ราชันย์หน่วยรบมังกร - ตอนที่ 41.2
ทั้งนี้ เมืองซ่างเฉิงเองก็ยังมีอีกตั้งหลายครอบครัวที่มีต้นกำเนิดมาจากตระกูลทหาร อีกทั้ง มันยังเป็นต้นตระกูลที่มีความเกี่ยวข้องกับกองทัพมานานหลายชั่วอายุคนแล้วด้วย และด้วยความที่คนบางกลุ่มก็มาจากตระกูลที่เกี่ยวข้องกับกองทัพ ลูกหลานของพวกเขาเองก็มักจะถูกเลี้ยงดูมาในสภาพแวดล้อมแบบเดียวกันกับต้นตอของวงศ์ตระกูล
ในแง่ความแข็งแกร่งระหว่างการต่อสู้ พวกวัยรุ่นที่มาจากตระกูลเศรษฐีหรือผู้มีอำนาจก็ไม่อาจเทียบได้กับพวกกลุ่มวัยรุ่นที่มาจากตระกูลทหารเลยแม้แต่น้อย แต่ถึงอย่างไร นี่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกลูกเศรษฐีจะยอมสยบแทบเท้าพวกที่มาจากตระกูลทหาร…
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเมืองที่ทำหน้าที่เป็นเหมือนศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของประเทศเช่นนี้ ถึงอย่างไร ซ่างเฉิงเองก็ถือเป็นเมืองมักจะสนับสนุนพวกคนร่ำรวยและผู้มีอำนาจอยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้ ทั้งนโยบายและกฎหมายของเมืองก็มักจะผ่อนปรนต่อพวกเขาเป็นพิเศษอีกด้วย
และในด้านของสองทหารหนุ่ม ชายคนแรกพลันเหวี่ยงหมัดตรงไปที่เครื่องไดนาโมมิเตอร์อย่างเต็มแรง หลังจากนั้นไม่นาน จอภาพที่ตั้งอยู่ข้างเครื่องก็พลันแสดงให้เห็นถึงตัวเลข 190 กิโลกรัม ชายหนุ่มคนแรกรีบหันหน้าไปมองผู้หญิงที่กำลังนั่งฟังเพลงอยู่บนเก้าอี้ ทันใดนั้น หญิงสาวคนนั้นก็พลันกล่าวคำพูดออกมา “ลองเหวี่ยงหมัดให้แรงกว่านี้อีกที”
ชายหนุ่มคนแรกพยักหน้าพร้อมถอยหลังไปอีกสองสามก้าว หลังจากนั้น เขาก็วิ่งเข้ามาพร้อมเหวี่ยงหมัดสุดแรงไปที่เครื่องไดนาโมมิเตอร์อีกครั้ง
ข้อมูลจากจอแสดงผลเพิ่มขึ้นเป็น 230 กิโลกรัม…
ทันทีที่เห็นเช่นนั้น หญิงสาวที่กำลังนั่งฟังเพลงก็พลันพิมพ์ข้อมูลลงไปในโทรศัพท์ ในตอนนี้ เสี่ยวเฉิงก็สังเกตเห็นแล้วว่าหญิงสาวคนนั้นไม่ได้เพียงแค่นั่งฟังเพลงเท่านั้น แต่เธอยังคอยบันทึกสถิติและข้อมูลของชายทั้งสองอีกด้วย
หลังจากพิมพ์ข้อมูลเสร็จแล้ว เธอก็พลันหันไปทางชายหนุ่มคนที่สองพร้อมกล่าวคำพูด “ชิเหวินปิน… ถึงตานายแล้ว”
ชายหนุ่มคนที่สองพลันพยักหน้าและซัดหมัดไปที่เครื่องไดนาโมมิเตอร์ทันที
“210 กิโลกรัม… ไม่เลวเลยนะ แต่ยังไงก็เถอะ ลองอีกทีให้แรงกว่าเดิม”
ชิเหวินปินพยักหน้าและเหวี่ยงหมัดออกไปด้วยแรงทั้งหมดที่มีอีกครั้ง
ข้อมูลจากจอแสดงผลพลันเปลี่ยนเป็น 268 กิโลกรัม
ทันใดนั้น หญิงสาวคนนั้นก็พลันกล่าวคำพูดออกมาด้วยความเห็นใจ “ตัวเลขยังไม่ดีเท่าที่ควร ดูเหมือนว่านายน่าจะต้องฝึกความแข็งแรงช่วงเอวอีกสักหน่อยนะ”
ชิเหวินปินพยักหน้าพร้อมเผยหน้าแดงเล็กน้อย หลังจากนั้น เขาก็ถูกชายคนแรกที่ยืนอยู่ข้างกายสะกิดข้อศอกและกระซิบใส่ข้างหู “บอกแล้วไงว่าอย่าไปเที่ยวอาบอบนวดบ่อย ไม่ฟังกันบ้างเลย”
“เอาล่ะ การประเมินเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยรวมแล้ว สถิติของพวกนายทั้งสองคนดีกว่าคนทั่วไปมาก แต่ยังไงเสีย มันก็ยังไม่ถึงมาตรฐานที่เราตั้งเอาไว้…” ผู้หญิงคนนั้นกล่าวกับชายหนุ่มทั้งสองที่ยืนอยู่ตรงหน้า “ต้องฝึกให้หนักขึ้นอีก!”
“ได้ครับครู!” ทั้งสองพยักหน้า
ในอีกด้านหนึ่ง คนกลุ่มหนึ่งก็พลันเดินมาเห็นคะแนนของทหารหนุ่มทั้งสองเช่นกัน ด้วยความที่พวกเขาพาแฟนสาวมาที่นี่ด้วย คนกลุ่มนั้นจึงคิดว่านี่แหละคือโอกาสที่จะโชว์ความแข็งแกร่งของตัวเองให้กับทุกคนและแฟนสาวได้รับรู้
นอกจากนี้ พวกเขายังได้ยินทหารหนุ่มทั้งสองเรียกผู้หญิงตรงหน้าว่า “ครู” อีกด้วย ด้วยเหตุนั้น พวกเขาจึงคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรบางอย่างกับทหารหรือไม่ก็กองทัพ…
ทั้งนี้ ถ้าพวกเขาสามารถพิสูจน์ได้ว่าตัวเองแข็งแกร่งกว่าอีกฝ่ายที่ซึ่งเป็นทหาร ทุกคนในสโมสรกีฬารวมถึงแฟนสาวของพวกเขาจะต้องรู้สึกชื่นชมและยกย่องเป็นแน่
มันถือเป็นโอกาสทองเลยแหละ
“ฮึ! ถ้าพวกทหารของเมืองซ่างเฉิงมีแรงแค่นี้ ฉันก็เริ่มรู้สึกเป็นห่วงเมืองนี้ขึ้นมาแล้วแหละ”
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ครูฝึกสาวก็พลันขมวดคิ้ว ชายหนุ่มทั้งสองก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที “ไปยุ่งกับเรื่องของตัวเองเถอะ”
หลังจากนั้น ชายที่ดูเหมือนจะเป็นหัวโจกของกลุ่มก็พลันเหลือบมองไปที่ครูฝึกสาวและกล่าวคำพูดออกมา “ก็ลองดูสิครับ”
ทันทีที่พูดจบ ชายหัวโจกก็เหวี่ยงหมัดไปที่เครื่องเครื่องไดนาโมมิเตอร์สุดแรง
ทันใดนั้น ตัวเลขจากจอแสดงผลก็พลันพุ่งขึ้นเป็น 235 กิโลกรัม! มันมากกว่าคะแนนการชกครั้งแรงของชิเหวินปินเสียอีก…
หลังจากนั้น ชิเหวินปินก็พลันเผยหน้าซีดออกมาทันที
***
เหตุการณ์ต่อไปจะเป็นยังไงกันนะ?