ราชันย์หน่วยรบมังกร - ตอนที่ 93.1
ตอนที่ 93: ถ้าอยากโดดนัก ก็หาตึกที่มันสูงกว่านี้หน่อยสิ
ทิมเป็นมืออาชีพที่เตเบซชักชวนมาจากเวกัส อีกทั้ง เขาก็สามารถนับได้ว่าเป็นมือขวา ของเตเบซเลยก็ว่าได้ด้วยเหตุนั้น เตเบซมักจะพินิจพิจารณาทุกคําพูดของทิมอยู่เสมอ
ไม่นานหลังจากนั้น หลินจื้อซือก็กลับมา เนื่องจากมันเป็นจํานวนเงินที่มหาศาลเกินไป เธอจึงกลับพร้อมกับกระเป๋าเดินทางที่เต็มไปด้วยชิป หลินจื้อซือไม่ได้พูดอะไรออกมาเลย เธอเพียงแค่เดินไปแลกเงินสดสองร้อยล้านที่มีอยู่เท่านั้น
ระหว่างที่หลินจื้อซือเดินกลับมา หลินเหล่ยก็พลันสัมผัสได้ถึงความรักที่พี่สาวของตนมีต่อเสี่ยวเฉิง ราวกับว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย
อันที่จริง เสี่ยวเฉิงเองก็รู้สึกตกใจเล็กน้อยที่หลินจือซือเดินไปแลกชิปมูลค่าสองร้อยล้านหยวนให้ตน โดยไม่แม้แต่จะแสดงความรู้สึกลังเลออกมาเลย
เสี่ยวเฉิงในตอนนี้พลันตกอยู่ในภวังค์เล็กน้อยระหว่างที่มองไปยังหลินจื้อซือ ไม่นานนัก เขาพลันถอนหายใจ มันผิดที่ฉันเองใช่ไหม… ที่ดื้อรั้นเอาแต่จมปลักอยู่กับอดีต? ความรู้สึกระหว่างเราสองยังคงเหมือนเดิมใช่ไหม? ดูเหมือนว่าเธอจะเชื่อใจฉันทุกเรื่องเลย
“ทําไมมองฉันแบบนั้นล่ะ? ฉันไม่ได้บอกว่าจะให้นายยืมฟรี ๆ สักหน่อย เพราะถ้าแพ้รอบนี้นายก็ต้องหามาคืนฉันให้หมดด้วย” หลินจื้อซือพลันเผยหน้าแดงออกมาทันทีที่เห็นว่าเสี่ยวเฉิงจ้องมองมา
และในตอนนี้ เตเบซก็ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว!
ไอ้บัดซบ! ถ้าไม่มีเสี่ยวเฉิง บางที เตเบซก็อาจจะเป็นผู้ชายที่เหมาะสมกับหลินจือซือมากที่สุด ในมหาวิทยาลัยเลยก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแสดงดนตรีหรือการจัดคอนเสิร์ต เตเบซคงยอมทําทุกอย่างเพื่อที่จะได้ขึ้นไปยืนอยู่เคียงข้างหลินจื้อซือ แต่ใครจะไปรู้ล่ะว่าจู่ ๆ เธอจะลาออกจากมหาวิทยาลัยไปโดยไม่มีแม้แต่คําบอกลา หลังจากสืบตามหาความจริงทุกอย่าง เตเบซก็ได้รับรู้ว่าหลินจื้อซือออกจากประเทศบ้านเกิดของตัวเองเพื่อไปอยู่ที่เมืองฮัวเซียและกลายเป็นคนดัง ในตอนแรก เตเบซค่อนข้างสับสนว่าทําไมหลินจื้อซือถึงกลายเป็นดาราได้ ไม่นานนัก เขาก็รู้มาว่าตระกูลหลินเป็นถึงหุ้นส่วนใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังบริษัทในวงการบันเทิง แต่ทว่า หลังจากนั้นไม่นาน พวกหนุ่มหล่อจากราชวงศ์ชนชั้นสูงของอังกฤษก็รู้เรื่องเข้า และสิ่งที่ทําให้ชายเหล่านั้นไม่พอใจก็คือการแต่งงานของหลินจื้อซือ ดูเหมือนว่าตระกูลหลินจะจัดให้หลินจื้อซือแต่งงานกับกับเด็กบุญธรรมที่ชื่อว่าเสี่ยวเฉิง และปล่อยให้เธอตามเขากลับไปที่เมืองฮัวเซีย เตเบซรู้สึกมั่นใจมากว่าถ้าเสี่ยวเฉิงกล้าที่จะกลับไปยังประเทศอังกฤษ เขาจะต้องถูกพวกหนุ่มหล่อจากวงศ์ตระกูลชั้นสูงที่ชื่นชอบหลินจื้อซือเล่นงานจนตายแน่..
ระหว่างที่นับชิปเสร็จ เสี่ยวเฉิงก็ผลักชิปมูลค่าหนึ่งร้อยห้าสิบล้านหยวนไปที่กลางโต๊ะพร้อมกับกล่าวคําพูด “ฉันขอเพิ่มเงินเดิมพันและยังไม่เปิดไฟ! ส่วนนายอยากเปิดหรือคว่ําทิ้งล่ะ?”
“ยิ่งนายอวดดีแบบนี้มากเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งมั่นใจว่านายคงไม่มีคอมโบไฟดี ๆ ในมือแน่ และถ้านายยังกล้าเล่นแบบนี้อยู่ ฉันก็จะจัดให้ แล้วถ้านายแพ้จนหมดตัว ก็อย่ามาคุกเข่าอ้อนวอนหรือบีบน้ําตาให้ฉันเห็นก็แล้วกัน!” เตเบซพลันจ้องมองไปยังเสี่ยวเฉิง
“สําหรับตอนนี้ คงไม่มีใครเอาฉันลงแล้วแหละมั้ง” เสี่ยวเฉิงพลันกล่าวคําพูดพร้อมกับเผยสีหน้าสุดเย็นชา “อีกอย่าง แล้วยังมีเงินสู้ต่ออยู่ไหมล่ะ? เพราะถ้านายอยากเปิดไพ่และจบรอบ นายก็ต้องเพิ่มเงินอย่างน้อยสามร้อยล้านหยวน”
“อย่ามาถามฉันเลยว่ามีเงินพอไหม นายถามตัวเองก่อนเถอะว่าตอนนี้เหลือเงินอยู่เท่าไหร่?” เตเบซพลันรู้สึกโมโหไม่น้อยที่เสี่ยวเฉิงเอาแต่ถามว่าเขาในตอนนี้เหลือเงินอยู่เท่าไหร่ มันเป็นการดูถูกเหยียดหยามที่ทําให้เตเบซไม่สบอารมณ์เลย
“ฉันคงมีไม่เยอะเท่านายหรอก แต่เมื่อไหร่ที่ฉันต้องการเงินก็เป็นเพียงแค่ตัวเลขเท่านั้นแหละ” เสี่ยวเฉิงพลันตอบกลับ ในตอนนี้ เสี่ยวเฉิงเพียงแค่ต้องการเวลาเข้าใจร่างกายใหม่ของตัวเองก็เท่านั้น เพราะมันจะเป็นสิ่งที่ทําให้คนทั้งโลกต้องตกตะลึง! และแน่นอน เสี่ยวเฉิงก็จะกลับไปสมัครเข้าร่วมหน่วยรบมังกรอีกครั้งด้วย!
สําหรับประเทศอังกฤษ สถานที่ซึ่งนําพามาด้วยหัวใจที่แหลกสลาย เสี่ยวเฉิงเองก็จะกลับไปที่นั่นเช่นกัน และวันที่ได้กลับไปยังประเทศนั้น มันก็จะเป็นวันที่เสี่ยวเฉิงจะประกาศกร้าวต่อสาธารณชนว่าตนเป็นสามีของหลินจื้อซือ อีกทั้งเสี่ยวเฉิงจะประกาศกร้าวบอกกับชายหนุ่มทุกคนที่ต้องการหลินจื้อซือด้วยว่ามีเพียงแค่ตนเท่านั้นที่มีความสามารถและคุณสมบัติคู่ควรที่จะแต่งงานกับหลินจื้อซือ!
และสําหรับตระกูลเย่ว์ การเรียกร้องคําขอโทษจากพวกเขาเรื่องที่พ่อตายจะไม่เป็นเป็นอุปสรรคใหญ่สําหรับเสี่ยวเฉิงอีกต่อไป นี่ถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเสี่ยวเฉิง ทั้งหมดไม่ใช่แค่เพื่อพ่อของเสี่ยวเฉิงเท่านั้น แต่มันเพื่อศักดิ์ศรีของเขาเองด้วย!
“ขี้อวดจังเลยนะ คนอย่างนายกล้าพูดออกมาด้วยเหรอว่าเงินก็เป็นแค่ตัวเลขนะ? คิดไม่ออกเลยจริง ๆ ว่านายไปเอาความมั่นใจแบบนั้นมาจากไหน” เตเบซพลันหัวเราะ
“ส่วนนายก็พูดไม่หยุดเลยนะ แค่ตอบมาคําเดียว… สู้หรือคว่ํา? ถ้านายกล้าเล่นต่อ ฉันก็จะโชว์ให้เห็นเองแหละว่าการหาเงินมันง่ายขนาดไหน!” เสี่ยวเฉิงรู้สึกหมดความอดทน เขาพลัยเผยท่าทีสุดน่าเกรงขามออกมา
เตเบซพลันกัดฟันและหันไปกล่าวคําพูดกับนักบัญชีข้างกาย “ไปเอาเงินออกมาจากหุ้นอีก 5% ที”
“เงินแค่นั้นคงไม่พอหรอก เอาออกมาให้หมดเลยน่าจะดีกว่านะ” เสี่ยวเฉิงกล่าว
เตเบซพลันกระแทกมือทั้งสองข้างลงบนโต๊ะและลุกขึ้นมา “แล้วนายล่ะมีเงินไหม?”
“แน่นอนว่าฉันมีอยู่แล้ว แค่โทรหาทนายส่วนตัวแล้วก็วางอสังหาริมทรัพย์เป็นหลักประกัน แค่นี้ฉันก็จะได้รับเงินอย่างน้อยหกร้อยล้านหยวนแล้ว ทว่า เงินเดิมพันแค่ 5% ของนายจากหุ้นแลกได้เพียงแค่หนึ่งร้อยห้าสิบล้านหยวนเองนะ เงินแค่นั้นจะไปพอเล่นต่อได้ยังไงกันล่ะ?” เสี่ยวเฉิงกล่าว
“ไม่จําเป็นวางหลักประกันให้มันยุ่งยากอะไรแบบนั้นก็ได้ลูก ส่วนตัวพ่อเองก็มีเงินดอลลาร์อยู่ในธนาคาร ลูกใช้เงินจากตรงนั้นก่อนก็ได้” หลินกุ้ยเหลินเผยเสียงหัวเราะและกล่าวคําพูด
เสี่ยวเฉิงพลันมองไปยังเตเบซ “งั้นก็?”
เตเบซรีบหันไปถามนักบัญชีโดยไม่รู้ตัวว่า “ฉันมีหุ้นเหลืออยู่อีกเท่าไหร่?”
“13.5% ครับ มูลค่ารวมก็ประมาณสี่ร้อยล้านครับ”
เตเบซพลันกัดฟันและกล่าวคําพูดออกมาด้วยน้ําเสียงที่หนักแน่น “ไปเอาเงินออกมาสามร้อยล้าน ฉันจะทําให้หมอนั่นหมดตัวเอง!”
“อันที่จริง ไม่จําเป็นต้องไปแลกเงินมาหรอก แค่ร่างสัญญาการโอนหุ้นเพื่อใช้เป็นหลักประกัน แค่นั้นก็พอ” เสี่ยวเฉิงพลันขัดจังหวะนักบัญชี
ทว่า เตเบซเองก็รู้เจตนาของเสี่ยวเฉิงดี ถ้าเตเบซแพ้ขึ้นมา เสี่ยวเฉิงก็จะสามารถเป็นเจ้าของหุ้นทั้งหมดได้โดยตรง ไม่นานนัก เตเบซก็พลันหรี่ตาลง “นายคิดว่าตัวเองจะชนะงั้นเหรอ?”
“ไม่จําเป็นต้องแลกเงินเป็นชิปแล้วล่ะฉันว่า ก็แค่เดิมพันด้วยหุ้นของนายเอง เอาแบบนี้ดีไหม… ฉันจะเพิ่มเงินเดิมพันอีกสองร้อยหยวน! ถ้านายอยากสู้ต่อ ก็แค่วางหุ้นที่เหลือของตัวเองลงไป”