ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 1882 กัปตันเรือนิรันดร
- Home
- ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
- ตอนที่ 1882 กัปตันเรือนิรันดร
ตอนที่ 1882 กัปตันเรือนิรันดร
หลังจากที่หลี่ชิเย่ขี้คร้านจะไปสนใจทารกมังกรหลวงแล้ว และเพิ่งเดินทางกลับไปถึงภูเขาที่เป็นที่พัก ยังไม่ทันได้เข้าไปในบ้าน ก็เห็นผู้เฒ่าผู้หนึ่งยืนรออยู่ที่ตรงนั้นแล้ว
ผู้เฒ่าผู้นี้คือกัปตันเรือนิรันดรนั่นเอง เขายืนอยู่ตรงนั้นเงียบๆ ไม่น่าแปลกใจอะไร กัปตันเรือนิรันดรเป็นผู้ที่ดูไปแล้วเป็นคนแก่ที่ธรรมดามาก เสมือนหนึ่งเป็นผู้เฒ่าที่อยู่ข้างบ้านอย่างนั้น ดูธรรมดายิ่งนัก
ถ้าหากใครคิดว่ากัปตันเรือนิรันดรเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง นั่นคือความผิดอย่างมหันต์ เรือนิรันดรคือเรืออะไร? เป็นเรืออันดับหนึ่งที่วิ่งไปมาระหว่างแดนแห่งการสืบค้น ในบรรดาเรือจำนวนนับไม่ถ้วนที่วิ่งไปมาระหว่างแดนสืบค้นได้ประสบเหตุต่างๆ มีเรือจำนวนมากถูกปล้นชิงจากยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่เป็นโจร แต่ เรือนิรันดรไม่เพียงไม่เคยประสบเหตุใดๆ มาก่อน อีกทั้งยังไม่เคยมีใครหาญกล้าคิดไม่ดีต่อเรือนิรันดร
แล้วผู้ที่สามารถควบคุมเรือนิรันดรที่เป็นเรือรบขนาดยักษ์เช่นนี้ เป็นไปได้อย่างไรที่จะเป็นเพียงผู้เฒ่าธรรมดาๆ คนหนึ่งกันเล่า?
“เหอะ เหอะ เหอะ…” หลังจากที่กัปตันเรือนิรันดรได้พบกับหลี่ชิเย่แล้ว เขาได้โค้งคำนับต่อหลี่ชิเย่อย่างงาม และกล่าวด้วยท่าทีที่เคารพยิ่งว่า “เรือของข้าซอมซ่อ ไม่ทราบว่าท่านเซียนอยู่แล้วคุ้นชินหรือไม่? หากต้อนรับขาดตกบกพร่อง หวังว่าท่านเซียนจะให้อภัย”
ผู้โดยสารของเรือนิรันดรมีจำนวนเป็นหมื่น ต่อให้เป็นผู้สืบทอดของสายสำนักราชันเซียน ก็เป็นไปไม่ได้ที่กัปตันเรือนิรันดรจะไปคารวะด้วยตนเอง กรณีของธิดาราชันฉีหลินก็ตัวอย่างที่ดีที่สุด ธิดาราชันฉีหลินซื้อตั๋วโดยสารเพื่อพักอาศัยอยู่ที่นี่ แต่ก็ไม่เห็นกัปตันเรือนิรันดรจะมาคารวะ เวลานี้เขากลับมาคารวะด้วยตนเอง
“มีเรื่องอะไรรึ?” หลี่ชิเย่กล่าวท่าทีเฉยเมย และมองหน้ากัปตันเรือนิรันดรทีหนึ่ง
“ไม่ ไม่ ไม่มีเรื่องอะไร” กัปตันเรือนิรันดรรีบหัวเราะแหะแหะ และกล่าวว่า “แค่มาถามท่านเซียนว่ามีอะไรจะให้ข้าน้อยรับใช้หรือไม่? หากมีพวกนักย่องเบามารบกวนท่านเซียน ข้าน้อยสามารถช่วยจัดการแทนท่านเซียนได้”
คำพูดของกัปตันเรือนิรันดรมีเป้าหมาย ความจริงแล้วสำหรับผู้ดำรงอยู่ในฐานะเช่นเขานั้น เรื่องราวที่เกิดขึ้นในเรือนิรันดรย่อมไม่สามารถรอดจากดวงตาคู่นั้นของเขาไปได้อยู่แล้ว
“ลำพังแค่แท่นบูชาแท่นหนึ่งสร้างความแตกตื่นให้กับเจ้าไม่ได้หรอกนะ” เวลานี้ หลี่ชิเย่จ้องมองดูกัปตันเรือนิรันดร กล่าวเฉยเมยว่า “บรรดาจอมราชันเซียนหวังที่อยู่เบื้องหลังเจ้าก็เป็นผู้ที่เคยผ่านโลกมาแล้ว แม้ว่าของวิเศษชิ้นนี้จะล้ำค่า แต่คงไม่ถึงขั้นทำให้พวกเขาแตกตื่น และส่งเจ้ามาสืบข่าวได้”
คำพูดที่เรียบเฉยถึงกับทำให้กัปตันเรือนิรันดรต้องตกใจ เขารีบกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มว่า “ใครว่า ใครว่าหละ ท่านเซียนเข้าใจผิดแล้ว เข้าใจผิดแล้วหละ ข้าน้อยไม่ได้มีความคิดอื่นใด ไม่มีความคิดอื่นใด”
กัปตันเรือนิรันดรหาใช่เป็นคนธรรมดาทั่วไปไม่ พูดแบบไม่ค่อยน่าฟังนักก็คือ ต่อให้เป็นจอมเทพทั่วไปมาด้วยตนเอง ก็ไม่เห็นว่าเขาจะต้องให้เกียรติเช่นนี้ การที่เขาสามารถไปกลับระหว่างแดนแห่งการสืบค้นมาอย่างยาวนาน ย่อมเป็นการบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของเขาได้แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เบื้องหลังเรือนิรันดรมีจอมราชันเซียนหวังคอยให้การสนับสนุนอยู่ อีกทั้งยังไม่ได้มีเพียงองค์เดียว เรือนิรันดรเป็นหุ้นส่วนของจอมราชันเซียนหวังหลายองค์ด้วยกัน!
แต่ว่า เวลานี้เมื่อกัปตันเรือนิรันดรถูกถามโดยหลี่ชิเย่แล้ว ถึงกับรู้สึกกลัวด้วยความหวาดระแวงขึ้นมา จิตใจไม่ปรกติ เนื่องจากเขาได้รับคำเตือนมาก่อน เป็นจอมราชันเซียนหวัง ที่อยู่เบื้องหลังกล่าวเตือนสติเขา
“มีเรื่องอะไรก็รีบว่ามา มีลมรีบผาย ไม่ต้องทำเป็นข้ามหัวข้อสนทนากับข้า” หลี่ชิเย่มองหน้าเขาด้วยท่าทีเย็นชา กล่าวเฉยเมยขึ้นมา
กัปตันเรือนิรันดรถึงกับยิ้มเจื่อนๆ ถูมือสองข้างไปมา ทำท่าไตร่ตรองนิดหนึ่งว่าจะเรียบเรียงคำพูดอย่างไรดี จากนั้นกล่าวด้วยท่าทีเคารพยิ่งว่า “ข้าน้อยไม่มีอะไรเป็นอื่น ข้าน้อย ข้าน้อยแค่ต้องการถามนิดหนึ่ง กระบี่กระดูกขาวนั่น นั่น ใช่อาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคหรือไม่?”
“เป็นเจ้าอยากจะถาม หรือว่าจอมราชันเซียนหวังที่อยู่เบื้องหลังของเจ้าต้องการรู้หละ?” หลี่ชิเย่กล่าวด้วยท่าทีเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
คำพูดของหลี่ชิเย่สร้างความผะอืดผะอมให้กับกัปตันเรือนิรันดรยิ่ง เขาหัวเราะเจื่อนๆ แต่เรื่องอย่างนี้เขาก็ไม่กล้าแจงให้ชัดเจน
“กลับไปบอกกล่าวต่อบรรดานายของเจ้า ถูกต้อง นี่คืออาวุธยอดเยี่ยมแห่งยุคเล่มหนึ่ง แต่ว่า นั่นมันแค่ของลอกเลียนแบบขึ้นมาเท่านั้นเอง ข้าเพียงนึกสนุกขึ้นมาแล้วเล่นสนุกไปเท่านั้นเอง” หลี่ชิเย่กล่าวเฉยเมย
คำพูดลักษณะเช่นนี้ทำเอากัปตันเรือนิรันดรถึงกับหวาดกลัวด้วยความหวาดระแวง แค่นึกสนุกเล่นๆ ก็ทำให้จอมราชันเซียนหวังต้องตกใจแล้ว จึงได้มีการสอบถามถึงเรื่องนี้
“ที่แท้เป็นดังนี้เอง เป็นดังนี้เอง” กัปตันเรือนิรันดรรีบกล่าวต่อว่า “ท่านเซียนปราศจากผู้เทียบเทียม สุดยอดวิชาในหล้าเมื่ออยู่ในมือของท่านเซียนแล้วก็แค่ของเด็กเล่นเท่านั้นเอง”
หลี่ชิเย่มองดูกัปตันเรือนิรันดรด้วยสายตาที่เย็นชาทีหนึ่ง กล่าวว่า “เอาหละ เรื่องประจบสอพลอไม่จำเป็นแล้ว หากไม่มีเรื่องอะไรก็หลบไป”
“ดีมาก ดีมาก งั้นข้าน้อยจะไม่รบกวนการฝึกของท่านเซียนแล้ว” กัปตันเรือนิรันดรรีบกล่าวพร้อมกับโค้งคำนับด้วยท่าทีเคารพยิ่ง อย่าว่าแต่ผู้ยิ่งใหญ่เลย ต่อให้เป็นจอมเทพระดับทั่วไปก็ไม่กล้าทำตะโกนเสียงดังต่อหน้าเขาตามอารมณ์ แต่ว่า เมื่อเขาต้องอยู่ต่อหน้าหลี่ชิเย่ในเวลานี้ เขากลับไม่กล้าทำเย่อหยิ่งแม้แต่น้อย
แม้ว่าเขาเองก็ไม่รู้ถึงประวัติความเป็นมาของหลี่ชิเย่ และไม่รู้ว่าหลี่ชิเย่เป็นใครกันแน่ แต่บรรดาจอมราชันเซียนหวังที่อยู่เบื้องหลังเรือนิรันดรของพวกเขาได้กล่าวเตือนเขาแล้ว อีกทั้งยังไม่ได้เตือนเพียงองค์เดียวเท่านั้น ดังนั้น เขาจึงไม่กล้าทำชักช้าแม้แต่น้อย
“ภายในเรือของเจ้ามีสิ่งชั่วร้าย” ขณะที่กัปตันเรือนิรันดรกำลังจะล่าถอยกลับไป หลี่ชิเย่ได้กล่าวขึ้นเรียบๆ
กัปตันเรือนิรันดรหยุดเดินและหัวเราะเจื่อนๆ กล่าวว่า “ท่านเซียนเข้าใจผิดแล้วหละ เรือนิรันดรของพวกเราสะอาดสะอ้านยิ่ง เคยได้รับการปลุกเสกจากจอมราชันเซียนหวัง เป็นไปไม่ได้ที่จะมีสิ่งที่ไม่สะอาด และเป็นไปไม่ได้ที่จะมีภูตผีปีศาจอะไร”
“งั้นหรือ?” หลี่ชิเย่เหลือบมองหน้าทีหนึ่ง กล่าวเรียบๆ ว่า “เรือนิรันดรหน่ะสะอาด แต่ ผู้โดยสารของพวกเจ้าไม่แน่ว่าจะสะอาด เจ้าอย่าบอกว่าไม่รู้ว่ามีอะไรขึ้นมาอยู่บนเรือนิรันดรของเจ้า และเป็นไปไม่ได้ที่เจ้าจะไม่รู้ว่าเรือนิรันดรได้บรรทุกอะไรมา”
สีหน้าของกัปตันเรือนิรันดรพลันเปลี่ยนไป ท่าทีดูจะชะงักนิดหนึ่ง เมื่อหลี่ชิเย่พูดออกมาเช่นนี้
“ให้ท่านเซียนหัวเราะเยาะแล้ว” สุดท้าย กัปตันเรือนิรันดรหัวเราะแห้งๆ และกล่าวว่า “ผู้โดยสารได้ซื้อตั๋วแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่ข้าน้อยจะปฏิเสธไม่ให้เขาขึ้นเรือ อีกอย่าง ข้าน้อยก็ไม่สามารถเปิดดูสินค้าของลูกค้า ขอเพียงไม่ก่อเรื่องบนเรือ ไม่ว่าใครมาโดยสารเรือนิรันดรพวกเราก็ยินดีต้อนรับอยู่แล้ว”
“พูดมาก็ถูก” หลี่ชิเย่กล่าวเฉยเมยว่า “พวกคนก็ไม่ใช่ ผีก็ไม่เชิงเหล่านี้ต้องการไปที่ใด?”
“ไม่กล้าปิดบังท่านเซียน” กัปตันเรือนิรันดรได้แต่ตอบว่า “พวกเขาไปที่ไกลกันดาร” ตามหลักการแล้ว เขาในฐานะกัปตันเรือนิรันดรไม่สะดวกที่จะเปิดเผยข้อมูลของลูกค้า แต่ว่า เมื่อต้องอยู่ต่อหน้าหลี่ชิเย่เขาไม่กล้าปิดบัง
“ไกลกันดาร…” สายตาของหลี่ชิเย่พลันเยือกเย็น กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ภูติผีปีศาจทั่วทุกสารทิศล้วนแล้วแต่จ้องตาเป็นมันนี่ ดูท่ากลุ่มต่างๆ ในสิบสามทวีปยังคงไม่เลิกล้มความตั้งใจต่อไกลกันดารเลยนี่!”
“เหอะ เหอะ เหอะ เรื่องนี้ข้าน้อยไม่ทราบแน่ชัดนัก ข้าน้อยเป็นเพียงคนขับเรือคนหนึ่งเท่านั้นเอง” กัปตันเรือนิรันดรหัวเราะเจื่อนๆ เขาเองก็ไม่ต้องการพาตัวเองเข้าไปอยู่ในวังวนเช่นนี้
“บรรดาจอมราชันเซียนหวังที่อยู่เบื้องหลังเรือนิรันดรพวกเจ้าหละ?” หลี่ชิเย่เอ่ยขึ้นช้าๆ ว่า “พวกเขาไปที่ไกลกันดารหรือไม่?”
“เรื่องนี้…” กัปตันเรือนิรันดรถึงกับลังเลนิดหนึ่งเมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเรียบเรียงคำพูดเช่นใด ได้แต่บอกว่า “เรื่องเช่นนี้ข้าน้อยไม่อาจรับรู้ได้แล้ว เพียงแต่ได้ยินมาว่าเร็วๆ นี้ที่ไกลกันดารมีแรงกระเพื่อม จึงมีจอมราชันเซียนหวังต้องการไปสักครั้ง”
“ไม่มีใครยอมเลิกล้มความตั้งใจที่มีต่อไกลกันดารหรอกนะ จะอย่างไรเสียสิ่งต่างๆ ที่อยู่ในนั้นช่างเย้ายวนใจเหลือเกิน” หลี่ชิเย่กล่าวเรียบเฉยว่า “แต่ว่า เจ้าสามารถบอกกล่าวให้กับจอมราชันเซียนหวังทั้งหลายของพวกเจ้า ทางที่ดีให้อยู่ห่างจากตัวข้าให้ไกลสักหน่อย! แต่ถ้าพวกเขาต้องการเป็นตัวรับกระสุน ข้ายินดีอย่างยิ่งที่จะดื่มเลือดราชันให้อิ่มหนำสำราญอยู่แล้ว!”
“เรื่อง เรื่องนี้ข้าน้อยต้องบอกต่ออย่างแน่นอน” ภายในใจของกัปตันเรือนิรันดรถึงกับสั่นเทาเมื่อได้ยินเช่นนี้ เป็นที่ทราบกันว่า โดยปรกติแล้ว มีแต่จอมราชันเซียนหวังที่ไปข่มขู่คนอื่น ไหนเลยปล่อยให้คนอื่นมาข่มขู่จอมราชันเซียนหวังได้ แต่ เวลานี้หลี่ชิเย่กลับข่มขู่โดยตรงฝากไปถึงจอมราชันเซียนหวังของพวกเขา แล้วจะไม่ให้กัปตันเรือนิรันดรต้องรู้สึกกลัวได้อย่างไร
หลี่ชิเย่รู้ทั้งรู้ว่าจอมราชันเซียนหวังที่อยู่เบื้องหลังเรือนิรันดรของพวกเขาดำรงอยู่ในสถานะเช่นใด แต่ยังคงไม่ได้หวั่นเกรงแม้แต่น้อยในอันที่จะข่มขู่จอมราชันเซียนหวังของพวกเขา ช่างเป็นบุคคลที่น่ากลัวมากเหลือเกิน นาทีนี้สิ่งที่เขาสามารถนึกถึงได้ก็คือ ผู้ดำรงอยู่ในสถานะอย่างหนึ่ง…ผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด!
เว้นแต่ผู้ยิ่งใหญ่สูงสุดแล้ว เขาไม่สามารถจินตนาการได้ว่ายังจะมีผู้ดำรงอยู่ในสถานะเช่นใดที่หาญกล้าข่มขู่จอมราชันเซียนหวังที่อยู่เบื้องหลังของพวกเขาได้
“งั้นก็ดี” หลี่ชิเย่กล่าวขึ้นมาช้าๆ ว่า “ด้วยจุดยืนของพวกเขาแล้วควรจะรู้จักกาลเทศะ จอมราชันเซียนหวังระดับสูงเช่นพวกเขาสมควรรู้ว่าจะเลือกเช่นใด! แต่ถ้าหากพวกเขาต้องการเป็นเหมือนดั่งจอมราชันเซียนหวังระดับล่างเอาชีวิตมาทิ้ง ข้าเองก็ยินดีอย่างยิ่ง”
จอมราชันเซียนหวังเหล่านั้นที่อยูเบื้องหลังเรือนิรันดรล้วนแล้วแต่ มีกำลังความสามารถที่สูงมาก ซึ่งหาใช่จอมราชันเซียนหวังทั่วไปที่อยู่ในระดับล่างสามารถเทียบเคียงได้ และด้วยเหตุนี้เอง ขณะที่หลี่ชิเย่ลอกเลียนแบบกระดูกแก่นนิรันดร์กาลพวกเขาจึงรับรู้ได้ และเกิดความตื่นตัวขึ้นมา
เมื่อกัปตันเรือนิรันดรได้ยินคำพูดกเช่นนี้ถึงกับบังเกิดความหวาดกลัวขึ้นในใจ เขายิ้มเจื่อนๆ นิดหนึ่ง นี่เป็นการแสดงออกอย่างเปิดเผยว่าไม่เห็นจอมราชันเซียนหวังอยู่ในสายตา คำพูดลักษณะเช่นนี้ช่างอหังการเหลือเกิน
สุดท้าย กัปตันเรือนิรันดรไม่กล้าพูดอะไรอีก ได้แต่โค้งคารวะต่อหลี่ชิเย่อย่างงาม จากนั้นแสดงความคารวะอีกที แล้วจึงล่าถอยกลับไปด้วยความเคารพ
หลังจากที่กัปตันเรือนิรันดรได้ล่าถอยกลับไปแล้ว หลี่ชิเย่มองไปยังที่ที่ห่างไกล สุดท้ายยิ้มนิดหนึ่ง แล้วกล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “ไกลกันดาร ช่างเถอะ ถ้าหากมีจอมราชันเซียนหวังคิดจะเข้ามาสอดล่ะก็ งั้นให้พายุได้พัดโหมกระหน่ำให้มันรุนแรงมากขึ้นไปอีก มีเพียงเช่นนี้จึงจะทำให้ไกลกันดารคึกครื้นขึ้นมาได้” กล่าวขาดคำก็เดินกลับเข้าบ้านไป
หลังจากที่เรือนิรันดรออกจากแหลมฮ่าวว่างแล้วได้เดินเครื่องแล่นไปข้างหน้าเต็มกำลัง แม้ว่าระหว่างทางจะได้จอดแวะพักสถานีหลายแห่ง แต่เรือนิรันดรไม่ได้เสียเวลาใดๆ ยังคงรักษาเวลาในการแล่นไปถึงสถานีแต่ละแห่งตรงตามเวลา
เรือนิรันดรไม่เพียงมีความเร็วที่สูงมาก อีกทั้งมีความชำนาญในเส้นทางเป็นอันมาก เนื่องจากเรือนิรันดรเคยไปมาระหว่างแดนแห่งการสืบค้นมาแล้วจำนวนครั้งนับไม่ถ้วน กล่าวอย่างไม่เป็นการโอ้อวดเลยว่า ในแดนแห่งการสืบค้นแห่งนี้ ขอเพียงเป็นเส้นทางเดินเรือที่เคยมีเรือแล่นผ่าน เรือนิรันดรเคยวิ่งมาแล้วทั้งนั้น
ดังนั้น เรือนิรันดรที่แล่นผ่านไปมาระหว่างไกลกันดารกับเมืองสวรรค์นอกอาณาจักร จึงมีเส้นทางการเดินเรือที่ชำนาญยิ่ง อีกทั้งการเดินเรือแต่ละครั้งที่ผ่านมาพวกเขาไม่เคยประสบเหตุใดๆ เลย ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจที่สุดของเรือนิรันดร
แม้ว่าเรือนิรันดรจะมีจุดแวะพักหลายแห่งระหว่างทาง แต่ว่า หลี่ชิเย่ไม่เคยลงจากเรือเลย กักตนฝึกฝนมาโดยตลอด ใคร่ครวญพินิจพิเคราะห์ถึงความหมายที่ลึกซึ้งของสัจธรรมต่างๆ
ช่วงเวลาที่หลี่ชิเย่อยู่ระหว่างกักตนฝึกวิชานั้น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะการหว่านล้อมของธิดาราชันฉีหลินได้ผล หรือว่าเป็นเพราะถูกกหลี่ชิเย่ซัดจนยอมแพ้แล้ว สรุปก็คือนับแต่วันที่พ่ายแพ้อย่างยับเยินเป็นต้นมา อู่ฟ่งหยิ่งก็ไม่เคยได้ปรากฏตัวอีกเลย ไม่เคยมารบกวนหลี่ชิเย่อีกเลย