ราชันย์หน่วยรบมังกร - ตอนที่ 107.2
ตอนที่ 107: เตรียมตัวบุกในอีกหนึ่งสัปดาห์ 2
เสี่ยวเฉิงพลันไล่นิ้วไปตามเอกสารและหายใจเข้าเฮือกใหญ่พร้อมกับวิเคราะห์ข้อมูล “มีเงินถูกขโมยไปเท่าไหร่? แล้วตํารวจได้คืนมาเท่าไหร่?”
“คนร้ายขโมยเงินไปสามล้าน ส่วนตํารวจได้เงินคืนมาประมาณสองล้านกว่าครับ”
“อ่า แต่ต้องมีอะไรมากกว่านั้นแน่” เสี่ยวเฉิงพลันวิเคราะห์ต่อ “พูดตามหลักเหตุและผลนะ ช่วงระยะเวลาสิบปี ถ้าคนร้ายทั้งสี่ใช้เวลาช่วงนั้นในการเสวยสุขหลังจากปล้นเงินมาได้ ไม่มีทางที่พวกเขาจะใช้เงินไปแค่ล้านกว่าแน่ ฉันว่าตัวเลขต้องคลาดเคลื่อน”
“หัวหน้ากําลังสงสัยอะไรอยู่เหรอครับ?” หวู่กังถามด้วยความอยากรู้
เสี่ยวเฉิงพลันกัดแฮมเบอร์เกอร์และตอบกลับ “ฉันคิดว่าเบื้องบนในระบบตํารวจต้องถูกกดดันให้รีบปิดคดีแน่ และคนที่กดดันเบื้องบนก็ต้องเป็นผู้ร้ายตัวจริง…”
หลี่เชาว์พลันชะงักไปครู่หนึ่ง “งั้นก็หมายความว่า…”
เสี่ยวเฉิงพูดต่อ “ใช่แล้ว ย้อนกลับไปเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว เงินสามล้านนับได้ว่าเป็นจํานวนเงินที่เยอะมากเลยล่ะ แล้วถ้าเวลาผ่านไปอีกสักสิบปี ค่าเงินก็ต้องลดลงใช่ไหมล่ะ? เงินสองล้านที่คนร้ายคืนมาก็จะมีมูลค่าลดลงไปด้วย นายคิดว่ามันเป็นไปได้ไหมล่ะที่ตํารวจจะได้เงินคืนกลับมาแค่นั้น? เป็นไปไม่ได้แน่นอน! พอคิดดูแล้ว ฉันคิดว่าคนร้ายทั้งสี่คนยังไม่ถูกประหารชีวิตเลยด้วยซ้ํา และชายอีกสี่คนที่เสียชีวิตไปก็น่าจะเป็นแพะรับบาป เพราะถ้าลองปรียบเทียบความสูงของคนร้ายทั้งสองรูป พวกเขามีสูงเตี้ยไม่เท่ากันเลย พวกนายคิดว่ายังไงกันล่ะ?”
ทว่า หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพัก เสี่ยวเฉิงก็พลันกล่าวคําพูดกับหลี่เชาว์ “ขอไฟล์ข้อมูลของฉางฉิง (มังกรฟ้า) จางกวง (หงส์แดง) เฉินเต้าซิง (พยัคฆ์ขาว) แล้วก็หวังเหว่ย (เต่าดํา) ให้ฉันที…”
หลี่เชาว์พยักหน้าและรีบค้นข้อมูลของทั้งสี่คน หลังจากนั้น เสี่ยวเฉิงก็พลันกล่าวคําสั่ง “ช่วยเปรียบเทียบความสูงของสี่คนนี้กับคนร้ายเมื่อยี่สิบปีที่แล้วให้หน่อยสิ”
หวู่กังและหลี่เชาว์พลันสบสายตา หลังจากนั้น ทั้งสองก็พยายามคํานวณความสูงของคนร้ายกับชายทั้งสี่ที่คนเสี่ยวเฉิงเพิ่งเอ่ยชื่อออกมา ทว่า ในสถานที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตํารวจได้ทําการวัดส่วนสูงของกําแพง ยานพาหนะและวัตถุต้องสงสัยเอาไว้แล้ว ด้วยเหตุนั้น หวู่กังและหลี่เชาว์จึงสามารถเปรียบเทียบความสูงของ อาชญากรได้อย่างง่ายดาย ทั้งสองรีบนําข้อมูลชายสี่คนมาเปรียบเทียบกับคนร้ายเมื่อยี่สิบปีที่แล้วอย่างรวดเร็ว
ท้ายที่สุดแล้ว หลี่เชาว์และคนอื่นก็พลันอุทานออกมาเสียงดัง “หัวหน้าครับ! ข้อมูลตรงกันถึง 95% เลยครับ บวกลบไม่เกินสองเซนติเมตรครับ!”
เสี่ยวเฉิงพยักหน้า “คนพวกนี้อายุมากแล้ว เรื่องปกติแหละที่ส่วนสูงของพวกเขาจะหดลง หวู่กัง… หยุดภารกิจของนายตอนนี้ไปชั่วคราวก่อนนะ แล้วมาตรวจสอบไอ้รอยสักเต่าดําเมื่อยี่สิบปีก่อนแทนว่ามันมาจากไหน อันที่จริง ถ้านายสามารถตรวจสอบได้ว่ารอยสักเต่าดําเมื่อยี่สิบปีก่อนตรงกับรอยสักที่อยู่บนหน้าอกของหวงเหว่ยก็จะดีมาก เพราะรอยสักของหวังเหว่ยในตอนนี้ถูกขีดฆ่าไป มันเลยมองดูไม่ค่อยชัดเท่าไหร่”
หวู่กังพลันรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยพร้อมกับพยักหน้า “ได้เลยครับ!”
ในตอนนี้ สมาชิกทุกคนในทีมสองต่างก็คิดไปในทิศทางเดียวกันว่าทุกอย่างเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งที่เมื่อไม่กี่วันก่อน พวกเขายังไม่รู้เรื่องอะไรเลย ใครจะไปรู้ล่ะว่าหัวหน้าหน่วยสองคนใหม่อย่างเสียวเฉิงจะนําพาลูกน้องในทีมไปสู่เบาะแสที่สําคัญเช่นนี้ได้ภายในเวลาเพียงสองวัน?
แต่เดี๋ยวก่อนนะ! แล้วชายชราทั้งสี่คนกับคนร้ายในคดีชิงทรัพย์เมื่อยี่สิบปีก่อนเกี่ยวข้องอะไรกับแก๊งพยัคฆ์ขาวด้วยล่ะ?
ในระหว่างที่หวู่กังกําลังจะเดินออกไป เขาก็พลันหันมาถามกลับ “หัวหน้าครับ เรากําลังสอบสวนคดีของแก๊งพยัคฆ์ขาวอยู่ไม่ใช่เหรอครับ? แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคดีชิงทรัพย์ล่ะ?”
เสี่ยวเฉิงพลันเผยยิ้ม “ทําตามที่ฉันบอกไปเถอะน่า ในอีกหนึ่งสัปดาห์ เราจะไปบุกคาสิโนและจับตัวหัวโจกกัน!”
“แต่เราไม่มีหลักฐานอะไรเลยนะครับ” หลี่เชาว์กล่าว
เสี่ยวเฉิงกล่าว “ในอีกหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า ในการแข่งขันโปกเกอร์ เราจะปล่อยให้หลักฐานทั้งหมดโผล่ออกมาด้วยตัวเอง หลังจากนั้น เราจะจัดการกับพวกมันทั้งหมดในคราวเดียวเลย”
ทุกคนมองหน้ากันและรู้สึกสับสน พวกเขาถึงกับลืมไปเลยว่าเสี่ยวเฉิงกําลังวางแผนอะไรอยู่…
“เอาล่ะ คืนนี้ทุกคนทํางานกันได้ดีมาก! กลับไปนอนพักผ่อนกันก่อนเถอะ ส่วนหวู่กัง ตรวจสอบข้อมูลของชายคนนั้นละเอียดด้วยนะ เดี๋ยวพวกเราจะได้เห็นผลลัพธ์กันในอีกหนึ่งสัปดาห์”
ทันทีที่สัมผัสได้ว่าเสี่ยวเฉิงเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจมากขนาดไหน เจ้าหน้าที่ทั้งสิบคนก็ยืนขึ้นพร้อมกันและโค้งคํานับ “ได้เลยครับหัวหน้า!”
หลังจากนั้น เสี่ยวเฉิงก็เดินถือแฮมเบอร์เกอร์กินไปด้วยระหว่างทาง พร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเซินเหยา “อีกหนึ่งสัปดาห์ ไปล่าเงินเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ”
ทว่า ตอนนี้เป็นเวลาที่สามแล้ว เซินเหยาอยากจะตะโกนด่าเสี่ยวเฉิงไม่น้อยที่โทรมาหาในระหว่างที่เธอกําลังนอนหลับ ทว่า เซินเหยาก็พลันรู้สึกกระฉับกระเฉงขึ้นมาทันทีที่ได้ยินเรื่องเงิน “เราจะไปไหนกัน?”
“ไปตามล่าแก๊งพยัคฆ์ขาว!”
เซินเหยาพลันหย์ตาและตอบกลับ “ไอ้คนเพ้อเจ้อเอ๊ย แปรงฟันเสร็จแล้วก็ไปนอนเสียนะ!”
เสี่ยวเฉิงพลันขมวดคิ้วทันใด