ราชันมังกรแห่งสงคราม - ตอนที่ 52
“ลุงเกา มันก็แค่โรลส์รอยซ์ไม่ใช่หรอ!”
ซูเทียนเฉิง กล่าวออกมาด้วยความรังเกียจ
“หุบปาก! แล้วมาขอโทษคุณเจียง!”
เกากัวเฟิงตะโกนอย่างดุดัน ภาพลักษณ์ของผู้ใหญ่ใจดีก่อนหน้านี้หายวับไปกับตา ท่าทีของเขาตอนนี้นั้นจริงจังเคร่งขรึมเป็นอย่างมาก! “ลุงเกา ลุงจะให้ผมขอโทษเขาจริงๆงั้นหรอ”
ซูเทียนเฉิงประหลาดใจ ตอนนี้เขาพลันตระหนักได้แล้วว่าคนๆนี้อาจจะมีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดาและอาจจะไม่ด้อยไปกว่าเขาเลย
แต่การจะให้เขาขอโทษนั้นมันเป็นไปไม่ได้ เขาชำเลืองมองเจียงเป่ยเฉิน และกล่าวอย่างเย็นชา“ได้ ไอ้หนู นายยอดเยี่ย เรื่องในวันนี้ฉันจะจำไว้อย่างดี ระวังอย่าให้ฉันได้เจอแกอีกแล้วกัน!”
ซูเทียนเฉิงกล่าวข่มขู่และเดินกลับไปที่รถทันที จากนั้นเขาก็ขึ้นรถแล้วขับออกไป
ในเวลานี้ บรรดาคนอื่นๆที่มุงดูอยู่นั้นต่างตกตะลึงไปตามๆกัน เขาไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ และเจ้าของรถโรลส์-รอยซ์คันนั้นไม่แม้แต่จะเปิดประตูลงจากรถด้วยซ้ำ กระทั้งตำรวจชุดหลังมาก็ยังไม่สามารถนำเขาลงมาจากรถได้ นี่มันสุดยอดไปเลย! ภูมิหลังของเจ้าของรถคันนั้นต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
“ขอโทษด้วยครับ คุณเจียง เทียนเฉิงเป็นหลานชายของหัวหน้าเก่าของผม เด็กคนนี้มันงี่เง่าเอาแต่ใจมาก คุณอย่าได้ใส่ใจเลยครับ!”
เกากัวเฟิงยิ้มและกล่าวกับเจียงเป่ยเฉิน
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ! เขาทำอะไรไว้ก็ต้องรับผิดชอบด้วยตัวเอง!”
เจียงเป่ยเฉินกล่าวพร้อมกับหยิบโทรศัพท์โทรออก
ชนรถเขาแล้วคิดจะหนีไปง่ายๆงั้นหรอ? โลกนี้มันไม่ง่ายขนาดนั้น!
เกากัวเฟิงพลันส่ายหัวทันที เขาเกรงว่าตอนนี้ตระกูลซูจะเจอปัญหาใหญ่เข้าให้แล้ว
ไม่นานหลังจากที่เจียงเป่ยเฉินโทรศัพท์
สำนักงาน บันดุง กรุ๊ป
ซูไห่เฟิงทำงานของเขาเสร็จแล้วกำลังจะกลับบ้านพักผ่อนทันใดนั้นผู้ช่วยของเขาก็วิ่งเขามาด้วยความตื่นตระหนก
“ทะ ท่านประธานแย่แล้ว!!”
“มีอะไร”
ซูไห่เฟิงขมวดคิ้วถาม
“ตอนนี้หุ้นส่วนของเราบางคนเริ่มโทรมาและต้องการยกเลิกความร่วมมือกับเรา และหลายบริษัทที่ตกลงกันไว้ก่อนนี้ก็ได้ถอนทุบออกไป!”
“ว่าไงนะ?”
ดวงตาของซูไห่เฟิงเบิกกว้างทันที เขาคว้าไปที่คอเสื้อของผู้ช่วยและกล่าว “นายพูดอีกครั้งสิ มันเกิดอะไรขึ้น?”
เขาแทบไม่อยากจะเชื่อด้วยฐานะของตระกูลซูของเขาเรื่องแบบนี้มันไม่ควรจะเกิดขึ้นได้?
“ท่านประธาน ที่ผมพูดเป็นเรื่องจริง ผมเพิ่งสอบถามมาลูกชายของคุณไปล่วงเกินคนไว้และคนๆนั้นเขาจะทำให้ตระกูลซูต้องจบสิ้นลง!”
“ไม่ มันเป็นไปไม่ได้!”
ซูไห่เฟิงไม่เชื่อ เขาพลักผู้ช่วยคนนั้นออกไปและชี้หน้าด่าคนๆนั้น “ถ้าแกยังกล้าพ่นเรื่องไร้สาระแบบนี้ออกมา ฉันจะตบแกให้คว่ำเลย!”
เขาไม่มีทางเชื่อคำพูดของผู้ช่วยของเขาแน่นอน ครอบครัวของเขานั้นมีอำนาจเป็นอย่างมาก แม้ว่าลูกชายของเขาจะทำอะไรหรือล่วงเกินใครไปก็ไม่น่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้
แต่แล้วเลขาสาวก็วิ่งเข้ามา “ประธาน หุ้นของ บันดุง ของเรากำลังถูกหรงติ่ง จัดการและกำลังของอีกฝ่ายนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมากพวกเขาจงใจโจมตีเรา จากการคาดการตอนนี้เราได้สูญเสียไปราว 280 ล้านหยวนแล้ว และยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ!”
“ไงนะ?”
ซูไห่เฟิงกล่าวเสียงดัง “หรงติ่งกับเราไม่เคยก้าวก่ายดันมาก่อน ทำไมจู่พวกเขาถึงเล่นงานเราละ?”
กรี๊งงง! เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานเขาดังขึ้น
ซูไห่เฟิงรับสาย
“นี่ ไห่เฟิง! รู้ไมทำไมถึงเป็นแบบนี้!”
ซูไห่เฟิงอึ้งไปพักหนึ่งและกล่าว”ถ้านายไม่โทรหาฉัน ฉันก็ว่าจะโทรหานายอยู่เหมือนกัน เหล่าเหอ หรงติ่งไม่ใช่บริษัทของนายหรอ?”
“ทำไมนายถึงทำแบบนี่กับฉัน?”
“ตระกูลซูเราไปทำอะไรให้นายไม่พอใจงั้นหรอ? “
ซูไห่เฟิงถาม
“ไห่เฟิง ที่จริงแล้ว หรงติ่ง นั้นฉันได้มอบมันให้กับนายน้อยเจียงไปแล้ว ตอนนี้เป็นนายน้อยเจียงที่ต้องการจัดการกับตระกูลซูของนาย ฉันเตือนนายด้วยความหวังดีนายควรให้ลูกชายนายไปขอโทษนายน้อยและแก้ไขเรื่องนี้โดยเร็วดีกว่า ไม่งั้นครอบครัวของนายจบแน่ แล้วอย่ามาหาว่าฉันไม่เตือนนายก็แล้วกัน!”
เหอฟู่เฉิงกล่าวอย่างจริงจัง
“นายน้อย?”
ซูไห่เฟิงตะลึง
“เขาเป็นใครกัน?”
“เขาเป็นใครกันแน่? “
ซูไห่เฟิงรู้สึกได้ทันทีจากน้ำเสียงของเฟล่าเหอว่าเขาให้ความเคารพต่อคนๆนี้เป็นอย่างมาก เขาจึงถามออกไปด้วยความระมันระวัง
“นายน้อยสกุลเจียง นามว่าเป่ยเฉิน เขาเพิ่งจะกลับมาที่เมืองนี้ส่วนเรื่องรายละเอียดฉันไม่ขอพูดถึงแล้วกัน เอาเป็นว่าหากว่านายน้อยต้องการเขาสามารถที่จะทำลายตระกูลซูของนายด้วยคำพูดเพียงแค่คำเดียวเท่านั้น ฉันบอกนายได้แค่นี้แหละ! “
หลังจากที่เหอฟู่เฉิงกล่าวจบ เขาก็วางสายทันที
“ท่านประธาน คุณเป็นไงบ้าง?”
ผู้ช่วยถามอย่างระมัดระวัง เพราะในตอนนี้ใบหน้าของซูไห่เฟิงกลายเป็นซีดขาวและหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
“โทรหาไอ้ลูกเวรนั้นเร็ว!!”
อีกด้านหนึ่งรถยนต์หงฉีกำลังมุ่งหน้าไปที่คลับแห่งหนึ่ง
“ไอ้บ้านั้น อย่างให้ฉันซ่อมรถให้มันงั้นหรอ มันบ้านหรือเปล่า?”
“ถ้าฉันไม่เห็นแก่หน้าลุงเกา ฉันจะให้คนมาทุบรถมันเดี๋ยวนั้นเลย! “
ซูเทียนเฉิงกล่าวด้วยความโกรธขณะขับรถไป แม้ว่าเรื่องจะผ่านมาแล้วสักพักเขาก็ยังคงนึกถึงมันอยู่ ยังไงก็ตามปกติแล้วเมื่อเขามีเรื่องในเมืองนี้คนอื่นๆมักจะเป็นฝ่ายยอมให้เขาตลอด นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโดนหักหน้าขนาดนี้เป็นธรรมดาที่เขาจะโกรธเคือง
ในขณะนั้นโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น
“ครับพ่อ มีอะไรหรอ?”
“แกไปก่อนเรื่องอะไรมา! รู้ไหมว่าแกไปทำให้ใครไม่พอใจ?”
“แกต้องการให้ตระกูลของเรา ชิบ***ไปกันหมดใช่ไหม?”
เสียงของซูไห่เฟิงตะโกนลั่นดังออกมาจากโทรศัพท์ นายน้อยซูที่ได้ยินดังนั้นจึงรีบหยุดรถอย่างรวดเร็วทันที
“พ่อ มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
ซูเทียนเฉิงถามกลับไปด้วยความสงสัย พ่อของเขาไม่เคยโกรธเขาขนาดนี้มาก่อน! “แกไปชนรถใครมาใช่ไหม”
“ใช่ เมื่อกี้ เป็นโรลส์รอยซ์…”
“นั้นแหละ แกรู้ไหมว่าเขาเป็นใคร?”
“แกรู้ไหมว่าคนๆนั้นนะ แม้แต่เหอฟู้เฉิงยังเรื่องเขาว่านายน้อย! หากเขาต้องการจะทำลายตระกูลเราเพียงแค่คำพูดคำเดียว ตระกูลเราก็จบเห่แล้ว!”
“อะไร อะไรนะ?”
ซูเทียนเฉิงตะลึง เหงื่อกาฬไหลหยดลงจากในหน้าของเขา
“พ่อครับ มันไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นหรอกมั้ง เรายังมีคุณปู่เราอยู่ไม่ใช่หรอ…”
“อย่าพูดถึงปู่เลย แกมันกร่างเกินไปใช่อำนาจของปู่เกินไป แกต้องเข้าใจว่าปู่แกเกษียณไปแล้ว และถึงแม้ว่าปู่แกยังไม่เกษียณต่อหน้าเขาคนนั้นปู้ยังต้องให้ความเคารพกับเขา เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว ฉันจะไปกับแกเองแกควรไปหาเขาและก็ขอโทษเขาด้วยตัวเองและแก้ไขเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเดี๋ยวนี้ ถ้าแกไม่ทำอย่ามาหาว่าฉันใจร้ายแล้วกัน!”
หลังจากวางสาย ในหัวของซูเทียนเฉิงพลันกลับกลายเป็นว่างเปล่า
เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมเกากัวเฟิงถึงได้แสดงออกแบบนั้น ทีแรกเขาคิดว่าหมอนั้นแค่มีภูมิหลังพอๆกับเขา แต่นี่มันไม่ใช่แล้ว อำนาจของคนๆนั้นมันเหนือกว่าเขามาก! “นายน้อยซู คุณเป็นอะไรไป!”
หญิงสาวข้างๆเขากล่าว
“ไปซะ เธอลงจากรถไปได้แล้ว!”
ซูเทียนเฉินไล่หญิงคนนั้นลงจากรถและรีบขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว