ราชันมังกรแห่งสงคราม - ตอนที่ 53
อีกฝั่งหนุ่งที่ฟูลมูนทาวเวอร์
ที่นี่เป็นโรงแรงระดับสูงในหยุนไห่อัตราค่าใช้จ่ายต่อคนอยู่ที่ 1 หมื่นหยวนขึ้นไป หากไม่มีเงินและไม่ได้มีอำนาจร่ำรวยหรือเป็นบุคคลสำคัญก็แทบจะไม่สามารถใช้บริการได้เลย
ในห้องส่วนตัวอันหรูหรา อาหารมากมายวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ
“หลี่ลี่เว่ย เจียงเป่ยเฉินเขาหน้าใหญ่ขนาดให้เรารอเขาเลยหรอ?”
ชายคนหนึ่งที่สวมแว่นตาสีทองกล่าวขึ้น
เขาชื่อ เหมิงหลาง เป็นคนที่โดดเด่นมากสมัยมัธยมด้วยความสัพมพันธ์และเส้นสายในครอบครัวของเขา หลังจบการศึกษาเขาจึงได้เข้าทำงานในสำนักงานวางแผนและตอนนี้เขาเป็นหัวหน้าสำนักงานแล้ว
ในบรรดากลุ่มเพื่อนเขาก็นับว่ามีความก้าวหน้ามาก
“เมิ่งหลาง เป่ยเฉิน อาจมาช้าหน่อยกันก่อนเถอะ!”
หลี่ลี่เว่ยกล่าวด้วยรอยยิ้มด้วยอำนาจของสำนักงานวางแผนมีมากเหนือบริษัทของเขา เมื่ออยู่ต่อหน้า เมิ่งหลาง เขาต้องแสดงความเคารพ
“รอ?”
“ฮ่าๆๆ “
เมิ่งหลางเยาะเย้ย “เขาคิดว่าเขาเป็นใครกัน?”
“แค่นักธุรกิจ?”
“คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่นักหรอ?”
“ไม่รอแล้ว กินกันเถอะ! “
เมิ่งหลางกล่าวจบ ก็พลันหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบกิน คนอื่นๆต่างมองหน้ากันไปมาไม่มีใครกล้ากล่าวอะไรออกไปอย่างไรก็ตามเขาก็เป็นเพียงคนธรรมดาไม่ได้มีอำนาจอะไรในเมืองนี้
“เมิ่งหลาง นี่ยังไม่ถึงเวลากินเลย กว่าเราจะรวมตัวกันได้รอหน่อยไม่ได้หรือไง!”
หลิวฮาวกล่าวออกไป
เมิ่งหลางตกใจไปครู่หนึ่งก่อนที่จะวางตะเกียบและกล่าว “หลิวฮาว ฉันได้ยินว่านายเพิ่งร่วมมือกับเป่ยเฉินจนตอนนี้กลายเป็นรุ่งเรืองแล้วงั้นหรอ?”
“แต่ถึงอย่างนั้น นายคิดว่านายมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะมานั่งกินอาหารรวมโต๊ะด้วยงั้นหรอ? “
การรวมกลุ่มเพื่อนย่อมมีคนหลากหลายชนชั้นหลากหลายสถานะกัน แต่รวมๆแล้วพวกเขาก็มีบริษํทเป็นของตัวเองกันแล้ว แม้แต่หลี่ลี่เว่ยก็ยังเป็นถึงรองประธาน แต่ทว่าหลิวฮาวที่เป็นตัวตั้งตัวตีของงานกลับแต่งตัวด้วยเสื้อแจ็กเก็ตราคาถูกไม่เข้ากับงานนี้เลย
“นาย!”
หลิวฮาวหน้าแดงด้วยความโกรธ
“เมิ่งหลาง เราต่างเป็นเพื่อนกัน ทำไมนายถึงพูดแบบนั้น!”
หลี่ลี่เว่ยกล่าวพร้อมกับมองไปที่หลิวฮาว
“ขอโทษทีทุกคน ฉันมาช้าไปหน่อย!”
หลังจากนั้นไม่นานเจียงเป่ยเฉินก็มาถึง
“โอ่ว?”
“เป่ยเฉินมาแล้ว มา มา นั่งลง! ฉันได้ยินมาว่าตอนนี้นายเป็นประธานของหรงติ่งงั้นสินะ! “
ก่อนที่คนอื่นจะพูดเมิ่งหลางกลับพูดขึ้นมาก่อนอย่างรวดเร็วแต่กระนั้นเขาก็ไม่ได้ลุกขึ้นจากที่นั่งของเขา
“หลิวฮาว ลุกไปที่อื่น ยกที่นั่งให้เป่ยเฉิน!”
เมิ่งหลางกล่าว
หลิวฮาวเงียบไม่พูดอะไร เขารีบลุกขึ้นสละที่นั่งให้กับเจียงเป่ยเฉิน
เจียงเป่ยเฉินเห็นดังนั้นก็พลันขมวดคิ้ว แต่เขาก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกไป
“เป่ยเฉิน พวกเรารอนายมาครึ่งชั่วโมงแล้ว ตามกฏคนมาสายต้องถูกลงโทษ ดื่มสามจอก!”
เมิ่งหลางเปิดขวดแล้วส่งให้เจียงเป่ยเฉิน
“มาๆฉันดื่มเอง!”
หลี่ลี่เว่ยรีบลุกขึ้นกล่าวอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะดื่มแทนเจียงเป่ยเฉิน แต่เจียงเป่ยเฉินกลับส่ายหัวและดื่มลงไปทันทีสามจอก
หลังจากที่ดื่มแล้ว ทุกคนก็ต่างคุยกันตามปกติ
“เป่ยเฉิน ฉันมีโครงการในสำนักงานของฉัน นายสามารถมาลงทุนได้นะมันประมาณ 200 ล้าน ฉันคิดว่ามันไม่ได้มากมายอะไรเลยสำหรับนาย นี่ฉันยังไม่ได้บอกใครเลยนะยังไงทุกคนที่นี่ก็เป็นเพื่อนกันฉันเลยมาบอกนายก่อน!”
เมื่อดื่มไปสักพักเมิ่งหลางก็กล่าวกับเจียงเป่ยเฉิน
“แผนงานโครงการนี้เป็นยังไง”
หลี่ลี่เว่ยขมวดคิ้ว ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของหยุนไห่ได้รับการพัฒนาเป็นอย่างมาก แล้วเขาจะไม่ทราบได้อย่างไรว่าโครงการนี้มันเป็นอย่างไร
“มันคือโครงการฟื้นฟู ซีเจียว มันเพิ่งจะวางแผนเมื่อไม่นานมานี้เอง”
เมิ่งหลางกล่าว
“ชานเมืองทิศตะวันตก?”
หลี่ลี่เว่ยส่ายหัว “เมิ่งหลาง เขตชานเมืองด้านนั้นมันอยู่ไกลเกินไป และมันก็ไม่ได้พัฒนามามากกว่ายี่สิบปีแล้ว นายอยากให้ไปลงทุนนี่ไม่เท่ากับว่านายจงใจหลอกเป่ยเฉินงั้นหรอ?”
“หลี่เว่ย นายพูดผิดแล้ว นักธุรกิจทั้งหลายจะไม่มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการบ้านเมืองได้หรอ?
“หากเราไม่พัฒนา แล้วจะปล่อยไว้งั้นหรอ? “
เมิ่งหลางมองเจียงเป่ยเฉินและกล่าวต่อ
“เป่ยเฉิน ฉันจะพูดโดยไม่ปิดบังนายนะ หัวหน้าของฉันบอกกับฉันหากว่าใครสามารถทำโครงการนี้สำเร็จได้ จะได้เลื่อนขั้นไปเป็นรองผู้อำนวยการ! หากว่าฉันสามารถเป็นรองผู้อำนวยการได้ เป่ยเฉินฉันจะดูแลนายเป็นอย่างดีเลย”
หลังจากกล่าวจบ มุมปากของเมิ่งหลางก็ผุดรอยยิ้มขึ้นมาเลยน้อย
ความจริงแล้วที่เขาพูดเป็นเพียงคำพูดหลอกล่อเท่านั้น หากว่าคำพูดนี้กล่าวเมื่อสามถึงห้าปีที่ผ่านมาคงน่าสนใจไม่น้อย แต่ทว่าตอนนี้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจทั่วประเทศกำลังชะลอตัว และการที่จะนำเงินสองร้อยล้านไปลงทุนกับเรื่องๆนี้มันก็เท่ากับว่าเอาเงินไปละลายน้ำทิ้งเท่านั้น
ทุกคนต่างรู้เรื่องนี้ดี พวกเขาต่างมองไปที่เจียงเป่ยเฉินทันทีเขาสงสันว่าเจียงเป่ยเฉินจะมีปฏิกิริยาอย่างไร
“เมิ่งหลาง สองร้อยล้านมันไม่ใช่เงินน้อยๆเลยนะ นายบ้านหรือเปล่า จะให้เขาทำเพื่อนายงั้นหรอ?”
หลิวฮาวไม่สามารถทนได้จริงกล่าวขึ้นมาทันที
“หลิวฮาว นายมีสิทธิ์พูดเรื่องนี้ด้วยหรอ?”
“หุบปากไปซะ! “
เมิ่งหลางตะโกนเสียงดังในสายตาของเขาหลิวฮาวก็เหมือนกับสุนัขที่คอยเกาะเจียงเป่ยเฉิน เขาไม่มีคุณสมบัติพอที่จะมานั่งร่วมโต๊ะกับเขาเลยแม้แต่น้อย
“นายย!”
“เอาล่ะ หลิวฮาว ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว!”
เจียงเป่ยเฉินขมวดคิ้วและกล่าวกับเมิ่งหลางทันที “เมิ่งหลาง ขอโทษด้วย! ฉันเป็นักธุรกิจมีคนหลายคนที่ต้องดูแล เรื่องการลงทุนในโครงการที่ต้องขาดทุนนั้น เป็นไปไม่ได้!!”
“นายไม่ตกลง?”
เมิ่งหลางขมวดคิ้ว
“เจียงเป่ยเฉิน นายลองคิดดู ฉันจะให้โอกาสนายอีกครั้ง ไม่ว่านายจะรวยมากแค่ไหนแต่มีอำนาจมันย่อมดีกว่า ในบางครั้งบางโครงการฉันสามารถสั่งไฟเขียวให้นายได้อย่างง่ายดาย แต่หากฉันต้องการให้มันไม่สามารถไปต่อได้ฉันก็สามารถทำได้เพียงแค่ขยับนิ้วเท่านั้น! “
คนอื่นๆในห้องต่างพากันตกตะลึง พวกเขาไม่คาดคิดว่าเมิ่งหลางจะใช้อำนาจข่มขู่แบบนี้ ยังไงก็ตามทุกๆคนในที่นี้ต่างก็เป็นเพื่อนกันทั้งหมด
“หลี่เว่ย นายบอกว่าวันนี้เป็นการรวมกลุ่มของเพื่อนร่วมรุ่นไม่ใช่หรอ?”
เจียงเป่ยเฉินไม่สนใจเขากล่าวถามขณะคีบผักเข้าปาก
หลี่ลี่เว่ยตะลึงไปครู่หนึ่ง เขารู้ดีว่าตอนนี้เจียงเป่ยเฉินกำลังอารมณ์เสีย เขาไม่คิดว่าเมิ่งหลางจะมีท่าทีแบบนี้
“เป่ยเฉิน บางทีเมิ่งหลางอาจจะเมามากไป ไม่ต้องห่วง…”
“ฉันไม่ได้เมา เจียงเป่ยเฉิน แม้ว่าฉันจะไม่ได้เงินลงทุนจากนายก็ตามแต่นายก็เป็นนักธุรกิจ ในเมืองนี้นายต้องคิดด้วยว่าใครที่มีอำนาจ!”
เมิ่งหลางกล่าวเยาะเย้ย
“ว่าไง?”
“ในสายตาของฉัน นายก็เป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้น! “
เจียงเป่ยเฉินวางตะเกียบลง เขาชี้ไปที่ประตูแล้วพูดด้วยสายตาและท่าทีที่น่าหวั่นเกรง: ” วันนี้เป็นการรวมตัวของกลุ่มเพื่อนร่วมรุ่น ไม่ใช่การประชุมสำนักของนาย นาย ไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ!”
“นายจะไล่ฉันไปงั้นหรอ”
เมิ่งหลางลุงขึ้นกล่าวทันที “นายคิดว่านายเป็นใครกัน”
“เมื่อตอนสมัยเรียนนายเป็นยังไง?”
“นายน้อยเจียง? “
“พอไม่มีอำนาจสุดท้ายแล้วเป็นไง ล้มละลาย แล้วก็ตายไปงั้นหรอ?”
“ฮาฮา! “
เมิ่งหลางหัวเราะ
“เมิ่งหลาง แกไอ้****พอแล้ว!”
หลิวฮาวตะโกนและลุกขึ้นยืน ‘ไอ้หมอนี่มันพูดมากเกินไปแล้ว’
“หลิวฮาวไม่ต้องแตกตื่นไป เมิ่งหลางแค่ดื่มมากเกินไป มากเกินไปเท่านั้น พี่เจียงคุณก็ไม่ต้องกังวลไปเหมือนกัน คนอื่นๆก็ด้วยนะทุกคนล้วนเป็นเพื่อนกัน!”
หลี่ลี่เว่ยรีบลุกขึ้นกล่าวทันที
“ใช่ ทุกคนเป็นเพื่อนกัน กินต่อเถอะ!”
“นั่นแหละ ดื่มต่อ ดื่มต่อ!”
คนอื่นๆต่างให้ความร่วมมือเป็นอย่างมาก พวกเขาพยายามทำให้บรรยากาศนี้คลายความตึงเครียดลง
“เพื่อน?
“****ใครเป็นเพื่อนมันกัน? “
เมิ่งหลางชี้นิ้วไปรอบ และกล่าวอย่างดูถูก “พวกแกในที่นี้มีใครควรค่าพอที่จะเป็นเพื่อนของฉันงั้นหรอ? “
“ฉันจะบอกอะไรนายให้นะเจียงเป่ยเฉิน ฉันจะให้โอกาสนายรับลงทุนโครงการนี้อีกครั้ง มิฉะนั้นแล้ว นายก็เตรียมใจยอมรับผลที่จะตามมาด้วยแล้วกัน!”
เมิ่งหลางกล่าวกับเจียงเป่ยเฉินด้วยท่าทีที่เยาะเย้ยและดูถูก
“เมิ่งหลาง อย่าได้มากเกินไป!”
หลิวฮาวตะโกนด้วยความโกรธ
ในตอนนี้แม้แต่หลี่ลี่เว่ยก็พลันขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด เขารู้สึกว่าเมิ่งหลางนั้นทำเกินไป ที่จะให้เพื่อนจ่ายเงินสองร้อยล้านเพื่อให้เขาได้เลื่อนตำแหน่ง นี่มันบ้าชัดๆ อย่าว่าแต่รองผู้อำนวยการเลย ต่อให้เป็นผู้อำนวยการก็ไม่มีใครอยากจะช่วยนายหรอกนั้นมันเงินตั้งสองร้อยล้านเลยนะ
“หลิวฮาวแกเป็นบ้าอะไรมาตะโกนใส่ฉัน”
เมิ่งหลางเดินเข้าไปหาหลิวฮาวอย่างช้าๆและจองเขา หลิวฮาวก็ไม่ยอมเหมือนกันต่างฝ่ายต่างจองมองกัน แต่ทว่าเมิ่งหลางกลับตบไปที่ใบหน้าของหลิวฮาวอย่างรุนแรง
ห้องพลันเงียบลงทันที
ทุกคนมองหน้ากันอย่างไม่คาดคิดว่าเมิ่งหลางจะลงมือ!