ราชันย์หน่วยรบมังกร - ตอนที่ 107.1
ตอนที่ 107: เตรียมตัวบุกในอีกหนึ่งสัปดาห์
– หน่วยสืบสวนอาชญากรรม –
ในตอนกลางคืน เสี่ยวเฉิงและคนอื่นในทีมสองต่างก็ต้องทํางานล่วงเวลา พวกเขาในตอนนี้กําลังไล่หาข้อมูลและคดีสมัยอดีตกันอยู่ในห้องเก็บเอกสาร
“ทุกคนช่วยกันหน่อยนะ โดยเฉพาะคดีที่มีเบาะแสเกี่ยวข้องกับรอยสักแบบนี้” ทันทีที่พูดจบ เสี่ยวเฉิงก็วางภาพร่างรอยสักรูปมังกรฟ้า หงส์แดงและพยัคฆ์ขาวไว้บนโต๊ะ “ช่วยตรวจดูทุกคดีที่เกี่ยวเนื่องกับรอยสักพวกนี้หน่อย ไม่ว่าจะเป็นคดีที่ถูกปิดไปแล้วหรือยังไม่ถูกปิด ตรวจสอบให้หมดเลย”
ในระหว่างนั้น หลี่เชาว์ก็พลันสแกนภาพบางส่วนลงไปในคอมพิวเตอร์ “หัวหน้าครับ รอยสักพวกนี้เกี่ยวพันกับคดีของแก๊งเต่าดําหมดเลยครับ”
เสี่ยวเฉิงพยักหน้าและพูดกับทุกคน “พยายามค้นหาข้อมูลและคดีที่เกี่ยวข้องกับรอยสักพวกนี้ให้ลึกกว่านี้ ไม่ต้องไปกังวลกับอีกสามแก๊งที่เหลือ”
อันที่จริง เสี่ยวเฉิงพลันรู้สึกว่าชายชราผู้มีรอยสักเต่าดําต้องขีดฆ่ารอยสักตัวเองด้วยเหตุผลบางอย่างแน่!
ระหว่างที่หน่วยสองกําลังทํางานกันอย่างวุ่นวาย หน่วยอื่นที่ผ่านไปผ่านมาก็พลันรู้สึกสับสน
“พวกนั้นแกล้งทําตัวเหมือนกําลังยุ่งอยู่กับงานเพื่อโชว์พวกเรางั้นเหรอ? ผ่านมาแค่สองวันเอง คดีคืบหน้าแล้วหรือยังไงกัน?”
“ใครจะไปรู้ล่ะ? บางที พวกเขาก็อาจจะแค่ทําตัวอวดดีแข่งกับหน่วยอื่นก็ได้ ฉันไม่เชื่อหรอกนะว่าหน่วยสองจะหาเบาะแสหรือหลักฐานอะไรที่เกี่ยวข้องกับคดีของแก๊งพยัคฆ์ขาวได้ ไร้สาระน่า”
“ก็จริง หน่วยห้ามีคนมากกว่าหน่วยสองตั้งเยอะ พวกเขายังใช้เวลาตรวจสอบคดีนี้มากว่าครึ่งปีแล้วด้วย หน่วยสองจะไปไขคดีไวขนาดนั้นได้ยังไงกันล่ะ? อย่ามาตลกไปหน่อยเลย!”
“พวกเขากําลังพยายามทําอะไรอยู่น่ะ? ฉันได้ยินมาว่าช่วงนี้สมาชิกทุกคนในหน่วยสองกําลังยุ่งมาก ยุ่งจนแทบไม่มีเวลาพักเลยล่ะ”
อันที่จริง ทีมสองในตอนนี้กําลังเข้าสู่ช่วงวิกฤต ทว่า ช่วงสองวันที่ผ่านมา เสี่ยวเฉิงพลันได้เบาะแสบางอย่าง เขาสามารถยืนยันได้แล้วว่าใครคือผู้ทรงอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลังแก๊งพยัคฆ์ขาวทั้งสี่คน… ทว่า เสี่ยวเฉิงเองก็ต้องการรู้มากกว่านั้น
อันที่จริง เสี่ยวเฉิงไม่ได้ต้องการไขคดีฟอกเงินของแก๊งพยัคฆ์ขาวเท่านั้น แต่เขากําลังจะถอนรากถอนโคนผู้ทรงอิทธิพลทั้งสี่คนที่อยู่เบื้องหลังอีกด้วย! เพราะเหตุนั้น สําหรับคืนนี้ เสียวเฉิงจึงเริ่มตรวจสอบหลักฐานทุกอย่างเพื่อเช็คดูว่าอีกฝ่ายมีประวัติอาชญากรรมติดตัวอยู่หรือไม่
หากผู้ทรงอิทธิพลทั้งสี่กําลังซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังแก๊งพยัคฆ์ขาว พวกเขาต้องมีประวัติศาสตร์อันมืดมนที่ไม่สามารถเปิดเผยต่อโลกภายนอกอยู่แน่ เพราะฉะนั้น ถ้าทีมสองสามารถค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับรอยสักได้ลึกกว่านี้ พวกเขาจะต้องพบหลักฐานหรือเบาะแสสําคัญอย่างอื่นเป็นแน่
ในระหว่างคืนนั้น สมาชิกในทีมคนหนึ่งก็พลันเดินออกไปซื้อแฮมเบอร์เกอร์และกาแฟมาแจกจ่ายให้ทุกคน
“หัวหน้าครับ ผมซื้อกระทิงแดงมาให้ครับ”
เสี่ยวเฉิงพลันหยิบกระป๋องกระทิงแดงขึ้นมาเปิดฝาและยกดื่ม อีกทั้ง ตอนนี้ก็เป็นเวลาที่สามแล้วด้วย ทันใดนั้น สมาชิกคนหนึ่งในทีมหวี่กังก็พลันกล่าวคําพูดด้วยความตกใจออกมา “หัวหน้าครับ มาดูคดีนี้หน่อยครับ!”
เสี่ยวเฉิงรีบเดินไปทันที
ชายคนนั้นชี้ไปยังรูปถ่ายสีเหลืองสมัยอดีตและกล่าวคําพูด ““คดีปล้นรถขนเงินสดหุ้มเกราะเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว… มีรูปรอยสักอยู่ด้วยครับ รูปร่างของรอยสักคล้ายกับรูปเต่าดําเลยด้วย”
ดวงตาของเสี่ยวเฉิงพลันเบิกกว้าง “สรุปคดีให้ฉันฟัง”
ชายคนนั้นพยักหน้าและเริ่มรวบรวมข้อมูลของคดี “เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว… คดีชิงทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดของรถตู้ขนเงินสดหุ้มเกราะ มีผู้เกี่ยวข้องสี่คน ตํารวจต้องใช้เวลากว่าสิบปีถึงจะคลี่คลายคดีได้ครับ”
“สี่คน? ถูกจับหมดทุกคนไหม?” เสี่ยวเฉิงถาม
“ใช่ครับ ทั้งสี่คนถูกประหารชีวิตในปีเดียวกัน อีกทั้ง ตํารวจก็สามารถเรียกเงินคืนได้บางส่วนด้วย”
เสี่ยวเฉิงพลันมองดูภาพสถานที่เกิดเหตุ คนร้ายทั้งสี่สวมหน้ากากปิดหน้าปิดตาพร้อมกับมีอาวุธปืนในครอบครอง พวกเขาทั้งสี่ดูสูงและแข็งแรง ทว่า ชายคนหนึ่งพลันใส่เสื้อเปิดอกและเผยให้เห็นรอยสักรูปเต่าดํา…
ในตอนนี้ เสี่ยวเฉิงไม่ได้สนใจใบหน้าของชายทั้งสี่ที่ถูกประหารชีวิตเลยแม้แต่น้อย เขาเริ่มเปรียบเทียบความสูงของคนร้ายที่ถูกจับมาในวันแรกกับคนร้ายที่ถูกตัดสินประหาร