ราชันย์หน่วยรบมังกร - ตอนที่ 102.1
ตอนที่ 102: เสียงหัวเราะเยาะ
หวู่กังและคนอื่นต่างก็เรียกเซินเหยาว่าเป็น “แฟนของเสี่ยวเฉิง” นั่นทําให้เธอชะงักไปชั่วครู่ ภายใต้แสงไฟสลัวจากถนน เซินเหยาเผยใบหน้าแดงก่ํา เซินเหยาถึงกับต้องขอบคุณพระเจ้าที่ทําให้เธอดูดีกว่าคนอื่นภายใต้แสงไฟเช่นนี้ ไม่นานนัก เซินเหยาก็พลันรินเบียร์ในขวดใส่แก้ว
หรานจิงพลันเผยเสียงหัวเราะและถามขึ้น “ไม่ยกขวดดื่มแล้วเหรอ?”
ก่อนหน้านี้เซินเหยาคงทําแบบนั้นได้ แต่ทว่า ตอนนี้มีผู้คนรายล้อมมากเกินไป อย่างน้อยเซินเหยาก็ต้องทําตัวให้เหมือนหญิงสาวไร้เดียงสาต่อหน้าคนอื่น ทันทีที่ได้ยินคําพูดของหรานจิง เซินเหยาก็พลันตอบกลับทันที “เธอก็ดื่มให้ฉันแทนสิ”
หรานจิงพลันกลอกตาและเตรียมตัวที่จะจากไป
เซินเหยาพลันรู้สึกสับสน ทําไมถึงต้องรีบกลับล่ะ? เซินเหยาพลันรู้ดีว่าเธอควรให้โอกาสเสี่ยวเฉิงได้พูดคุยกับลูกน้องในทีม แต่ทว่า เซินเหยาเองก็ต้องการใช้โอกาสตรงนี้ในการสร้างความประทับใจอันดีให้กับผู้คนรอบตัวเสี่ยวเฉิงด้วย พวกเขาถึงกับเรียกเธอว่าเป็น “แฟนของหัวหน้า” เชียวนะ แต่ในตอนนี้ ถ้าเป็นเซินเหยาแสร้งทํา เป็นใบ้ไม่ปฏิเสธอะไร บางทีความสัมพันธ์ของเสี่ยวเฉิงกับเธออาจจะใกล้ชิดกันมากกว่าเดิมก็ได้ เพราะบางครั้ง ถ้าความความสัมพันธ์ของคนสองคนไม่มีการพัฒนา ปัจจัยภายนอกก็อาจจะช่วยได้
อีกทั้ง เมื่อไม่นานมานี้ เสี่ยวเฉิงเองก็เคยบอกเอาไว้ว่าเขามีผู้หญิงคนอื่นที่แอบชอบอยู่แล้ว พูดกันตามตรง นั่นทําให้เซินเหยาค่อนข้างอารมณ์เสีย เธอจึงอยากที่จะลืมความรู้สึกที่มีต่อเสี่ยวเฉิงไปเสีย แต่ทว่าบางครั้ง ความรู้สึกของคนเราก็มิอาจควบคุมได้ นั้นอาจจะเป็นเพราะนี้เป็นครั้งแรกที่เห็นเหยาชอบผู้ชายคนหนึ่งอย่างจริงจัง มันเป็นความรู้สึกที่ค่อนข้างแปลก ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ปกติแล้วเซินเหยามักจะไปเดินเล่นหรือหาอะไรทําเพื่อความสนุกสนานและผ่อนคลาย แต่ทว่า ไม่ว่าเธอในตอนนี้จะทําอะไร เธอก็มักจะมีภาพจําบางอย่างปรากฏขึ้นมาในหัวอยู่เสมอ อันที่จริง เซินเหยารู้ดีว่ามันเป็นความรู้สึกที่เธอมีต่อเสี่ยวเฉิง เธอรู้ดีว่ามันไม่ใช่สิ่งที่จะลืมกันไปง่าย ๆ นอกจากนี้ ระหว่างที่ลูกน้องของเสี่ยวเฉิงเรียกเธอเช่นชั้น เซินเหยาก็ไม่ได้รังเกียจอะไร แต่มันกลับค่อนข้างรู้สึกดีมากกว่า ดังนั้น เซินเหยาจึงไม่อยากทิ้งช่วงเวลาหรือบรรยากาศในตอนนี้ไปเลย
“ไม่เป็นไรหรอกน่า พวกเธอทั้งคู่มาร่วมฉลองกับฉันในคืนนี้ด้วยทั้งที ถ้าพวกเธอไปคงหมดสนุกแย่เลย” เสี่ยวเฉิงกล่าวเป็นนัยกับหรานจิงและเซินเหยาว่าไม่จําเป็นต้องลุกไปไหน
“ใช่แล้ว ถ้าคนที่สําคัญที่สุดไม่อยู่ที่นี่ มันจะเรียกว่าการฉลองได้ยังไงกันล่ะ?” หลี่เชาว์พลันหัวเราะ
คําพูดของหลี่เชาว์พลันสั่นคลอนหัวใจของเซินเหยาเป็นที่เรียบร้อย เธอพลันยกแก้วขึ้นมาอย่างเขินอาย และแกล้งจิบเบียร์ ระหว่างนั้นเสี่ยวเฉิงก็พลันกระแอมและกล่าวคําพูดออกมา “อย่าพล่ามไร้สาระน่า ฉันจะแนะนําสองคนนี้ให้พวกนายรู้จักเอง นี้คือกัปตันหรานจิงจากหน่วยห้า พวกนายเองก็น่าจะรู้จักอยู่แล้ว และอีกคน ก็คือเซินเหยา เธอเป็นเพื่อนของฉันเอง”
ทุกคนพลันกล่าวแซว “แค่เพื่อนแน่เหรอครับหัวหน้า?”
เสี่ยวเฉิงพลันเผยยิ้มอย่างขมขึ้นและพยักหน้า “ใช่แล้ว แค่เพื่อน อย่าเข้าใจผิดล่ะ แล้วถ้ามีใครแซวเรื่องความสัมพันธ์ของฉันกับเธออีก ฉันจะซัดให้หน้าหงายเลย เข้าใจใช่ไหม? ตอนนี้พวกนายกําลังทําให้เธอไม่สบายใจอยู่”
หวู่กังพลันหัวเราะ “ไม่มีมิตรภาพใดบริสุทธิ์ระหว่างชายและหญิงหรอกครับหัวหน้า พวกเราเข้าใจดี”
เสี่ยวเฉิงไม่รู้ว่าตนเองควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ออกมาดี “งั้นก็ดื่มเบียร์ของนายต่อไปเถอะ ยังไงเสีย ตอนนี้ฉันจะมอบหมายงานให้หลี่เชาว์กับหวู่กัง… หน่วยสองจะถูกแบ่งเป็นสองกลุ่ม กลุ่มละห้าคน หลี่เชาว์จะต้องคอยรับผิดชอบเรื่องข่าวกรองและข้อมูลรายได้ในคาสิโนของพวกแก๊งพยัคฆ์ขาว หากจําเป็น นายไปขอข้อมูลพวกนั้นที่สํานักภาษีได้เลย”
หลี่เชาว์พยักหน้า “รับทราบครับ”
หลังจากนั้น เสี่ยวเฉิงก็พลันมองไปยังหวู่กังและพูดด้วยน้ําเสียงจริงจัง”ส่วนหวู่กัง… ภารกิจของนายจะค่อนข้างหนักหน่อย เพราะว่ากลุ่มเป้าหมายที่พวกนายต้องคอยเฝ้าระวังและจับตาดูค่อนข้างละเอียดอ่อน พวกนายต้องคอยติดตามพวกตัวแทนทางกฎหมายของคาสิโน อีกทั้งยังต้องคอยสอดส่องกิจวัตรประจําวันของผู้คนที่ อีกฝ่ายติดต่ออีกด้วย”
เซินเหยาพลันมองไปยังเสี่ยวเฉิงและถามขึ้น “มันจะไม่อันตรายไปหน่อยเหรอ?”
เสี่ยวเฉิงพลันเผยยิ้ม “ไม่หรอก ฉันแค่ให้กลุ่มของหวู่กังติดตามเป้าหมายอย่างเปิดเผย โดยจงใจให้อีกฝ่ายรู้ว่าทีมสองของเรามีสมาชิกเพียงไม่กี่คน พออีกฝ่ายรู้แบบนั้น พวกมันก็จะระวังตัวเองน้อยลงด้วยวิธีนี้ พวกมันเองก็จะไม่มายุ่งวุ่นวายอะไรกับเจ้าหน้าที่ของเราด้วย เพราะฉะนั้น มันค่อนข้างปลอดภัยเลยล่ะ”
หวู่กังพลันกัดฟัน “สบายมากครับหัวหน้า เพราะถ้าพวกเรากลัวอันตราย พวกเราก็คงไม่รับภารกิจนี้หรอก อีกอย่าง เป้าหมายของเราคงจะเป็นอาชญากรรายใหญ่ เพราะแบบนั้น เราก็พร้อมเสมอสําหรับสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดครับ”