รัตติกาลไม่สิ้นแสง (Embers Ad Infinitum) - ตอนที่ 286 “หลักการ”
ตอนที่ 286 “หลักการ”
ภายในบ้านพักของเกอนาวา
หุ่นยนต์ควบคุมระเบียบทั้งสองตัว และเกอนาวากับซูซานน่า ต่างก็เลื่อนสายตาไปมองที่ประตูบ้านโดยพร้อมเพรียงกัน
นั่นเป็นเพราะพวกมันทั้งหมดได้ยินเสียงฝีเท้าเดินใกล้เข้ามา
ไม่นานนักกริ่งประตูก็ดังขึ้น
ติ๊งต่อง! ติ๊งต่อง!
แสงสีน้ำเงินในดวงตาหุ่นยนต์ควบคุมระเบียบทั้งสองตัวสว่างวาบขึ้นมาอย่างฉับพลัน
กระบวนการประมวลผลที่เกี่ยวข้องสแกนภาพแล้วสร้างเป็นเงาร่างมนุษย์ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เห็นภาพอวัยวะร่างกายส่วนต่างๆ เป็นสีแดงที่มีความเข้มในระดับที่แตกต่างกัน โลหะที่กระจายอยู่ตามส่วนต่างๆ ของร่างกายก็ถูกทำเครื่องหมายไว้ด้วย
มนุษย์… ไม่มีอาวุธหนัก… มีเพียงปืนพกสี่กระบอกและลูกกระสุนสำหรับใช้งาน… หุ่นยนต์ควบคุมระเบียบทั้งสองตัวมองหน้ากัน ยืนยันว่าผู้มาเยือนมีระดับความอันตรายต่ำ
หนึ่งในนั้นลุกขึ้นยืน เดินไปเปิดประตูในขณะที่เสียงกริ่งประตูยังคงดังอยู่
นอกประตูก็คือซางเจี้ยนเย่าที่สวมเสื้อขนเป็ดตัวสั้นสีน้ำเงินเข้ม เขาถามขึ้นอย่างมีมารยาท
“สวัสดีครับ เกอนาวาอยู่ไหม”
ว่ากันตามตรงแล้ว ในตอนนี้เกอนาวารู้สึกงุนงงอยู่บ้าง
การประมวลผลของเขาไม่สามารถวิเคราะห์ได้ว่าสถานการณ์ในตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
เดิมทีเขาคิดว่าความช่วยเหลือที่ทีมเฉียนไป๋จะทำก็คือทำลายแหล่งจ่ายไฟ บุกจู่โจมในช่วงโกลาหลเพื่อสร้างโอกาสให้ตนเองหลบหนีหรือทำอะไรในทำนองนั้น แต่ที่ไหนได้ หนึ่งในพวกเขากลับเดินมาเคาะประตูบ้านกันตรงๆ แบบนี้ ทำตัวประหนึ่งว่านี่เป็นการแวะมาเยี่ยมเยือนตามปกติเสียอย่างนั้น
อย่าบอกนะว่าพวกเขาคิดว่าแค่มาพูดอธิบายเหตุผลแล้วทางโถงควบคุมระเบียบจะปล่อยฉันไปเนี่ยนะ… เรื่องนี้ต้องได้รับการอนุมัติจาก ‘ซอร์สเบรน’ เท่านั้น… แต่คนที่มามีแค่คนเดียวเอง… หรือว่าเขาจะเป็นตัวล่อเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ เพื่อให้คนที่เหลือคอยซุ่มรอเตรียมตัวโจมตี… เกอนาวาคำนวณความเป็นไปได้ทั้งหมดอย่างรวดเร็ว และพบคำตอบที่พอจะโน้มน้าวตนเองได้
เขาเตรียมตัวสำหรับเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไป
ในขณะนี้หุ่นยนต์ควบคุมระเบียบที่อยู่หน้าประตู ตอบคำถามซางเจี้ยนเย่าด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“เกอนาวาอยู่บ้าน
“แต่ตอนนี้เขาอยู่ในระหว่างการสอบสวนของโถงควบคุมระเบียบ ไม่อนุญาตให้พบปะคนอื่น”
ซางเจี้ยนเย่ายกคำถามใหม่ขึ้นมาด้วยความสงสัย
“แล้วคนจากโถงควบคุมระเบียบไม่ใช่คนเหรอ”
หุ่นยนต์ควบคุมระเบียบนิ่งเงียบไปสองวินาที
“พวกเราเป็นหุ่นสมองกล”
“แล้วหุ่นสมองกลไม่ใช่คนหรอกเหรอ” ซางเจี้ยนเย่าถามต่ออีก
เมื่อเห็นการกระทำได้ยินคำพูดของเขา เกอนาวาบังเกิดความสงสัยขึ้นมา
นี่คือต้องการจะหาช่องโหว่เชิงตรรกะเพื่อทำให้คนจากโถงควบคุมระเบียบต้องเริ่มต้นระบบใหม่[1]อย่างนั้นเหรอ
ไม่ได้ผลหรอก พวกเราไม่มีทางระบบค้างเพราะสถานการณ์แบบนี้ มีเพียงแค่หุ่นยนต์ผู้ช่วยเท่านั้นที่ระบบเกิดการทำงานล้มเหลวได้… โมดูลหลักของพวกเรานั้นเทียบเท่ากับจิตสำนึกของมนุษย์…
หุ่นยนต์ควบคุมระเบียบที่ประตูตอบคำถามซางเจี้ยนเย่าอีกครั้ง
“หุ่นสมองกลกับคน ไม่เหมือนกัน”
“อ้อ อ้อ” ซางเจี้ยนเย่าแสดงท่าทางว่าเข้าใจ
แล้วในตอนนี้เอง หุ่นยนต์ควบคุมระเบียบที่ประตูก็ส่งสายตาไปนอกบ้านอีกฝั่งหนึ่ง ส่วนหุ่นควบคุมระเบียบที่อยู่ในบ้านก็ผุดลุกขึ้นมายืน
นี่เป็นเพราะว่าภายใต้แสงสว่างจากไฟส่องถนนนั้นมีเงาร่างมนุษย์อีกร่างหนึ่งกำลังมุ่งหน้าเข้ามาใกล้
เธอคือเจี่ยงไป๋เหมียนที่สวมชุดลายพรางสีน้ำเงินเทา มัดผมหางม้าสูง
หลังจากสแกนจนยืนยันได้ว่าผู้มาเยือนอีกคนหนึ่งก็ไม่มีอาวุธหนักหรือวัตถุอันตราย หุ่นยนต์ควบคุมระเบียบที่ประตูบ้านก็พูดกับซางเจี้ยนเย่า
“คุณกลับไปได้แล้ว ไว้ค่อยมาเยี่ยมเยียนใหม่ทีหลัง อย่ารบกวนการทำงานของพวกเรา”
หุ่นยนต์ควบคุมระเบียบตัวที่อยู่ในบ้านทรุดนั่งลงไปเช่นเดิม
ขณะที่ซางเจี้ยนเย่ากำลังลังเล ไม่ได้ตอบอะไรออกมา เจี่ยงไป๋เหมียนก็เดินมาอยู่ข้างเขา แต่ไม่ได้มองเขาแม้แต่น้อย
ทั้งสองคนทำทีประหนึ่งว่าไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
เมื่อเห็นเช่นนี้ เกอนาวาก็รู้สึกสับสนขึ้นมาอีกครั้ง
ทำไมคนที่สองของทีมเฉียนไป๋ถึงได้เดินมาหน้าประตูอย่างเปิดเผยแบบนี้ล่ะ…
แล้วเรื่องที่จะให้คนหนึ่งเป็นเหยื่อล่อเบี่ยงเบนความสนใจเพื่อจะได้เปิดฉากจู่โจมกระทันหันล่ะ…
ในช่วงเวลาสั้นๆ นี้ เกอนาวาไม่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลในปัจจุบันได้ว่าทีมเฉียนไป๋ต้องการจะทำอะไรกันแน่
“สวัสดีค่ะ มิสเตอร์เกอนาวาอยู่บ้านหรือเปล่า” เจี่ยงไป๋เหมียนไม่สนใจซางเจี้ยนเย่า เธอเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
หุ่นยนต์ควบคุมระเบียบที่ประตูนั้นไม่เหมือนมนุษย์ มันจึงไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดรำคาญเพราะเรื่องนี้ ยังคงตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่จริงจังเช่นเดิม
“อยู่ แต่เขาต้องให้ความร่วมมือกับการสอบสวน ไม่สามารถรับแขกได้”
“อย่างนั้นเหรอ…” เจี่ยงไป๋เหมียนพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าใจ
เธอยังพูดไม่ทันขาดคำก็สืบเท้าไปด้านหน้าพร้อมกับยื่นมือซ้ายออกไปคว้าแขนของหุ่นยนต์ควบคุมระเบียบที่ประตู
หุ่นยนต์ควบคุมระเบียบตัวนี้ตอบสนองอย่างว่องไว รีบยื่นมือออกไปเพื่อจับทันที
สำหรับมันแล้วนี่เป็นเพียงเหตุเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยที่สามารถแก้ไขได้อย่างง่ายดาย
มันยังไม่เคยพบเจอมนุษย์ที่สามารถแข่งขันกับหุ่นสมองกลในด้านความแข็งแกร่งและฝีมือได้มาก่อน
และนอกจากนี้ก็คือมนุษย์กลัวความเจ็บปวด แต่หุ่นสมองกลไม่กลัว ดังนั้นพวกมันจึงเป็นราชันแห่งการต่อสู้ประชิดโดยธรรมชาติ
ด้วยเหตุผลเช่นนี้ มันจึงตอบสนองกลับไปด้วยวิธีการเช่นเดียวกัน
วินาทีถัดมา ร่างเจี่ยงไป๋เหมียนก็หมุน ย่อ ก้ม ใช้แขนซ้ายเป็นจุดหมุน ออกแรง ‘ถอน’ หุ่นยนต์ควบคุมระเบียบที่ประตูขึ้นมา
นี่มันเป็นพลังปีศาจอะไรกัน!
เสียงดังโครม เธอจับอีกฝ่ายทุ่มข้ามไหล่ได้สำเร็จ
ในขณะเดียวกันเกอนาวาก็ตัดสินใจตอบสนองโดยไม่ลังเล
เขาพุ่งตรงไปยังหุ่นยนต์ควบคุมระเบียบตัวที่อยู่ในบ้าน
อีกฝ่ายนั้นเพิ่งจะผุดลุกขึ้นยืนเพราะเหตุพลิกผันที่เกิดขึ้นหน้าประตูบ้าน
เพล้ง!
กระจกที่อยู่อีกฝั่งของห้องนั่งเล่นแตกกระจาย หลงเยว่หงในชุดเกราะเสริมแรงทางทหารกระโดดเข้ามา
จากคำสั่งของเจี่ยงไป๋เหมียน เรื่องที่เขาต้องทำ หลักๆ นั้นมีสองเรื่อง
หนึ่งคือยับยั้งซูซานน่า หุ่นสมองกลอีกตัวหนึ่งที่ถูกยกเลิกความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยากับเกอนาวาไปแล้วจนมีท่าทีเฉยเมยเย็นชา ยากแยกแยะได้ว่าจะเป็นมิตรหรือศัตรู
สองคือร่วมมือกับเกอนาวาเพื่อให้เขาสยบหุ่นยนต์ควบคุมระเบียบในห้องให้เร็วที่สุดโดยไม่เกิดความเคลื่อนไหวมากนัก
“ศัตรูโจมตี!” ซูซานน่าร้องด้วยเสียงที่เป็นเสียงสังเคราะห์อย่างชัดเจน
จากนั้นมันก็กางฝ่ามือออกมา เผยให้เห็นช่องยิงลำแสงเลเซอร์
แทบจะในเวลาเดียวกัน ภายใต้กระโปรงสีขาวที่สวมอยู่นั้นก็มีอาวุธปรากฏออกมาให้เห็นทีละอันทีละอันๆ แผงชัตเตอร์ที่เกี่ยวข้องก็เปิดออกเช่นกัน
ระยะเวลาสั้นๆ เพียงแค่วินาทีเดียว ‘แม่บ้าน’ คนนี้ก็กลายสภาพเป็นเครื่องจักรสังหารไปเสียแล้ว
โชคดีที่หลงเยว่หงสวมอุปกรณ์ชุดเกราะเสริมแรงทางทหารเอาไว้ จึงอาศัยระบบเตือนภัยรอบทิศทำให้ตอบสนองได้ทันการ หลบรอดจากการโจมตีของลำแสงเลเซอร์สีแดงไปได้หวุดหวิด
ในตอนนี้หุ่นยนต์ควบคุมระเบียบที่ถูกเจี่ยงไป๋เหมียนทุ่มลงพื้นนั้นไม่ได้ตาพร่าวิงเวียนเฉกเช่นมนุษย์ มันไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดแม้แต่น้อย
แสงสีน้ำเงินในดวงตามันสว่างวาบราวกับกำลังชาร์จพลังงานสะสม
มันยกสองแขนขึ้นมา อาวุธบรรจุกระสุนเต็มพิกัดถูกแสดงให้เห็นโดยไม่มีการออมไว้แม้แต่น้อย
เป้าหมาย : เจี่ยงไป๋เหมียน
แต่แล้วในตอนนี้เองก็พลันมีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นใน ‘ดวงตา’ ของมัน
เป็นใบหน้าที่อยากรู้อยากเห็นของซางเจี้ยนเย่า
เขาทำตัวเป็นเหมือนชาวมุงที่ได้รับใบรับรองมาแล้ว
ไม่มีความมุ่งร้าย… ไม่ทราบความสัมพันธ์กับผู้โจมตี คาดว่าน่าจะไม่รู้จักกัน… ไม่มีอาวุธหนัก… ไม่ได้โจมตีฉันและเพื่อน…
ผลการตัดสินเหล่านี้นำไปสู่บทสรุปอย่างรวดเร็ว หุ่นยนต์ควบคุมระเบียบที่นอนหราอยู่บนพื้นยกเลิกการตอบโต้ในระลอกแรกทันที เพราะผู้ที่ถูกโจมตีจะเป็นซางเจี้ยนเย่า ไม่ใช่เจี่ยงไป๋เหมียน
เจี่ยงไป๋เหมียนรีบฉวยโอกาสนี้นอนลงไปกับพื้นแล้วยื่นแขนไปด้านข้าง ด้วยความแข็งแกร่งผิดมนุษย์ของแขนซ้ายจึงสามารถกระชากแผ่นป้องกันโลหะบนร่างเป้าหมายออกมาได้โดยตรง เผยให้เห็นส่วนเชื่อมต่อหลักที่ด้านหลังของมัน
นิ้วเธอสอดเข้าไปทันที
เสียงดังชี่ ประกายไฟฟ้าสีเงินสว่างวาบบนใบหน้าซางเจี้ยนเย่า
“ไฟฟ้าเกินขนาด… เปิดใช้งานโปรแกรมป้องกัน…” ชุดคำสั่งที่เกี่ยวข้องแสดงขึ้นมาบนโมดูลหลักของหุ่นยนต์ควบคุมระเบียบ
เจี่ยงไป๋เหมียนรีบใช้ประโยชน์จากสถานะการป้องกันไฟเกิน เธอรีบเปิดซ็อกเก็ตที่เกี่ยวข้องโดยใช้การตรวจจับสัญญาณไฟฟ้า แล้วนำแบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูงทั้งสองก้อนออกมา
หุ่นยนต์ควบคุมระเบียบบนพื้นหยุดการเคลื่อนไหวไปอย่างฉับพลัน
ฟู่… เจี่ยงไป๋เหมียนเห็นเช่นนี้ก็อดถอนใจโล่งอกไม่ได้
แผนการโจมตีครั้งนี้ที่เธอวางเอาไว้นั้น หัวใจหลักไม่ใช่แขนเทียมชีวภาพพลังไฟฟ้าที่มีพละกำลังราวกับสัตว์ประหลาดและไม่ใช่ไฟฟ้าแรงสูงด้วย แต่เป็นการแสดงของซางเจี้ยนเย่าต่างหาก
นี่คือคำพูดที่ ‘ซอร์สเบรน’ เคยกล่าวเอาไว้
‘โปรแกรมหลักของผมมีข้อจำกัดอย่างเคร่งครัดเรื่องการจู่โจมมนุษย์ จำเป็นต้องให้เงื่อนไขต่างๆ สอดคล้องกันก่อนถึงจะลงมือได้’
ขนาด ‘ซอร์สเบรน’ เองก็ยังมีข้อจำกัดเช่นนี้ อย่างนั้นหุ่นสมองกลทั้งหลายก็ย่อมไม่มีข้อยกเว้นใช่ไหมล่ะ
และนอกจากนั้นหัวหน้าหุ่นยนต์ควบคุมระเบียบก็พูดไว้ก่อนหน้านี้ว่า
‘การที่พวกเราหุ่นสมองกลทำตัวเหมือนมนุษย์ก็เพื่อจะได้รับใช้มนุษย์ได้ดีขึ้น ใกล้ชิดมากขึ้น ไม่ทำร้ายพวกเขา แต่ห้ามคิดว่าตัวเองเป็นมนุษย์เด็ดขาด
‘นี่เป็นกฎที่ท่านผู้สร้างเขียนไว้ในโมดูลหลักของพวกเรา แม้แต่ ‘ซอร์สเบรน’ เองก็ไม่อาจจาบจ้วงล่วงละเมิดได้’
จากคำพูดเหล่านี้ที่เป็นประจักษ์ยืนยันให้กันและกัน เจี่ยงไป๋เหมียนจึงได้ข้อสรุปบางประการ นั่นคือ…
หุ่นสมองกลจะไม่โจมตีมนุษย์ที่ไม่แสดงท่าทีคุกคามพวกมัน ไม่แสดงท่าทีมุ่งร้าย และไม่ละเมิดกฎข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง!
นี่ควรจะมีลำดับความสำคัญสูงสุดในโปรแกรมหลักของพวกมัน!
ดังนั้นเธอกับซางเจี้ยนเย่าจึงแยกกันมา แสดงท่าทางว่าไม่ได้รู้จักกันมาก่อน
นี่คงไม่อาจหลอกพวกหุ่นสมองกลตัวอื่นในทาร์นันได้ แต่หุ่นยนต์จากโถงควบคุมระเบียบเพิ่งจะมาถึงในวันนี้ จุดหมายหลักก็คือตรวจสอบระดับความเป็นมนุษย์ของเกอนาวา ดังนั้นพวกมันย่อมไม่ทราบสถานการณ์ในทาร์นันโดยกระจ่างชัด
แน่นอนว่าเจี่ยงไป๋เหมียนย่อมไม่กล้ารับประกันว่าจะเป็นเช่นนั้นร้อยเปอร์เซ็นต์ เธอสั่งซางเจี้ยนเย่าให้ทำไปทีละขั้นตอน หากว่าหุ่นควบคุมระเบียบตัวนี้รู้ว่าพวกเขาเป็นพวกเดียวกันก็ให้เปลี่ยนวิธีรับมือ
กล่าวโดยย่อแล้ว วัตถุประสงค์ก็คือใช้ซางเจี้ยนเย่าซึ่งเป็นบุคคลที่สาม เป็นผู้บริสุทธิ์ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องให้คอย ‘ถ่วงแข้งถ่วงขา’ เป้าหมาย ทำหน้าที่เป็นโล่ป้องกัน เพื่อสร้างโอกาสให้เจี่ยงไป๋เหมียนลงมือจัดการกับคู่ต่อสู้นั่นเอง!
หากว่าหุ่นยนต์ควบคุมระเบียบที่นอนแผ่อยู่บนพื้นฟื้นขึ้นมาเป็นปกติเมื่อไหร่ อาจจะด่าเขาว่าเป็น ‘มนุษย์ที่น่ารังเกียจ’ ก็ได้
ส่วนอีกด้านหนึ่งนั้น การต่อสู้ระหว่างเกอนาวากับคู่ต่อสู้ก็เข้ามาถึงช่วงที่เข้าด้ายเข้าเข็มกำลังเข้มข้นเช่นกัน พวกมันต่างก็งัดเอาเทคนิคมวยปล้ำสารพัดรูปแบบออกมา ในขณะเดียวกันก็จู่โจมจุดอ่อนของศัตรูด้วยอาวุธต่างๆ ที่ติดตั้งไว้ด้วย
ท่ามกลางเสียงดังปังๆ เปรี้ยงๆ เสื้อผ้าที่พวกมันสวมใส่อยู่ล้วนฉีกขาด เกิดรอยบุบขึ้นบนผิวโลหะ
ในระหว่างนี้พวกมันหลีกเลี่ยงการใช้อาวุธพลังทำลายสูง เพราะการเผชิญหน้ากับศัตรูระดับนี้ในระยะห่างเพียงแค่นี้ เป็นไปได้ว่าน่าจะเกิดผลตรงกันข้ามเสียมากกว่า
แต่แน่นอนว่าถ้าหากสบโอกาส พวกมันย่อมไม่ปล่อยไปอย่างแน่นอน ทว่าคู่ต่อสู้ของมันเองก็พยายามสุดฤทธิ์เพื่อไม่ให้โอกาสแบบนั้นเกิดขึ้นเช่นกัน
ผ่านไปไม่กี่สิบวินาที เกอนาวาผู้ซึ่งผ่านการต่อสู้มามากกว่าจึงทำให้เก็บรวบรวมข้อมูลไว้ได้มากกว่า เริ่มเป็นฝ่ายได้เปรียบ และด้วยความช่วยเหลือของหลงเยว่หง เขาก็จัดการกับระบบจ่ายพลังงานของศัตรู ทำให้มันล้มลงกับพื้น ไม่อาจยืนขึ้นมาได้อีก
ในตอนนี้ซูซานน่าพบว่าสถานการณ์ไม่ถูกต้อง จึงยิงพลุส่งสัญญาณเพื่อแจ้งให้หุ่นยามจักรกลรับทราบก่อนจะล่าถอยขึ้นไปบนชั้นสอง
ท่ามกลางเสียงดังตึงตัง เกอนาวามองตามเธอไปอย่างเงียบงัน ไม่ได้หยุดยั้งเธอเอาไว้
“ไปกันเถอะ!” เจี่ยงไป๋เหมียนตะโกนออกมาอย่างร้อนรน
[1] เริ่มต้นระบบใหม่ (重启) Reboot เป็นคำศัพท์คอมพิวเตอร์ หมายถึงการสั่งให้ระบบปฏิบัติการเริ่มต้นทำงานใหม่อีกครั้ง โดยล้างข้อมูลในหน่วยความจำที่ผ่านมาทั้งหมดทิ้งไป