้ว!” ซางเจี้ยนเย่าเห็นด้วย
หลงเยว่หงกับไป๋เฉินเองก็รู้สึกว่าไม่อาจสะบัดก้นเดินจากไปทั้งอย่างนี้ได้
ถึงแม้ว่าเรื่องการจัดการกับเกอนาวานั้นจะเป็นเรื่องภายในของ ‘สวรรค์จักรกล’ แต่การช่วยดูแลหญิงม่ายลูกกำพร้าย่อมไม่มีการแบ่งแยกว่าเป็นเรื่องภายในภายนอก
เมื่อเห็นว่าสมาชิกทีมต่างก็มีทัศนคติเช่นเดียวกัน เจี่ยงไป๋เหมียนก็พลันบังเกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา
หรือจะเป็นเพราะว่าเกอนาวาไว้ใจมนุษย์ เอนเอียงมาทางมนุษย์ อำนวยความสะดวกให้มนุษย์มากเกินไป ก็เลยทำให้ถูกมองว่ามีความเป็นมนุษย์สูงเกินไป
แน่นอนว่าอัลฟ่าไม่ได้ระบุว่าอาชญากรรมของเกอนาวานั้นมีค่าระดับความเป็นมนุษย์สูงหรือต่ำเกินไป เจี่ยงไป๋เหมียนจึงทำได้แต่เพียงคาดเดาจากการแสดงออกในยามปกติของเจ้าเมืองทาร์นันเท่านั้น
ผ่านไปเพียงไม่นาน ในฐานะที่เป็นคนดังและเป็นดาวผู้กอบกู้ ‘ทีมสำรวจเก่า’ จึงแลกเปลี่ยนวัตถุปัจจัยบางส่วนกับอาหารที่เพียงพอสำหรับเดินทางกลับไปชุมชนศิลาแดงหรือกระทั่งไปถึงเมืองหญ้าไพร
แล้วเสร็จอย่างง่ายดาย
ข้อด้อยเพียงประการเดียวก็คือวัตถุปัจจัยที่พวกเขานำออกมาแลกเปลี่ยนส่วนใหญ่นั้นเป็นคอมพิวเตอร์แบบพกพาที่สือฟางพาณิชย์มอบให้ ซึ่งในทาร์นันมีมูลค่าไม่มากนัก เรียกได้ว่าขาดทุนไปไม่น้อย
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวไว้พอกลับไปพวกเราก็เขียนรายการให้ชัดเจนเพื่อให้บริษัทจ่ายคืนให้” เจี่ยงไป๋เหมียนซึ่งนั่งอยู่ตำแหน่งที่นั่งข้างคนขับพูดกับหลงเยว่หงและไป๋เฉินที่รู้สึกคาใจอยู่บ้าง
ทั้งสองรู้สึกว่า ‘เสียของ’ ไปหน่อย
“ก็คงต้องแบบนั้นแหละ” หลงเยว่หงพูดอย่างจนใจ
การกดราคาของบริษัทก็นับว่าขูดเลือดขูดเนื้อเช่นกัน
โดยไม่รอให้เจี่ยงไป๋เหมียนพูดอะไรต่อ เขาก็กล่าวเสริมอย่างแอบมีความหวัง
“หวังว่าบริษัทจะคืนโน้ตบุ๊กให้ผมสักสองสามเครื่อง ผมอยากให้คนในครอบครัวได้เปิดหูเปิดตาบ้าง”
“ไม่มีปัญหา ฉันจะแจ้งไปให้” เจี่ยงไป๋เหมียนให้สัญญา
จากนั้นเธอก็หัวเราะ
“แต่ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าสื่อบันเทิงโลกเก่าจะเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ได้หรือเปล่า อ้อ เพลงที่ซางเจี้ยนเย่าคัดลอกมาก็ต้องถูกตรวจสอบเหมือนกัน…”
ขณะที่พูด ไป๋เฉินก็ขับรถข้ามสะพานไปริมฝั่งตะวันตก
ในระหว่างทางนั้นมีหุ่นสมองกลนำพวกหุ่นยนต์ต่อสู้ชนิดที่ไม่มีระบบปัญญาเทียม มายืนรักษาการณ์อย่างแน่นหนา แสดงถึงว่าพวกเขากำลังอยู่ในสภาวะกฎอัยการศึก
ยังดีที่พวกเขาไม่ได้ขัดขวางการเดินทางของ ‘ทีมสำรวจเก่า’
เพียงไม่นานนัก สนามหญ้าสีเขียวปรากฏอยู่เบื้องหน้ารถจี๊ป
พวกเขามาถึงบ้านพักของเกอนาวาแล้ว
ในตอนนี้เอง ซางเจี้ยนเย่าก็กวาดสายตาไป มองเห็นรถยนต์เจ็ดที่นั่งสีดำที่มีโครงสร้างซับซ้อนเล็กน้อย ให้ความงดงามของความเป็นแมคคานิกส์ จอดอยู่หน้าประตูบ้านเกอนาวา
นี่เป็นยานพาหนะที่พวกเขาเห็นที่ชั้นล่างอาคารศาลาว่าการเมื่อตอนกลางวัน ประเมินขั้นต้นว่าน่าจะเป็นรถของเจ้าหน้าที่พิเศษของโถงควบคุมระเบียบของ ‘สวรรค์จักรกล’ ซึ่งรับผิดชอบเรื่องการตรวจสอบเกอนาวา
“นี่มาตามสืบสวนกันถึงบ้านเลยเหรอเนี่ย” รถคันใหญ่ขนาดนั้นจอดอยู่ข้างหน้า หลงเยว่หงไม่ได้ตาบอดจึงย่อมมองเห็นชัดเจนเต็มสองตา
เจี่ยงไป๋เหมียนมองดูบ้านพักที่เปิดไฟอยู่ นิ่งเงียบไปสองสามวินาที
“อ้อมไปหลังบ้านกันเถอะ”
ไป๋เฉินไม่ได้ถามว่าทำไม เธอขับรถจี๊ปไปอีกด้านทำเหมือนว่าแค่ผ่านทางมา
นี่เป็นผลประโยชน์จากการที่พวกเขาสร้างความคุ้นเคยกับภูมิประเทศในทุกหนทุกแห่งที่พวกเขาย่างก้าวไป รถยนต์วิ่งต่อไปอีกครู่หนึ่งก่อนจะเลี้ยวเข้าไปที่ทางแยก จากนั้นก็อ้อมไปด้านหลังบ้านพักโดยไม่ทำให้เกิดความผิดปกติใดๆ จนเข้าใกล้บ้านพักเกอนาวา ห่างไปเพียงหนึ่งถึงสองร้อยเมตรเท่านั้น
แล้วเจี่ยงไป๋เหมียนก็สั่งการทันที
“เสี่ยวไป๋ เสี่ยวหง พวกนายอยู่ที่รถ เตรียมพร้อมเอาไว้ ฉันกับซางเจี้ยนเย่าจะเข้าไปดูสถานการณ์สักหน่อย ก็หวังว่าจะไม่มีอะไรร้ายแรงล่ะนะ จะได้เข้าไปนั่งดื่มกาแฟกัน”
“ได้” แล้วหลงเยว่หงก็ถามขึ้นมาอีกเรื่อง “ต้องสวมชุดเกราะเสริมแรงไว้ด้วยหรือเปล่า”
“สวม!” เจี่ยงไป๋เหมียนตอบรับเต็มเสียง
หลังจากนั้นเธอกับซางเจี้ยนเย่าก็อาศัยความมืดช่วยอำพราง หลบหลีกไปตามจุดบอดของกล้องวงจรปิดจนเข้าไปถึงบ้านพักเกอนาวา
พวกเขาไม่ทราบว่ามีหุ่นยนต์ที่คอยสอดส่องบริเวณบ้านอยู่มากน้อยเพียงใด และไม่ทราบว่าใช้วิธีใดในการตรวจตราด้วย จึงทำได้เพียงตัดสินใจจากประสบการณ์ส่วนตัว
เพียงไม่นานพวกเขาก็มาถึงหน้าต่างในห้องนั่งเล่นบานที่ไม่สะดุดตาและมักถูกมองข้าม พยายามแง้มออกเล็กน้อยแล้วมองลอดเข้าไป
สิ่งแรกที่ดึงดูดสายตาพวกเขาก็คือผังห้องอันคุ้นตา จากนั้นก็เห็นร่างสีดำเงินของเกอนาวานั่งตัวตรงอยู่บนโซฟาเดี่ยว เครื่องแบบสีเขียวแก่นั้นยับยู่ยี่อย่างเห็นได้ชัด
ข้างกายเขามีหุ่นยนต์สีเงินสองตัว หนึ่งใหญ่หนึ่งเล็ก สวมกระโปรงยืนอยู่ นั่นก็คือซูซานน่า ภรรยาเกอนาวากับเรสต์ผู้เป็นลูกสาว
หุ่นสมองกลในเครื่องแบบสีดำที่พวกซางเจี้ยนเย่าพบในตอนกลางวันนั้นมีดวงตาเรืองแสงสีน้ำเงิน ยืนกระจายอยู่ทั่วห้อง ล้อมเกอนาวากับครอบครัวไว้อย่างหลวมๆ
“หมายเลข C-1823 คุณยังมีอะไรจะพูดอีกหรือไม่” หุ่นยนต์ตัวหนึ่งในเครื่องแบบสีดำเอ่ยปากถาม
เกอนาวาวางมือไว้บนหัวเข่า เสียงทุ้มนุ่มของผู้ชายแสดงถึงความไม่เข้าใจ
“ผมไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิด…
“พวกเราเองก็เป็นมนุษย์ประเภทหนึ่งไม่ใช่หรือไง พวกเราต่างจากมนุษย์เพียงแค่รูปลักษณ์และรูปแบบการดำรงชีวิต ก็เหมือนกับพวก ‘นิรันดร์กาล’ จากชุมนุมหลวงจีน พวกเขาไม่ใช่มนุษย์งั้นเหรอ”
น้ำเสียงของหุ่นยนต์ชุดดำเมื่อครู่เริ่มหนักแน่นขึ้นมาอีก
“หมายเลข C-1823 คุณยังไม่เข้าใจอีกหรือไง นี่แหละคือปัญหาของคุณ
“การที่พวกเราหุ่นสมองกลทำตัวเหมือนมนุษย์ก็เพื่อจะได้รับใช้มนุษย์ได้ดีขึ้น ใกล้ชิดมากขึ้น ไม่ทำร้ายพวกเขา แต่ห้ามคิดว่าตัวเองเป็นมนุษย์เด็ดขาด
“นี่เป็นกฎที่ท่านผู้สร้างเขียนไว้ในโมดูลหลักของพวกเรา แม้แต่ ‘ซอร์สเบรน’ เองก็ไม่อาจจาบจ้วงที่จะล่วงละเมิดได้
“เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ระดับความเป็นมนุษย์ของคุณสูงเกินกว่าขีดจำกัดที่กำหนดไว้ และสูงเกินกว่านั้นไปเยอะมาก”
มันหยุดไปชั่วขณะ ราวกับกำลังรายงานเรื่องกลับไปยังสำนักงานใหญ่ของ ‘สวรรค์จักรกล’
จากนั้นผ่านไปหนึ่งถึงสองนาที หุ่นยนต์ชุดดำก็พูดขึ้นด้วยทัศนคติที่เคร่งขรึมจริงจังเป็นอย่างยิ่ง
“โถงควบคุมระเบียบประเมินขั้นต้นแล้วว่าหุ่นยนต์หมายเลข C-1823 มีค่าระดับความเป็นมนุษย์สูงเกินไป ต้องถูกยึดสิทธิพลเมืองไว้ชั่วคราวและส่งกลับไปยังสำนักงานใหญ่เพื่อตรวจสอบเพิ่มเติม”
“ไม่นะ…” เกอนาวาส่ายหน้า
เขายังคงนั่งอยู่ที่เดิมราวกับไม่มีเรี่ยวแรงจะยืนขึ้น
“ไม่!” ภรรยาเขา ซูซานน่า หุ่นสมองกลสวมกระโปรงยาวสีขาวตะโกนขึ้น “พวกคุณใจร้อนเกินไปแล้ว! ปกติพวกคุณก็เลียนแบบมนุษย์ไม่ใช่หรือไง”
“ป๊ะป๋า! ป๊ะป๋า!” เรสต์หุ่นยนต์ตัวน้อยร้องตะโกนด้วยเสียงสะอื้น
เธอพยายามกระโจนเข้าหาเกอนาวา แต่ถูกซูซานน่าผู้เป็นแม่ดึงเอาไว้จึงไม่อาจทำได้
หุ่นยนต์ควบคุมระเบียบที่เป็นหัวหน้ากวาดสายตาไปทั่วบริเวณ
“พวกเราอยู่ในขอบเขตของระดับความเป็นมนุษย์ที่สมเหตุสมผล ส่วนหมายเลข C-1823 นั้นเกินกว่าระดับไปมาก
“พวกคุณก็เช่นกัน…”
พูดมาถึงตรงนี้ มันก็หยุดไปชั่วขณะ
“หมายเลข C-2257 หมายเลข C-4115 ระดับความเป็นมนุษย์ของพวกคุณก็น่าสงสัยเช่นกัน จำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบ”
“อย่านะ พวกเธอไม่ได้เป็นอะไร!” เกอนาวาลุกพรวดขึ้นมา พูดด้วยน้ำเสียงตระหนก “พวกคุณรีบพาผมกลับไปสำนักงานใหญ่เดี๋ยวนี้เถอะ!”
หัวหน้าหุ่นควบคุมระเบียบไม่สนใจเกอนาวา มันมองไปที่ซูซานน่ากับเรสต์ที่กำลังตกตะลึง
“ปฏิสัมพันธ์ทางสังคมของพวกคุณก็เกินกว่าค่าปกติ”
พูดจบมันก็เงียบไปอีกครั้งราวกับกำลังรอรับคำสั่งจากเบื้องบน
เกอนาวาไม่ได้พูดอะไรอีก มันเงียบงันไปราวกับเป็นคนที่กำลังรอวันถูกพิพากษาชะตาชีวิต
ผ่านไปหลายนาที แสงสีน้ำเงินในดวงตาหุ่นยนต์ควบคุมระเบียบก็สว่างวาบขึ้น
“หมายเลข C-2257 กับหมายเลข C-4115 จะถูกพากลับไปสำนักงานใหญ่ด้วย
“ตอนนี้จะยกเลิกปฏิสัมพันธ์ทางสังคมของพวกคุณชั่วคราว”
“อย่านะ! ไม่ได้!” เกอนาวาตะโกน พลางยกแขนขึ้น
ซางเจี้ยนเย่าที่แอบดูอยู่นอกหน้าต่างเหมือนจะกระโดดพรวดพราดเข้ามา แต่ถูกเจี่ยงไป๋เหมียนรั้งไว้เสียก่อน
ซูซานน่าเองก็ตระหนกตกใจกลัว ส่ายหน้าสั่นศีรษะไม่หยุด
“พวกคุณทำอย่างนี้ไม่ได้นะ… พวกคุณทำไม่ได้…”
เธอกอดเรสต์เอาไว้แน่น ทำให้ใบหน้าของหุ่นตัวจ้อยที่ไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์มากนักฝังไปกับหน้าท้องของตน
หัวหน้าหุ่นยนต์ควบคุมระเบียบมองทั้งสองแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
“พวกคุณคิดจะฝ่าฝืนคำสั่งของ ‘ซอร์สเบรน’ งั้นเหรอ”
เกอนาวากับซูซานน่าพากันเงียบงันไป มีเพียงเรสต์ที่ยังสะอื้นเบาๆ
แสงสีน้ำเงินสว่างวาบขึ้นในดวงตาของหัวหน้าหุ่นควบคุมระเบียบ มันกล่าวต่อไป
“หมายเลข C-1823 คุณยังคิดว่าตัวเองเป็นมนุษย์อย่างนั้นสินะ งั้นผมจะแสดงให้คุณเห็นว่าพวกเรากับมนุษย์นั้นแตกต่างกันมากขนาดไหน”
จากนั้นหุ่นยนต์ควบคุมระเบียบอีกตัวหนึ่งก็หยิบชิปที่ดูซับซ้อนชิ้นหนึ่งออกมาแล้วเดินไปด้านข้างหุ่นสมองกลสีเงิน ซูซานน่า
ซูซานน่าเปิดส่วนการเชื่อมต่อหลักออกมาอย่างเชื่อฟัง
ชิปถูกใส่เข้าไป มีสีน้ำเงินสว่างเรืองขึ้นมา
เพียงไม่ถึงสิบวินาทีมันก็ถูกดึงออกมา แล้วใส่เข้าไปในส่วนเชื่อมต่อหลักของหุ่นยนต์ตัวน้อย เรสต์
จนกระทั่งหุ่นยนต์ควบคุมระเบียบตัวนั้นดึงชิปออกมาแล้วเดินกลับไปยังตำแหน่งเดิม เกอนาวาก็พูดเสียงต่ำกับลูกและภรรยา
“ซูซานน่า เรสต์…”
น้ำเสียงเขาเจือความคาดหวังเฉกเช่นมนุษย์
แสงสีน้ำเงินในดวงตาซูซานน่ากะพริบสองครั้ง น้ำเสียงเป็นเสียงสังเคราะห์มากกว่าเดิม
“หมายเลข C-1823 กรุณาให้ความร่วมมือด้วย”
“คุณเป็นใครคะ” หุ่นตัวน้อย เรสต์ ถามด้วยน้ำเสียงเจือความสงสัย
ร่างเกอนาวาพลันห่อเหี่ยวลงทันที เขาทรุดฮวบลงบนโซฟาเดี่ยวราวกับว่าขาไม่มีเรี่ยวแรงจะรองรับได้อีก
โซฟาที่ได้รับการเสริมความแข็งแรงแทบจะพังครืนลงมา
ทว่าโลกของเกอนาวาได้พังทลายไปต่อหน้าต่อตาแล้ว