ราชันย์หน่วยรบมังกร - ตอนที่ 91.1
ตอนที่ 91: เด็กคนนี้เปลี่ยนไปแล้ว
เตเบซในตอนนี้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องไปหานักบัญชีเพื่อเบิกเงินสดเพิ่ม
ทว่า ในครั้งนี้ นักบัญชีคนนั้นก็พลันกล่าวคําพูดอย่างตรงไปตรงมา “แต่ครั้งนี้คุณท่านต้องเจียดเงินจากหุ้นเพื่อมาแลกเป็นเงินสดแล้วนะครับ ไม่งั้นผมคงทําธุรกรรมอะไรให้คุณไม่ได้”
เตเบซพลันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ถึงกระนั้น เตเบซก็ยังคิดว่าเขาจะชนะเสี่ยวเฉิงได้อยู่ดี ดังนั้น ถ้าชนะพนัน เขาก็จะสามารถหาเงินใส่กลับเข้าไปในพอร์ตหุ้นได้เช่นเดิม
หลังจากลงนามในเอกสารหุ้นแล้ว เตเบซก็ยื่นชิปมูลค่าสี่สิบล้านหยวนให้กับทิม จากนั้น ทิมก็ผลักชิปทั้งหมดไปกลางโต๊ะพร้อมกล่าวคําพูด “ผมขอเปิดไพ่”
หลังจากนั้น เสี่ยวเฉิงก็แสร้งทําเป็นค่อยๆ ยกมือขึ้นเพื่อดูไพ่ อันที่จริง เสี่ยวเฉิงเองก็รู้ผลอยู่แล้ว ถึงอย่างไร เห็นได้ชัดว่าไพ่เบอร์เรียงบนมือของทิมนั้นต่ํากว่าไพ่เบอร์ตองในมือของเสี่ยวเฉิง นั่นเป็นเหตุผลที่เสี่ยวเฉิงแนะนําให้ทุกคนเล่นพนันแบบปิดตาตั้งแต่แรก
หลินจื้อซือมองไปยังเสี่ยวเฉิงอย่างกังวลใจ อันที่จริง ทันทีที่ทิมหงายไพ่ เธอก็พลันรู้สึกว่าโอกาสที่เสี่ยวเฉิงจะชนะคงมีไม่มากนัก แต่ทว่า ท้ายที่สุดแล้ว คู่ต่อสู้ของเสี่ยวเฉิงก็มีแค่ไพ่เบอร์เรียงบนมือ อีกทั้ง ในตอนนี้ยังไม่มีใครมั่นใจในไพ่บนมือของตัวเองเลยด้วย
ทันทีที่เห็นว่าเสี่ยวเฉิงจ้องมองมือตัวเองอยู่นาน เตเบซก็พลันคิดว่าเขาจะต้องรู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่แน่ และทันใดนั้น เตเบซก็พลันหัวเราะออกมาทันที ”บอกแล้วว่าอย่าโผงผาง ความเสี่ยงนายตอนนี้สูงมากเลยนะ อุตส่าห์ทํางานหนักมาตั้งนานกว่าจะหาเงินได้ขนาดนี้ ถ้าหมดตัวขึ้นมา นายจะยืมเงินจากภรรยาของตัวเองหรือยังไงกัน?”
“งั้นนายก็ชนะพนันให้ได้ก่อนสิ” เสี่ยวเฉิงเผยยิ้ม จากนั้น เขาก็เริ่มพลิกไพ่ในมือทีละใบ
ทว่า ทันทีที่ไพ่ทั้งสามถูกพลิกลงบนโต๊ะ เสี่ยวเฉิงก็พลันเผยยิ้มอย่างสดใสออกมา ซึ่งต่างกับใบหน้าของทิมและเตเบซที่แปรเปลี่ยนเป็นบึ้งตึง
ในตอนนั้นเอง ทันทีที่หลินเหล่ยเดินเข้ามาและเห็นชิปกองใหญ่อยู่ตรงกลางโต๊ะ เสี่ยวเฉิงก็พลันกล่าวคําพูดกับเขาทันที “เหล่ย…. ไปหาถุงใบใหญ่มาโกยซิปพวกนี้ได้เลย เดี๋ยววันนี้พี่เขยนายจะพาออกไปจากที่นี่เอง!”
หลินเหล่ยเริ่มหัวเราะคิกคัก จากนั้น เขาก็วิ่งไปหยิบถุงใบใหญ่มาพร้อมกับรีบโกยชิปทั้งหมดบนโต๊ะ ไม่นานนัก หลินจื้อซือก็พลันถอนหายใจด้วยความโล่งอก ถ้าเสี่ยวเฉิงแพ้ เขาจะต้องเสียเงินหลายสิบล้านหยวนแน่ แต่ทว่า ตอนนี้ชิปที่กองอยู่บนโต๊ะนั้นมีมากกว่าหนึ่งร้อยล้านหยวน… ทุกคนรอบโต๊ะน่าจะเดาออกว่าเตเบซจะรู้สึกเจ็บใจและหน้าชาขนาดไหน
เตเบซทั้งเจ็บใจ หน้าชา และตัวแข็งทื่อ!
“ยังไงก็เถอะ…. นายไม่ต้องทําแบบนี้ก็ได้นะ เราเป็นแค่แขกของนาย นายไม่จําเป็นต้องมาเสียเงินเยอะขนาดนั้นให้แขกก็ได้ ไม่เป็นไรเลยพวก อันที่จริง ฉันก็แค่อยากรู้ว่านายจะรับมือกับความพ่ายแพ้ได้ไหม… อีกอย่าง ฉันเองก็ไม่ควรได้เงินของนายด้วย ไม่ต้องคิดมากหรอก เอาชิปของนายคืนไปเถอะ” เสี่ยวเฉิงมองไปยังเตเบซพร้อมเผยยิ้มกว้าง เขาจงใจล้อเลียนเตเบซอย่างแท้จริง
ในเวลานี้ ถ้าเตเบซต้องการเอาเงินคืนจริง ๆ เขาก็คงจะเสียหน้าและศักดิ์ศรีอย่างแน่นอน และเสี่ยวเฉิงก็เอาแต่ย้ํากับคําพูดที่ว่า “เขาจะรับมือกับความพ่ายแพ้ได้หรือไม่” ต่อหน้าพ่อของหลินจื้อซืออยู่ตลอดเวลา เพราะเหตุนั้น หากเตเบซขอเงินคืน เขาต้องไม่ต่างอะไรกับไอ้คนกระจอกขี้แพ้แน่
ให้ตายเถอะ!
เตเบซรู้สึกโกรธจัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ได้ยินคําดูถูกของเสี่ยวเฉิงเมื่อครู่ แม้ว่าภายในจะเจ็บปวดเกินบรรยาย แต่เตเบซก็ทําได้เพียงแค่กล่าวคําพูดออกมาราวกับมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร “มันแค่ร้อยกว่าล้านหยวนเอง นายก็พูดเกินไป คงไม่เคยเห็นเงินมากขนาดนี้มาก่อนนะ”
เสี่ยวเฉิงไม่ได้รู้สึกโกรธอะไรเลย เตเบซสามารถพูดอะไรก็ได้ที่เขาต้องการ เพราะท้ายที่สุดแล้ว เสี่ยวเฉิงก็เป็นคนได้รับเงินทั้งหมดอยู่ดี หลังจากนั้น เสี่ยวเฉิงก็หันไปกล่าวคําพูดกับพ่อและแม่ของหลินจื้อซือ “คุณพ่อ คุณแม่ครับ ระหว่างที่ยังอยู่ที่นี่ อยากไปเที่ยวไหนบ้างไหมครับ? หรืออยากได้อะไรเป็นพิเศษไหม? ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินนะครับ บอกผมมาได้เลย”
หลินกุ้ยเหรินและและภรรยาพลันเผยยิ้ม
“ผู้ชายคนนี้” หลินจื้อซือเผยยิ้มและมองไปยังเสี่ยวเฉิง เธอรู้ดีว่าเสี่ยวเฉิงแค่พยายามจะเยาะเย้ยเตเบซ
ทันทีที่คุณแม่หลินรู้ว่าเสี่ยวเฉิงดวงดีจนได้เงินพนันมามากขนาดนี้ เธอก็พลันกลัวว่าถ้าเสี่ยวเฉิงเล่นอีกแล้วจะเสีย เพราะแบบนั้น คุณแม่หลินจึงรีบกล่าวคําพูดออกมาทันที “พอแค่นี้ก่อนก็ได้นะลูก เราจะกลับกันหรือยังล่ะ?”
เตเบซในตอนนี้พลันรู้สึกประหม่า “ทําไมไม่อยู่ต่ออีกสักหน่อยล่ะครับ?”
บัดซบ! อุตส่าห์แบ่งเงินจํานวนหนึ่งออกมาจากหุ้นแล้วแท้ ๆ ถ้าเกิดไม่ได้เงินจํานวนนั้นคืนขึ้นมา เราจะไปอธิบายให้พ่อกับแม่ฟังยังไงกันล่ะเนี่ย?
เตเบซได้รับเงินจํานวนสี่สิบล้านนั่นหลังจากที่วางหุ้น 1.4% เป็นหลักทรัพย์ประกัน และในตอนนี้ เขาเหลือหุ้นเพียง 18.6% เท่านั้น อันที่จริง เตเบซต้องหาเงินสี่สิบล้านกลับมาใส่คืนในหุ้นทันที มิฉะนั้น หากผู้ถือหุ้นรายอื่นรู้เรื่องนี้เข้า พวกเขาก็คงแย่งกันจ่ายเงินสี่สิบล้านหยวนเพื่อยึดหุ้น 1.4% นั้นโดยไม่ลังเลแน่นอน
หากเรื่องนั้นเกิดขึ้น อิทธิพลของเตเบซในบอร์ดบริหารจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงแน่นอนอีกทั้ง คนในตระกูลของเขาจะต้องหัวร้อนไม่น้อยแน่ พวกเขาอุตส่าห์ส่งลูกชายมาเพื่อบริหารคาสิโน แต่เขากลับดึงเงินจากหุ้นมาเล่นการพนัน แน่นอน เตเบซโดนยําเละแน่!
“ดูสิ คุณลุงยังเหมือนไม่สนุกเลย อยู่ต่อกันอีกสักหน่อยไหมล่ะครับ?” เตเบซพยายามพูดอย่างกังวลใจ
เสี่ยวเฉิงพลันมองดูนาฬิกาข้อมือและพูดขึ้น “ได้เวลาทานข้าวแล้วทุกคน เราไปหาร้านอาหารอร่อย ๆ กันก่อนเถอะ แล้วก็คุณเตเบซ. ถ้าคุณรู้ตัวว่าตัวเองเสียเงินมากไปจนอธิบายให้พ่อกับแม่ฟังไม่ได้ ผมยอมคืนเงินให้คุณก็ได้นะ”
เอาสิ มาเอาเงินคืนไปเลย ไม่เยอะหรอกน่า แค่ร้อยสองร้อยล้านหยวนเอง ตอนแรกนายมองฉันเป็นเหมือนพวกคนจรจัดน่ารังเกียจไม่ใช่หรือยังไงกัน? แต่ตอนนี้ ชายจรจัดคนนี้กําลังให้เงินนายตั้งสองร้อยล้านด้วยความสงสารเลยนะ เพราะแบบนั้น มาคุกเข่าต่อหน้าฉันสิ!