ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 1867 ขึ้นแหลมฮ่าวว่างอีกครั้ง
- Home
- ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
- ตอนที่ 1867 ขึ้นแหลมฮ่าวว่างอีกครั้ง
“หรือว่าวัตถุเช่นนี้แม้แต่จอมราชันเซียนหวังก็เอาไปไม่ได้รึ?” ธิดาราชันฉีหลินถึงกับพูดขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของหลี่ชิเย่
หลี่ชิเย่จ้องมองไปที่แหลมฮ่าวว่าง ยิ้มนิดหนึ่ง แล้วกล่าวว่า “เรื่องอย่างนี้จำเป็นต้องอาศัยวาสนาอยู่แล้ว ถ้าหากจอมราชันเซียนหวังคิดจะอาศัยกำลังแย่งชิงดื้อๆ ล่ะก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะเป็นเรื่องดี บางทีอาจนำมาซึ่งผลกรรมระดับหนึ่งได้ อีกอย่าง สถานที่แห่งนี้คือแดนแห่งการสืบค้น ต่อให้เป็นจอมราชันเซียนหวังก็ไม่แน่เสมอไปว่าสามารถทำได้ถึงขั้นกวาดทุกอย่างได้…”
“…สมควรจะรู้ว่า แดนแห่งการสืบค้นเป็นกากเดนมาจากยุคสมัยแล้วยุคสมัยเล่า เป็นเศษชิ้นส่วนของสายน้ำแห่งกาลเวลา เจ้าลองนึกภาพดูสักนิดหนึ่ง หลังจากผ่านยุคสมัยแล้วสมัยเล่ามา เศษชิ้นส่วนยังคงอยู่ในสภาพของมันได้ หลังจากผ่านยุคสมัยแล้วสมัยเล่ายังคงไม่สามารถทำลายมันได้ ตัวของพวกมันเองก็น่ากลัวมากอยู่แล้ว ดังนั้น ต่อให้เป็นจอมราชันเซียนหวังก็ไม่แน่เสมอไปว่าสามารถอาศัยการแย่งชิงเอามาดื้อๆ ต่อให้มีจอมราชันเซียนหวังที่สามารถกวาดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะได้ประโยชน์จากการสัมผัสข้องเกี่ยวกับผลกรรมเช่นนี้
เมื่อหลี่ชิเย่กล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว ได้มองหน้าธิดาราชันฉีหลินทีหนึ่ง และกล่าวว่า “กล่าวสำหรับจอมราชันเซียนหวังแล้ว สวรรค์ลงทัณฑ์ลอยอยู่เหนือศีรษะของพวกเขาตลอดเวลา ยิ่งจอมราชันเซียนหวังมีความแข็งแกร่งมากเท่าไร สวรรค์ลงทัณฑ์ของพวกเขาก็ขมวดปมเข้ามามากยิ่งขึ้นเท่านั้น กระทั่งเรียกได้ว่า สวรรค์ลงทัณฑ์อยู่ใกล้พวกเขาแค่เอื้อมเท่านั้นเอง การสัมผัสเกี่ยวข้องกับผลกรรมก็จะยิ่งมากขึ้น และอันตรายก็จะเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย”
“สวรรค์ลงทัณฑ์…” ภายในใจของธิดาราชันฉีหลินถึงกับเย็นวาบเมื่อได้ยินคำนี้ ขอเพียงได้เป็นจอมราชันเซียนหวัง พวกเขาล้วนแล้วแต่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงจากสวรรค์ลงทัณฑ์ไปได้ กระทั่งแม้แต่จอมเทพก็มีสวรรค์ลงทัณฑ์เช่นกัน เป็นหัวข้อสนทนาที่ทำให้ผู้คนรู้สึกหวั่นเกรงยิ่งนัก
“ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่า ยามที่จอมราชันเซียนหวัง ราชันเซียนเก้าแดนองค์หนึ่ง ยิ่งพวกเขาได้สืบทอดชะตาฟ้ามากเท่าไร ตัวของเขามีความแข็งแกร่งมากเท่าไร พวกเขาก็จะมีความพะว้าพะวงมากยิ่งขึ้น เนื่องจากเมื่อไหร่ที่สวรรค์ลงทัณฑ์ปรากฏคิดจะหลบหลีกก็ยากเสียแล้ว และเมื่อไหร่ก็ตามสวรรค์ลงทัณฑ์ฟาดฟันลงมาจริงๆ ต่อให้บุคคลผู้นั้นมีชะตาฟ้าสิบสองสายก็ต้องกลายเป็นเถ้าธุลีไป” หลี่ชิเย่กล่าวอย่างช้าๆว่า “นี่ก็เป็นเหตุผลว่าเพราะอะไรจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าน้อยจึงมีความพะว่าพะวงน้อย ขณะที่จอมราชันเซียนหวังระดับสูง โดยเฉพาะจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายโดยพื้นฐานแล้วจะไม่ปรากฎตัว เนื่องจากพวกเขามีความกังวลมากเกินไป”
เมื่อธิดาราชันฉีหลินได้ฟังคำบอกเล่านี้แล้วก็รู้สึกว่ามันมีเหตุผล เหมือนดั่งเช่นจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสาย เช่นราชันซื่อตี้ ราชันเสวียนตี้ เซียนหวังอิเย่ พวกเขาล้วนแล้วแต่ไม่เคยปรากฏตัวออกมา อย่าว่าแต่ชนรุ่นหลังหรือยอดฝีมือทั่วไป เล่าลือกันว่า ต่อให้เป็นจอมราชันเซียนหวังทั่วไปก็ยากที่จะได้พบเห็นจอมราชันเซียนหวังระดับสูงสุดเฉกเช่นพวกราชันซื่อตี้เหล่านี้
“สวรรค์ลงทัณฑ์มีทั้งข้อดีและข้อเสีย” หลี่ชิเย่ยิ้มเฉยเมยและกล่าวว่า “อย่างน้อยให้พวกจอมราชันเซียนหวังหลบอยู่ภายในแดนแห่งการสืบค้น พวกเขาก็จะมีชีวิตอยู่ได้นานขึ้น ถ้าหากปล่อยให้พวกเขาเดินท่องอยู่บนโลกมนุษย์ปุถุชน พวกเขาไม่สามารถทนต่อการกัดกร่อนของกาลเวลาที่ยาวนาน
“ฟังว่าบางครั้งจอมราชันเซียนหวังก็จะขุดหาวัตถุที่แดนแห่งการสืบค้นเหมือนกัน” ธิดาราชันฉีหลินเอ้ยถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ไม่ใช่บางครั้ง ความจริงแล้ว จอมราชันเซียนหวังไม่เคยหยุดที่จะขุดหาในแดนแห่งการสืบค้น” หลี่ชิเย่หัวเราะและกล่าวว่า “พื้นที่ของแดนแห่งการสืบค้นกว้างใหญ่ไพศาล ยังมีพื้นที่อีกมากที่ไม่เคยมีผู้ใดเคยเข้าไปถึง ขณะจอมราชันเซียนหวังกำลังสืบค้นอยู่นั้นผู้คนจำนวนมากมองไม่เห็นเท่านั้นเอง แต่ว่า เมื่อจอมราชันเซียนหวังแข็งแกร่งจนถึงระดับหนึ่งแล้ว ความถี่ในการสืบค้นก็จะน้อยลงกว่ากันมาก เว้นแต่เป็นสิ่งที่ล่อตาล่อใจมากเป็นพิเศษ มิฉะนั้นแล้ว พวกเขาก็จะไม่มีการเคลื่อนไหวง่ายดาย”
ในแดนแห่งการสืบค้นมีสิ่งมีชีวิตที่สามารถสังหารราชันได้จริงๆ หรือ?” หลังจากที่ธิดาราชันฉีหลินนิ่งเงียบนิดหนึ่งแล้วได้พูดเสียงแผ่วเบาขึ้นมาว่า “โดยเฉพาะจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้ามากกว่าสิบสาย”
ความจริงแล้ว ตำนานเช่นนี้นางเคยได้ยินมาก่อน แต่ไม่มั่นใจนัก เนื่องจากในความคิดของผู้คนจำนวนมากมองว่าจอมราชันเซียนหวังคือผู้ที่ปราศจากผู้ต่อกร โดยเฉพาะจอมราชันเซียนหวังที่สืบทอดชะตาฟ้ามากกว่าสิบสายขึ้นไป เว้นแต่ตัวของเขาเองแล้ว เกรงว่าคงปราศจากผู้ต่อกรในหล้า แต่ก็มีตำนานเล่าว่า แม้แต่จอมราชันเซียนหวังระดับเช่นนี้ยังคงมีผู้ที่ถูกสังหาร
สำหรับตำนานเช่นนี้ ในใจของธิดาราชันฉีหลินเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง นางยากจะจินตนาการได้ว่า สิ่งมีชีวิตลักษณะเช่นนี้ดำรงอยู่ในสถานะเช่นใดกันแน่
“มี อีกทั้งมีอยู่ไม่น้อยเสียด้วย” หลี่ชิเย่กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “นี่ก็เป็นหนึ่งเหตุผลที่เพราะเหตุใดเมื่อจอมราชันเซียนหวังแข็งแกร่งจนถึงระดับหนึ่งแล้ว ความถี่ในการขุดหาวัตถุก็จะลดน้อยลง จะไม่ลงมือโดยง่ายดาย เจ้าคิดอยากได้ของล้ำค่าของคนอื่น ขณะที่ในสายตาของคนอื่นไหนเลยเจ้าจะไม่ใช่ของบำรุงชั้นเลิศ เจ้าไปรบกวนการหลับใหลของผู้อื่น ขอเพียงพวกเขาปรากฏตัวออกมาก็ต้องมีค่าตอบแทน นั่นหมายถึงต้องมีการบำรุงขนานใหญ่ แล้วมีอะไรที่เป็นสิ่งบำรุงได้เหนือกว่าจอมราชันเซียนหวัง!”
เมื่อธิดาราชันฉีหลินได้ยินคำพูดเช่นนี้ถึงกับร่างสั่นเทิ้มทีหนึ่ง โดยเฉพาะเมื่อมองดูจากสายตาแบบนั้นของหลี่ชิเย่แล้ว ทำให้นางยิ่งต้องรู้สึกหวาดกลัวถึงขนลุกซู่!
สิ่งมีชีวิตที่อาศัยจอมราชันเซียนหวังเป็นของบำรุงชั้นเลิศมันมีความสยดสยองเพียงใดกันนะ มีความหวาดหวั่นพรั่นพรึงเพียงใดกัน!
“ไป พวกเราไปดูกัน” หลี่ชิเย่มองดูแหลมฮ่าวว่าง กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ควรจะสงบลงแล้ว” กล่าวพลางเหินฟ้าขึ้นไปช้าๆ มุ่งหน้าไปยังแหลมฮ่าวว่าง
ธิดาราชันฉีหลิน สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทีหนึ่ง เมื่อได้สติกลับมาจึงรีบตามขึ้นไป ติดตามอยู่ด้านหลังหลี่ชิเย่ นางเอ่ยขึ้นมาเบาๆ ว่า “เกิดเหตุใหญ่ขนาดนี้ จะมีจอมราชันเซียนหวังมาแย่งชิงขงวิเศษหรือเปล่านะ?”
สถานที่แห่งนี้แตกต่างจากโลกมนุษย์ปุถุชนด้านนอก บรรดาจอมราชันเซียนหวังไม่ยอมปรากฏตัวออกมา และไม่ต้องการเดินเนื่องจากสวรรค์ลงทัณฑ์อยู่บนหัว แต่ว่าในแดนแห่งการสืบค้นแตกต่างกัน มักจะมีจอมราชันเซียนหวังบางส่วนที่เดินสำรวจอยู่ในแดนแห่งการสืบค้นเสมอๆ
“จอมราชันเซียนหวังแล้วไง” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเรียบเฉยว่า “ถ้าหากเป็นสิ่งที่ข้ามองเอาไว้แล้วต่อให้ใครมาก็ไร้ประโยชน์ นั้นจะต้องเป็นของๆ ข้าอยู่แล้ว ใครก็ขวาง ฆ่าไม่มีละเว้น”
คำพูดที่เรียบเฉยของหลี่ชิเย่กลับทำให้ผู้ที่ได้ยินต้องสั่นเทิ้ม หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นอาจมองว่าหลี่ชิเย่นั้นโง่เขลาและอวดดี พูดจาสามหาว แต่ ธิดาราชันฉีหลินกลับนึกถึงขั้นที่ลึกซึ้งมากไปกว่านี้
หลี่ชิเย่มั่นใจในตนเองถึงเพียงนี้ กล้าที่จะบอกว่าพร้อมสังหารจอมราชันเซียนหวังทุกคน เช่นนั้นแล้ว ตัวตนที่แท้จริงของหลี่ชิเย่คือผู้ดำรงอยู่ในสถานะใดกันแน่นะ เป็นผู้ยิ่งใหญ่เช่นใดกันเล่า? ดูจากราชโองการของบรรพบุรุษพวกเขาเซียนหวังฉีหลินแล้ว เกรงว่าตัวตนแท้จริงของหลี่ชิเย่จะอยู่เหนือกว่าบรรพบุรุษของพวกเขาเสียอีก
เป็นที่ทราบกันดีว่า เซียนหวังฉีหลินซึ่งเป็นบรรพบุรุษของพวกเขาคือจอมราชันเซียนหวังที่มีสิบลัคนาแปดชะตาฟ้า เรียกได้ว่าในบรรดาจอมราชันเซียนหวังก็นับว่าเป็นเซียนหวังระดับสูงแล้ว ต่อให้ไม่ปราดเปรื่องน่าทึ่งเท่าเซียนหวังเย่หลิน แต่ในบรรดาจอมราชันเซียนหวังแล้วนับว่าไม่ธรรมดา
แต่ทว่า บรรพบุรุษของพวกเขายังคงหนักแน่นจริงจังเช่นนี้ ย่อมเป็นการบ่งชี้ว่าประวัติความเป็นมาน่าตกใจจริงๆ ทำให้ธิดาราชันฉีหลินนึกถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง…เป็นผู้ดำรงอยู่ในฐานะมีสิบสองชะตาฟ้าอยู่ในครอบครอง!
แต่ว่า จอมราชันเซียนหวังในยุคปัจจุบันที่มีสิบสองชะตาฟ้าอยู่ในครอบครองสามารถนับนิ้วได้ และที่ยังคงมีชีวิตอยู่จนถึงปัจจุบันมีเพียงสี่คนเท่านั้น ธิดาราชันฉีหลินคิดทบทวนไปมา ไม่สามารถจัดหลี่ชิเย่ที่อยู่ตรงหน้าให้เข้ากับจอมราชันเซียนหวังคนใดคนหนึ่งได้เลย
ทำให้ธิดาราชันฉีหลินเกิดปัญหาคาใจขึ้นมามากมาย ตัวตนแท้จริงของหลี่ชิเย่เป็นใครกันแน่!
ขณะที่หลี่ชิเย่ได้พาธิดาราชันฉีหลินขึ้นไปบนแหลมฮ่าวว่างนั้น ได้มียอดฝีมือจำนวนไม่น้อยทยอยกัน่ขึ้นมาที่แหลมฮ่าวว่างอยู่ก่อนแล้ว ในจำนวนนั้นส่วนใหญ่เป็นยอดฝีมือที่รอดชีวิตอย่างหวุดหวิดจากเรือนิรันดร และมียอดฝีมือบางส่วนที่ได้ข่าวแล้วมาจากที่อื่น
แม้ว่าเพิ่งจะเกิดภัยพิบัติที่สยองขวัญขึ้นเมื่อครู่นี้เอง แต่ยังคงมียอดฝีมือจำนวนมากอดที่จะเสี่ยงภัยกลับขึ้นมาที่แหลมฮ่าวว่างอีกครั้ง เหตุผลนั้นง่ายมาก…ของวิเศษล่อใจผู้คน!
ผู้ที่มีประสบการณืเกี่ยวกับแดนแห่งการสืบค้นต่างก็รู้ว่า เมื่อเกิดภัยพิบัติใหญ่ขึ้นมา ก็จะตามติดมาด้วยมีของวิเศษที่ปราศจากผู้เทียบเทียมในหล้าปรากฏ เป็นการบ่งบอกว่าจะมีสุดยอดวาสนาที่ปราศจากผู้เทียบเทียมเกิดขึ้น! ถ้าหากผู้ใดสามารถได้รับวาสนาที่สุดยอดยากจะหาผู้ใดเทียม ก็จะได้รับประโยชน์ชั่วชีวิต
ด้วยเหตุนี้เอง แม้จะรู้อยู่แล้วว่าแหลมฮ่าวว่างนั้นอันตรายยิ่งนัก แต่ยังคงมียอดฝีมือจำนวนมากที่เปี่ยมด้วยจิตใจความเป็นนักผจญภัยก้าวสู่แดนแห่งการสืบค้นอีกครั้ง
“คราวนี้จะต้องขุดเอาวัตถุเซียนขึ้นมาแน่ ไม่อย่างนั้นแล้วคงไม่ก่อให้เกิดภัยพิบัติที่น่าสยดสยองเช่นนี้ขึ้นมา” เรื่องที่บอกเล่าโดยผู้รอดชีวิตอย่างหวุดหวิดบนเรือนิรันดรว่า มีผู้ขุดพบวัตถุสิ่งหนึ่งนั้นได้แพร่กระจายไปทั่วนานแล้ว
“ภัยพิบัติครั้งนี้เป็นระดับเฮฟวีเวทนะเนี่ย คิดจะเกิดเหตุภัยพิบัติเช่นนี้ขึ้นที่แหลมฮ่าวว่างมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ดูจากบันทึกแล้ว บางทีอาจมีภัยพิบัติในครั้งนั้นที่พอจะเทียบเคียงกันได้” รุ่นอาวุโสที่เหลือให้ได้พบเห็นได้แต่เฉพาะในรูปของฟอสซิลเท่านั้นได้กล่าวว่า “ตามตำนานเล่าว่า ในครั้งนั้นตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังได้โครงกระดูกเซียนมาโครงหนึ่ง ขณะที่สิ่งที่ถูกขุดพบในครั้งนี้เกรงว่าคงไม่ด้อยไปกว่าโครงกระดูกเซียนโครงนั้น”
“นี่มันคือของวิเศษระดับประจำตระกูล” ยิ่งทำให้ผู้คนจำนวนมากต้องใจเต้นตูมตาม เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้
ตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังเป็นสำนักที่มีห้าราชัน เมื่อพวกเขาได้โครงกระดูกเซียนจากที่ตรงนี้ไป มันก็ได้กลายเป็นสมบัติประจำตระกูลของตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังไป
ลองนึกภาพดู สำนักที่มีลักษณะหนึ่งสำนักห้าราชัน มีของวิเศษใดที่พวกเขาไม่ได้มีไว้ในครอบครอง กลับนำเอาโครงกระดูกเซียนโครงหนึ่งมาเป็นสมบัติประจำตระกูล ย่อมสามารถจินตนาการได้ว่า โครงกระดูกเซียนโครงนี้มีความน่ากลัวเพียงใดแล้ว
เวลานี้ แหลมฮ่าวว่างได้ปรากฏภัยพิบัติระดับนั้นขึ้นมาอีกครั้ง มาคราวนี้จึงทำใหทุกคนที่แนวความคิดของผู้ที่รอดตายอย่างหวุดหวิดเตลิดไปไกล ถ้าหากว่าตนเองสามารถได้รับสิ่งที่อยู่ในระดับวัตถุเซียนล่ะก็ ช่างเป็นวาสนาระดับเช่นใด และจะต้องได้รับประโยชน์ไปชั่วชีวิต
เนื่องเพราะวัตถุเซียนที่เย้ายวนใจนี่เอง ทำให้ผู้คนจำนวนมากไม่คำนึงถึงความคุกคามที่ถึงแก่ชีวิต ต่างทยอยกันขึ้นไปยังแหลมฮ่าวว่างอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนที่ภัยพิบัติจะเกิดขึ้น แหลมฮ่าวว่างมีลักษณะที่คึกคักยิ่งนัก มีผู้บำเพ็ญตน นับหมื่นนับพันที่มาท่องเที่ยว ขุดหาสมบัติ ตามหาสมบัติยังสถานที่แห่งนี้ นอกจากนี้ยังมีผู้บำเพ็ญตนจำนวนมากที่มาตั้งแผงทำการค้าขายอยู่ ณ สถานที่แห่งนี้
เวลานี้ แหลมฮ่าวว่างมีลักษณะเงียบสงัดวิเวกวังเวง บนพื้นดินถูกปูทับด้วยศพแห้งกรังเป็นชั้นๆ โดยที่ศพแห้งแต่ละศพเหล่านี้คงเหลือไว้เพียงหนังหุ้มกระดูกเท่านั้น ลมปราณทั่งร่างถูกดูดไปจนหมดสิ้น
เมื่อเหยียบย่ำสู่แหลมฮ่าวว่าง ได้เห็นศพแห้งแต่ละศพที่ถูกดูดลมปราณไปจนหมดสิ้น ทำให้ผู้ที่พบเห็นรู้สึกหวาดกลัวจนขนลุกซู่ เป็นความรู้สึกเหมือนเป็นภาพมายาที่ได้ก้าวอยู่บนทะเลซากศพ
แม้ว่าบนพื้นดินจะถูกปูทับด้วยศพแห้งเต็มพื้นที่ แต่ยังคงไม่สามารถขวางกั้นความกระตือรือร้นของผู้คนที่ต้องการไปแย่งชิงของวิเศษ ดังนั้น จึงได้เห็นร่างเงาที่บินโฉบผ่านไปบนท้องฟ้าเป็นระยะๆ พวกเขาต่างรีบร้อนมุ่งไปยังส่วนที่ลึกเข้าไปภายในแหลมฮ่าวว่าง
ธิดาราชันฉีหลินที่ติดตามอยู่ข้างกายหลี่ชิเย่ มองเห็นศพแห้งแต่ละศพแล้วถึงกับรู้สึกเสียวสันหลังวาบ เมื่อพิจารณาดูศพแห้งเหล่านี้ให้ดี จะพบว่าบนศพแห้งเหล่านี้เต็มไปด้วยรูขนาดเล็กเต็มไปหมด ลมปราณทั้งหมดล้วนแล้วแต่ถูกดูดออกจากร่างโดยผ่านรูเล็กๆ เหล่านี้ เป็นพลังดูดที่ทรงพลังมากทำการดูดเอาลมปราณออกมา
“นี่มันคืออะไรกันแน่? ถึงกับสามารถดูดเอาพลังลมปราณของคนได้ถึงเพียงนี้” ธิดาราชันฉีหลินถึงกับสะท้านขึ้นภายในใจ และกล่าวว่า “หรือว่ามันคือสิ่งมีชีวิตที่อยู่ได้โดยอาศัยดูดพลังลมปราณอย่างนั้นรึ?”