ราชันย์หน่วยรบมังกร - ตอนที่ 71.1
ตอนที่ 71: ฉันจะจับหมอนั่นมาเป็นแฟนให้ได้เลย
ปรมาจารย์หยานเริ่มสัมผัสได้ถึงความเหนื่อยล้า ทั้งเหงื่อออกและหอบหนัก ไม่นานนัก เขาก็พลันมองไปยังเสี่ยวเฉิง ซึ่งอยู่ในสภาพเดิมทุกอย่าง
ทว่า ปรมาจารย์หยานก็พลันกล่าวคำพูดสุดประชดประชันขึ้น “ทำไมเอาแต่หลบล่ะ? ไม่คิดจะพุ่งเข้ามาเลยรึยังไง? นายก็คงกลัวตายเหมือนกันสินะ ถ้างั้นจะยอมรับคำเชิญแลกชีวิตทำไมกัน?”
ทว่า สมาชิกคนหนึ่งของแก๊งเต่าดำที่นั่งอยู่ข้างสนามก็พลันลุกและตะโกนเสียงดังออกมา “ไอ้ขี้ขลาด! หลบเป็นอย่างเดียวหรือยังไงกัน? ถ้าทำได้แค่นี้ ก็ออกไปจากที่นี่เถอะ! ให้ตายสิ! ทำตัวเหมือนพวกปอดแหกเลย”
“ใช่! หมอนั่นคงจะกลัวถูกนายท่านฆ่าตายมากกว่า! นั่นแหละคือเหตุว่าทำไมมันถึงเอาแต่หลบการโจมตีอยู่แบบนั้น” ชายอีกคนพลันตะโกนขึ้นมาเช่นกัน
ปรมาจารย์หยานพลันมองไปยังเสี่ยวเฉิงและเผยยิ้ม “ได้ยินไหมล่ะ? ถ้าฉันเป็นนายแล้วถูกผู้คนมากมายพูดจาดูถูกอะไรแบบนี้ใส่ ฉันก็คงจะต้องพิสูจน์ตัวเองแล้วแหละ”
ทว่า เสี่ยวเฉิงดูจะไม่โกรธหรือกังวลอะไรเลยแม้แต่น้อย “นี่ผมยังไม่ได้พิสูจน์ตัวเองหรือยังไงกัน? อันที่จริง มีสักกี่คนกันล่ะที่หลบการโจมตีของคุณได้นานขนาดนี้? ผมว่าทั้งการตอบสนองแล้วก็เทคนิคที่ผมเพิ่งจะใช้ไปต่างก็เป็นข้อพิสูจน์ของทุกอย่างแล้วนะ”
“แล้วไงล่ะ? นายวางแผนที่จะชนะด้วยการหลบอย่างเดียวงั้นรึ?” ปรมาจารย์หยานพลันถามขึ้นด้วยความดูถูก
“แน่นอนว่าไม่” เสี่ยวเฉิงเผยยิ้มและหรี่ตา “อันที่จริง สิ่งที่ผมทำไปทั้งหมดก็คือการประเมินว่าคุณสามารถทำอะไรได้บ้าง ยังไงก็เถอะ คุณอยากให้ผมเริ่มโจมตีตอนนี้เลยไหมล่ะ?”
“ถ้าคิดว่าทำได้ ก็เอาสิ!” ปรมาจารย์หยานพลันจ้องมอง “ย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน ผู้คนนับร้อยนับพันต่างก็ต้องการที่จะปลิดชีพฉัน… แต่มีกี่คนกันล่ะที่ทำสำเร็จ? เพราะฉันเองก็ยังคงยืนอยู่ตรงนี้อยู่เลย!”
“ก็นั่นมันก่อนที่คุณจะเจอผม…” เสี่ยวเฉิงพลันกล่าวด้วยท่าทีสุดเฉยเมย เขาพลันกำหมัดแน่น ในคราวนี้ เขาจะเป็นฝ่ายโจมตีบ้างแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแกร่งหรือรูปแบบการโจมตีของคู่ต่อสู้ เสี่ยวเฉิงก็พลันคุ้นเคยมาหมดแล้ว
ทันทีที่ปรมาจารย์หยานเห็นเสี่ยวเฉิงกำลังจะพุ่งเข้าใส่ เขาก็พลันเผยยิ้มที่มุมปาก “ตลกจังเลยนะ!”
หากแต่ละท่วงท่าของปรมาจารย์หยานถูกใช้เป็นหน่วยวัด ท่วงท่าของเสี่ยวเฉิงก็รวดเร็วกว่าประมาณห้าเท่า ความเร็วดังกล่าวนั้นน่าตกใจไม่น้อย มันแทบจะทำให้ปรมาจารย์หยานตกตะลึงไปเลยด้วยซ้ำ แต่ทว่า ภายในเสี้ยววินาที หมัดของเสี่ยวเฉิงก็พลันพุ่งตรงเข้ามา ปรมาจารย์หยานพลันต้องการที่จะใช้สองฝ่ามือประกบพร้อมกับหักข้อมือของเสี่ยวเฉิงเสีย แต่ทว่า เขาคิดผิด มันเป็นความคิดที่ผิดมหันต์ ถึงอย่างไร ระหว่างที่กำปั้นของเสี่ยวเฉิงสัมผัสกับฝ่ามือของปรมาจารย์หยาน พละกำลังสุดทรงพลังก็พลันสร้างแรงสั่นสะเทือนเข้าไปถึงยันเส้นเลือดและกระดูกของเขาโดยตรง นอกจากนี้ กล้ามเนื้อของปรมาจารย์หยานก็พลันเกิดอาการชาขึ้นมาในทันที ความรู้สึกมึนงงถูกส่งต่อไปยังสมองจนทำให้เกือบจะหมดสติ แขนทั้งสองข้างที่ปรมาจารย์หยานยื่นออกมานั้นสูญเสียความรู้สึกไปแล้ว ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วโดยที่เขาแทบจะไม่ทันได้ตั้งตัวเลยด้วยซ้ำ
นอกจากนี้ พละกำลังอันทรงพลังของเสี่ยวเฉิงก็พลันส่งผลักร่างของปรมาจารย์หยานถอยออกไปอีกหลายก้าว
แต่ทว่า ระหว่างที่อาการชาของแขนทั้งสองข้างกำลังจะหายไป ความรู้สึกสุดเจ็บปวดก็พลันถาโถมเข้ามาแทน นั่นเป็นเพราะแขนทั้งข้างหนึ่งของเขาหักไปแล้ว!
“อ๊าก!”
ปรมาจารย์หยานพลันรู้สึกว่าตนแทบจะยกแขนไม่ขึ้นเลยด้วยซ้ำ เขาพลันย่อตัวลงไปคุกเข่าและเริ่มกรีดร้องคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด
ในตอนนั้นเอง ทุกคนรอบสนามกีฬาก็พลันลุกขึ้นจากที่นั่งทันทีด้วยความสับสนว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่…
หากมีใครสักคนถ่ายคลิปที่เป็นแบบสโลว์โมชั่นเอาไว้ เขาคนนั้นก็จะต้องได้เห็นฉากนองเลือดในระหว่างที่ปรมาจารย์หยานประกบหมัดของเสี่ยวเฉิงเอาไว้อย่างแน่นอน ถึงอย่างไร กระดูกที่หักก็เกือบจะทะลุผิวหนังออกมาอยู่แล้วด้วย
ปรมาจารย์หยานพลันอ้าปากค้าง
ไอ้เด็กเหลือขอนี่มันมีพละกำลังขนาดนี้ได้ยังไงกัน?
ชุดศิลปะการต่อสู้ทั้งหมดของเขาเปื้อนไปด้วยเลือด ทุกคนที่นั่งอยู่รอบสนามก็สามารถบอกได้เลยว่าเขาต้องรู้สึกเจ็บปวดไม่น้อยแน่
ทั้งหยานเหว่ยและอู๋ห่าวต่างก็หรี่ตาลงทันทีที่เห็นเช่นนั้น ไม่นานนัก หยานเหว่ยก็พลันกล่าวคำถามขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัว “ตอนที่หมอนั่นซัดหมัดเข้าไปที่กลางท้อง… นายรู้สึกยังไงกัน?”
อู๋ห่าวพลันอธิบายอย่างเรียบง่าย “ฉันเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกัน ตอนนั้น… ฉันรู้สึกเหมือนกับทั้งร่างกำลังแหลกสลายเลยล่ะ ฉันแทบอยากจะตายไปเสียด้วยซ้ำ”