ราชันย์หน่วยรบมังกร - ตอนที่ 79.2
ราชันย์หน่วยรบมังกร ตอนที่ 79: จุดเริ่มต้นสุดเลวร้าย 2
เสี่ยวเฉิงเห็นว่าผู้ชายคนนี้กําลังเปลี่ยนจากชุดลําลองเป็นชุดของโรงพยาบาลโดยมีปืนซ่อนไว้ ที่ข้อเท้า
เสี่ยวเฉิงกล่าวคําพูดโดยไม่รู้ตัว “พวกมันมากันแล้ว”
ทั้งหรานจิงและเป็นเหยาต่างก็ถามขึ้นพร้อมกัน “นายกําลังพูดถึงอะไรน่ะ?”
“ฉันพูดว่า พวกนักฆ่าอยู่ที่นี่แล้ว!” เสี่ยวเฉิงพลันกระพริบตาสองครั้งและปลดเปลื้องดวงตาเอ็กซ์เรย์ของตนเอง เขาหันไปทางหรานจิงและกล่าวคําพูดอย่างมั่นใจ “ส่งคนของเธอไปที่หลังคาเดี๋ยวนี้เลย มีชายคนหนึ่งอายุประมาณสามสิบอยู่ข้างบน เขาสวมชุดของโรงพยาบาลพร้อมป้ายหมายเลข L028. บอกคนของเธอด้วยว่าเขามีปืนซ่อนเอาไว้อยู่ที่ข้อเท้า หมอนั่นต้องเป็นนักฆ่ามืออาชีพแน่!”
หรานจงพลันเงียบไปชั่วครู่ เธอไม่ได้ตอบสนองต่อสิ่งที่เสี่ยวเฉิงเพิ่งจะพูดออกมาเมื่อครู่เลย “เดี๋ยวก่อน… นายว่ายังไงนะ?”
เสี่ยวเฉิงพลันกล่าวคําพูดออกมาทันที “รีบบอกคนของเธอให้สกัดเขาไว้เดี๋ยวนี้เลย! ตอนนี้หมอนั่นกําลังเดินลงบันไดมาแล้ว เร็วเข้า!”
เมื่อเห็นว่าเสี่ยวเฉิงไม่ได้ล้อเล่น หรานจิงจึงหยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมาและออกคําสั่งกับทีมลาดตระเวนทันที “อาบิง! พาเจ้าหน้าที่สามคนที่เก่งเรื่องการต่อสู้ระยะประชิดขึ้นไปบนหลังคาเดี่ยวนี้เลย! ใช้บันไดแทนลิฟต์ด้วยนะ ถ้าพบเห็นชายอายุประมาณสามสิบปีที่มีป้าย L028 ติดอยู่ให้ตรวจดูทันทีว่าเขาซ่อนปืนไว้ที่ข้อเท้าหรือเปล่า! ถ้าใช่ ก็จับตัวหมอนั่นเอาไว้เลย! เร็วเข้า!”
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น อาบึงก็พาสหายสามคนวิ่งขึ้นบันไดไปทันที ระหว่างที่ทั้งสี่กําลัง จะขึ้นไปบนหลังคาพวกเขาเห็นชายคนหนึ่งในเครื่องแบบโรงพยาบาลกําลังเดินลงมา
เมื่อชายคนนั้นเห็นคนสี่คนกําลังวิ่งขึ้นมา เขาก็รู้สึกลังเลไปชั่วครู่อย่างเห็นได้ชัด แต่แล้วเขาก็กลับทําตัวสงบลง นั่นเป็นเพราะอาบิงและสหายอีกสามคนไม่ได้อยู่ในเครื่องแบบตํารวจ นอก จากนี้ นักฆ่าเองก็ไม่อยากจะทําตัวเป็นเป้าสายตามากเกินไป เพราะแบบนั้น เขาจึงทําตัวสบาย ๆ และเดินผ่านทั้งสี่คนไป
ทว่า อาบังกลับสังเกตเห็นหมายเลขป้ายบนหน้าอกของอีกฝ่ายระหว่างที่ทั้งสองเดินผ่านกันมันเป็นตัวเลขเดียวกับที่หัวหน้าหรานจึงบอกเอาไว้ก่อนหน้านี้!
“เดี๋ยวก่อน!” อาบิงและคนอื่นหันกลับมาและพยายามที่จะหยุดคนร้ายเอาไว้
ระหว่างที่กําลังหันหลังให้กับตํารวจทั้งสี่คน คนร้ายก็นิ่งไปชั่วครู่ มือของเขาพลันค่อยๆขดเป็นกําปั้น ถึงกระนั้น อีกฝ่ายก็ยังคงหันกลับมาอย่างสงบและกล่าวคําพูดราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น “มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ?”
เจ้าหน้าที่ตํารวจอาชญากรหยิบตราของตนออกมาและพูดขึ้น “พวกเราคือเจ้าหน้าที่ตํารวจ! พวกเราขอค้นร่างกายคุณหน่อยได้ไหม?”
ดวงตาของคนร้ายหรี่ลง
ทันทีที่เห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของคนร้าย อาบึงก็รีบชักปืนออกมาตามสัญชาตญาณทันที
ทันทีที่เห็นตํารวจยกปืนออกมา คนร้ายก็รับรู้ได้ทันทีว่าเขาไม่สามารถจัดการกับตํารวจทั้งสี่ด้วยตัวคนเดียวได้แน่ เขาเพียงแค่ต้องเอาชนะตํารวจตรงหน้าด้วยไหวพริบเท่านั้น “แล้วพวกคุณมีสิทธิ์อะไรมาค้นร่างกายของผมล่ะ? ผมทําผิดกฏอะไรหรือเปล่า? ผมคิดว่าตํารวจคงจะไม่สามารถค้นตัวคนอื่นได้ตามที่ต้องการตลอดเวลาหรอกใช่ไหม? อีกอย่าง พวกคุณเองก็ไม่ได้อยู่ในเครื่องแบบ ผมจะไปรู้ได้ยังไงกันว่าพวกคุณเป็นตํารวจจริงหรือเปล่า?”
อาบึงพลันจําได้ว่าหัวหน้าหรานรันบอกว่าปืนอยู่ที่ข้อเท้าของคนร้าย เขาเดิน เข้าไปใกล้และกล่าวคําพูดออกมา “ก็ได้ งั้นเราจะไม่ค้นตัวคุณ”
คนร้ายพลันถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ทว่า ใครจะไปรู้ล่ะว่าอาบิงจะเตะคนร้ายเข้าที่ขา! อาบึงรู้สึกได้ทันทีว่ามีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่ เขารีบชี้ปืนไปยังหัวของคนร้ายและเตือนว่าอย่าทําอะไรผลีผลาม “คุณซ่อนอะไรไว้ที่ข้อเท้าน่ะ?”
ทันใดนั้น เจ้าหน้าที่คนอื่นก็วิ่งเข้าไปคุมตัวคนร้ายพร้อมกับยกขากางเกงของเขาขึ้นทันที ทั้งสี่พลันเห็นว่ามีปืนพกสีดําพร้อมตัวเก็บเสียงซ่อนอยู่
“หัวหน้าหรานจึงพูดถูกจริงด้วย หมอนี่เป็นนักฆ่า มันมีทั้งปืนและเครื่องเก็บเสียง” ไม่ นานนักอาบึงก็รีบวิทยุไปรายงานหัวหน้าหรานจึง
ทันใดนั้นดวงตาของหรานจิงก็พลันเบิกกว้างขึ้นและมองไปยังเสี่ยวเฉิง