ราชันย์หน่วยรบมังกร - ตอนที่ 44.1
ตอนที่ 44: ความรุนแรงปะทะความรุนแรง
“เดี๋ยวได้รู้กัน… ว่าใครกันแน่ที่กำลังรนหาที่ตาย!” ทันทีที่พูดจบ คลื่นโซนิคสุดแผ่วเบาก็พลันแผ่ออกมาจากหูของเสี่ยวเฉิงโดยที่เขาไม่รู้ตัว อีกทั้ง มันยังเป็นคลื่นเสียงความถี่ต่ำด้วย
ทันใดนั้น พี่เสือก็พลันกล่าวคำพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสุดหนักแน่นพร้อมหันหน้าไปยังพรรคพวกของตน “ไม่ต้องไปกลัว สั่งสอนมันหน่อย แต่ไม่ต้องเอาถึงตาย เราจะต้องลากตัวมันเป็นให้ท่านฉิน”
อันที่จริง อีกฝ่ายไม่ได้สนใจเลยว่าท่านฉินจะทำอะไรกับเสี่ยวเฉิง แต่ด้วยความที่พวกเขากลัวผลที่จะตามมาจากการฆ่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ ด้วยเหตุนั้น พี่เสือจึงทำได้เพียงแค่สั่งให้พรรคพวกของตนจัดการและลากตัวเสี่ยวเฉิงไปให้ท่านฉินเท่านั้น
ทันทีที่พี่เสือพูดจบ อันธพาลทั้งสามสิบคนก็พลันตะโกนเสียงดังและพุ่งเข้ามา
ทว่า เสี่ยวเฉิงยังคงยืนอยู่ที่เดิมอย่างใจเย็น
ทั้งนี้ นักวิจัยจากห้องทดลองชีววิทยาเคยกล่าวเอาไว้ว่าค้างคาวนั้นสามารถปล่อยคลื่นอัลตร้าโซนิคออกมาได้ตลอดเวลาในระหว่างการบิน อีกทั้ง มันยังเป็นคลื่นที่มนุษย์ไม่สามารถได้ยินหรือรับรู้ได้อีกด้วย ทันทีที่คลื่นความถี่ต่ำกระทบกับสิ่งกีดขวาง มันก็จะทำการสะท้อนกลับไปยังสมองของค้างคาว ซึ่งนั่นสามารถทำให้ค้างคาวสามารถวิเคราะห์สิ่งที่อยู่รอบตัวได้ นอกจากนี้ หลังจากการวิเคราะห์คลื่นความถี่ของเสียงสะท้อน แอมพลิจูดและช่วงระยะสัญญาณแล้ว ค้างคาวก็จะสามารถรับรู้ได้ทันทีว่าพวกมันจะต้องบินไปทางไหนต่อ…
ระหว่างที่เหล่าอันธพาลทั้งสามสิบคนพุ่งเข้ามา เสี่ยวเฉิงก็ได้ทำการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของทั้งสามสิบคนผ่านการรับรู้จากสมองของตัวเองแล้ว ทั้งนี้ เขาจำเป็นต้องคิดแผนตอบโต้อย่างรวดเร็วที่สุด
ทันทีที่ได้รับผลสะท้อนกลับจากคลื่นความถี่ต่ำ เสี่ยวเฉิงก็พลันสามารถกำหนดลักษณะและตำแหน่งของอีกฝ่ายได้โดยพิจารณาจากแอมพลิจูด ความถี่และระยะห่างของเสียง
ทว่า เสี่ยวเฉิงในตอนนี้ก็ไม่รู้เลยว่าตัวเองจะต้องทำอย่างไรหากต้องเผชิญกับอันตรายและต้องวิเคราะห์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นไปพร้อมกัน ในตอนนั้นเอง เสี่ยวเฉิงก็พลันสังเกตว่าสายตาของตนเองนั้นสามารถจับความเคลื่อนไหวของอันธพาลทั้งสามสิบคนได้อย่างน่าเหลือเชื่อ กล่าวอีกนัยหนึ่ง เสี่ยวเฉิงนั้นสามารถกวาดสายตาและสอดส่องไปทั่วโกดังได้ราวกับมีดวงตาแห่งพระเจ้าเลย!
ในตอนนั้นเอง ทันทีที่ไม้เบสบอลถูกเหวี่ยงตรงมา ร่างกายของเสี่ยวเฉิงก็พลันก้มหลบได้ด้วยสัญชาตญาณตามผลสะท้อนกลับของคลื่นความถี่ หลังจากนั้นเพียงเสี้ยววินาที อันธพาลสองคนก็พุ่งตรงมาพร้อมกับฟาดชะแลงเหล็กไปข้างหน้า แต่ทว่า เสี่ยวเฉิงเองก็เอียงตัวหลบได้อย่างง่ายดาย
ท้ายที่สุดแล้ว เสี่ยวเฉิงก็พลันเข้าใจสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับตัวเองได้โดยไม่รู้ตัว ทั้งนี้ ร่างกายของเสี่ยวเฉิงก็กลับมีปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็วไม่น้อย ทั้งหมดนั้นมาจากสัญชาตญาณตามผลสะท้อนกลับของคลื่นความถี่ โดยพื้นฐานแล้ว สมองของเสี่ยวเฉิงจะจับการเคลื่อนไหวทั้งหมดของทุกคนรอบกายไปพร้อมกับควบคุมร่างกายผ่านสัญชาตญาณเพื่อการโต้กลับได้
แต่ทว่า เสี่ยวเฉิงเองก็ไม่รู้ตัวเลยว่าสิ่งที่ตนได้ยินนั้นแท้จริงแล้วคือหลักการในการระบุตำแหน่งที่ค้างคาวใช้
ถึงกระนั้น อีกฝ่ายก็พลันคาดไม่ถึงที่เห็นว่าเสี่ยวเฉิงสามารถหลบการเข้าจู่โจมระลอกแรกได้อย่างง่ายดาย ทันทีที่เสี่ยวเฉิงเข้าใจและสามารถเรียนรู้ที่จะควบคุมผลจากการสะท้อนของคลื่นเสี่ยงแล้ว การเคลื่อนไหวของเขาก็ดูจะพริ้วไหวมากขึ้นกว่าเดิม
สำหรับคราวนี้ ถึงเวลาที่เสี่ยวเฉิงจะตอบโต้กลับบ้างแล้ว นอกจากนี้ ประสาทสัมผัสของเสี่ยวเฉิงก็พลันขยายขอบเขตไปกว้างกว่าเดิมเพื่อตรวจจับและวิเคราะห์การเคลื่อนไหวทั้งหมดของอีกฝ่าย
ในตอนนั้นเอง ระหว่างที่ชายสองคนยกไม้เบสบอลขึ้นและกำลังจะวิ่งเข้ามา เสี่ยวเฉิงก็พุ่งไปโผล่อยู่ตรงหน้าของทั้งคู่แล้ว เขารีบคว้ามือของชายทั้งสองพร้อมจบศีรษะของทั้งคู่โขกใส่กันเต็มแรง หลังจากนั้น เสี่ยวเฉิงก็พลันซัดหมัดไปยังกลางอกของทั้งสองพร้อมส่งพวกเขาลอยกระเด็นออกไป ด้วยกำลังแขนสุดน่ากลัวของเสี่ยวเฉิง ชายทั้งสองมีความรู้สึกราวกับตัวเองถูกรถสิบล้อชน ใบหน้าของพวกเขาไถลลากไปกับพื้นจนฟันหน้าพลันหลุดออกไปทั้งสองซี่
ไม่ช้า เสี่ยวเฉิงก็พลันย่อตัวลงพร้อมกับพุ่งเข้าไปสกัดขาอันธพาลทั้งเก้าคนที่ยืนอยู่รอบตัว ทันใดนั้น ทั้งเก้าก็พลันรู้สึกราวกับข้อเท้าของตนถูกตีเข้ากับท่อเหล็กแข็งอย่างไร้ความปรานี ทุกคนพลันล้มลงและกรีดร้องออกมาอย่างน่าเวทนา
ไม่ว่าจะเป็นท่อเหล็ก มีดสั้นหรือไม้เบสบอล… ทั้งหมดล้วนหล่นลงพื้นทันใด
ทว่า เสี่ยวเฉิงไม่ได้เลือกที่จะก้มไปหยิบมีดสั้นขึ้นมา สิ่งที่เขาหยิบขึ้นมานั้นคือท่อเหล็กยาวต่างหาก ทันทีที่เงยหน้าขึ้น เสี่ยวเฉิงก็พลันโยนท่อเหล็กไปมาระหว่างสองมือและพุ่งเข้าไปหาอีกฝ่าย เขาพลันฟาดท่อเหล็กไปยังกลางท้อง หน้าอก ข้อต่อขาและทั่วทั้งร่างกายของอีกฝ่ายจนพวกเขาต้องร้องโอดครวญออกมาด้วยความเจ็บปวด
นอกจากนี้ เสียงท่อเหล็กที่กระทบกันนั้นก็ทำให้เสี่ยวเฉิงมีความสุขไม่น้อย
อันที่จริง ในระหว่างที่กำลังไล่ซัดอีกฝ่าย เสี่ยวเฉิงไม่แม้แต่จะกระพริบตาเลยด้วยซ้ำ มันให้ความรู้สึกราวกับเขามองอันธพาลทั้งสามสิบคนเป็นเพียงแค่เศษขยะไร้ค่า