ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 1928 จอมเทพชี้ขาดกับจอมราชัน
- Home
- ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
- ตอนที่ 1928 จอมเทพชี้ขาดกับจอมราชัน
ราชันสวรรค์ขวางเส้ายืนอยู่ในตำแหน่งสูงกว่ามองไปด้านล่าง กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “เห็นแก่ที่อยู่ในยุคสมัยเดียวกัน ข้าจะไม่แกล้งเจ้า แต่ ผู้เยาว์ทั้งสามจะต้องรั้งอยู่ที่นี่ เจ้าไปได้เพียงคนเดียว”
“ราชันสวรรค์ขวางเส้า เกรงว่าคงยากจะปฏิบัติตาม” ซึหุนหลินกล่าวพร้อมกับแฝงด้วยรอยยิ้มว่า “หากราชันสวรรค์จะเมตตา ก็ปล่อยผู้เยาว์ไปเสีย ผู้เฒ่าน้อยอย่างข้าจะขอบคุณยิ่ง”
“เรื่องนี้เกรงว่าตามใจเจ้าไม่ได้!” ราชันสวรรค์ขวางเส้าหัวเราะน่าเกรงขาม ท่าทีข่มขวัญผู้คน กล่าวน่าเกรงขามว่า “เรื่องนี้ไม่สามารถให้เจ้าเป็นผู้เลือก เจ้าไปจากตอนนี้ยังทัน”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นผู้เฒ่าน้อยก็จะไม่เจียมตัว ขอรับการชี้แนะจากราชันสวรรค์ด้วยสุดยอดเคล็ดวิชาราชันในหล้า ชื่นชมท่วงทีที่มีความสง่างามของจอมราชัน” ซึหุนหลินยิ้มกล่าวด้วยท่าทีเฉยเมย
แม้ว่าราชันสวรรค์ขวางเส้าจะเป็นจอมราชันคนหนึ่ง แต่มันก็เป็นแค่จอมราชันทีมีชะตาฟ้าเดียวเท่านั้น ต่อให้เขามีพรสวรรค์สูงเด่นมากไปกว่านี้ ต่อให้เขามีความสามารถเพียงใด เขาก็ถูกจำกัดได้แค่ชะตาฟ้าสายเดียวเท่านั้น ต่อให้เขามีความแข็งแกร่งที่สุดก็ทำได้แค่ฝืนท้าสู้ก็จอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสองสายเท่านั้นเอง ไม่สามารถล้ำหน้ามากไปกว่าจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสองสายได้อยู่แล้ว
ซึหุนหลินเองหาใช่คนที่ใครจะจัดการเขาได้โดยง่าย เขาเป็นจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สามดวงทั้งยังเป็นดวงตราสัญลักษณ์ที่ประสานเข้าด้วยกันอีกด้วย ในบรรดาจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สามดวงด้วยกัน กำลังความสามารถของซึหุนหลินนับว่าอยู่ในลำดับต้นๆ
“ดี ข้าอยากจะรู้นักว่าหลายปีที่ผ่านมาเจ้าไปฝึกปรือได้มาเท่าไรกันแน่!” ราชันสวรรค์ขวางเส้าโกรธจัดขึ้นมาทันที เบิกตาทั้งสองข้าง พลันบังเกิดอารมณ์ที่รุนแรงอย่างยิ่ง
กล่าวสำหรับจอมราชันเซียนหวังผู้หนึ่งแล้วจะไม่รู้สึกโกรธขึ้นมาง่ายดาย และไม่คลุ้มคลั่งขึ้นมาง่ายๆ แต่ว่า กับราชันสวรรค์ขวางเส้ากลับแตกต่าง ตลอดชีวิตของเขาดูจะราบรื่นมากเกินไปเสียแล้ว ยกเว้นกรณีคราวของเทพโบราณกุยฝานแล้ว เขาไม่เคยได้ลิ้มลองรสชาติของความลำบากอะไรมา มีแต่ความราบรื่นมาตลอดชีวิต เขาคือบุรุษที่เป็นลูกรักของสวรรค์
หากเป็นบุคคลทั่วไปยังไม่อาจกระตุ้นต่อมประสาทของราชันสวรรค์ขวางเส้าได้ง่ายดายถึงเพียงนี้ บุคคลโดยทั่วไปก็ยากจะทำให้ราชันสวรรค์ขวางเส้าต้องโกรธจัดและคลุ้มคลั่งเช่นนี้
แต่ว่าซึหุนหลินมีความแตกต่าง เนื่องจากซึหุนหลินกับเขาเกิดในยุคเดียวกัน ในครั้งนั้นเขามีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วหล้า ขณะที่มีหน้ามีตาอย่างไร้ขีดจำกัด ซึหุนหลินเป็นเพียงบุคคลที่ไร้ชื่อเสียง ทั้งยังเป็นมดปลวกที่ดิ้นรนด้วยความยากลำบากเพื่อความอยู่รอดเท่านั้น
พูดอย่างไม่น่าฟัง ในครั้งนั้น เกรงว่าถ้าหากซึหุนหลินจะต้องอยู่ตรงหน้าราชันสวรรค์ขวางเส้าล่ะก็ กระทั่งความกล้าที่จะพูดอะไรสักคำคงไม่มี และจะต้องสั่นเทาเมื่อเห็นเขา
ราชันสวรรค์ขวางเส้าในครั้งนั้นไม่เคยมองเห็นเขาอยู่ในสายตาอยู่แล้ว กระทั่งเป็นมดปลวกที่ไม่มีสิทธิ์ได้เข้าไปอยู่ในรัศมีของสายตาเขาด้วยซ้ำ มาวันนี้กลับสามารถเสมอด้วยกับเขา กระทั่งพูดจายั่วยุเขาได้ สิ่งนี้กล่าวสำหรับราชันสวรรค์ขวางเส้าแล้ว มันเป็นการสะกิดเข้ากับเส้นประสาทที่อ่อนแอที่สุดซึ่งซ่อนอยู่ในส่วนลึกที่สุดของจิตใจของเขา
ผู้กล้าย่อมไม่โอ้อวดผลงานในอดีตของตนเอง สิ่งนี้กล่าวสำหรับสุดยอดดาวรุ่งแห่งยุคแล้วเป็นการส่งผลกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงอย่างหนึ่ง! ดังนั้น เมื่อซึหุนหลินได้แสดงท่าทีที่ไม่หยิ่งยโสและไม่ด้อยค่าตนเอง กระทั่งมีทีท่าที่ยั่วยุตนอยู่บ้าง ทำให้ราชันสวรรค์ขวางเส้ารู้สึกโกรธขึ้นมา
ความรู้สึกเช่นนี้สำหรับเขาแล้ว เหมือนมดปลวกตัวหนึ่งเคยถูกเขาเหยียบอยู่ใต้ฝ่าเท้าในวันนั้น มาวันนี้กลับสามารถดูแคลนกระทั่งก้มมองดูตนอย่างนั้น
“เช่นนั้นขอเชิญจอมราชันสอนสั่ง” สำหรับอารมณ์โกรธของราชันสวรรค์ขวางเส้า ซึหุนหลิน ไม่ได้รู้สึกว่าจะต้องหวั่นเกรง ถ้าหากเป็นจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสองสาย ซึหุนหลินยังคงต้องหลบหลีกให้ไกล แต่กับราชันสวรรค์ขวางเส้าไม่เห็นจะเหนือกว่าเขา แล้วเหตุใดเขาจะต้องไปหวั่นเกรงด้วยเล่า?
“รับข้าหนึ่งกระบวนท่า!” ดวงตาทั้งสองของราชันสวรรค์ขวางเส้าส่งประกายเจิดจ้าเมื่อยามที่เขาโกรธขึ้นมา ได้ยินเสียงดาบคำรามดัง “ตึง” มองเห็นประกายที่พวยพุ่งออกมาจากดวงตาทั้งสองของเขาพลันกลับกลายเป็นดาบศักดิ์สิทธิ์ในทันที
จากเสียงคำรามของดาบที่ดัง “ตึง” ดาบศักดิ์สิทธิ์สองเล่มที่มีความยาวเป็นหมื่นจ้าง ดาบทั้งสองอยู่ในลักษณะไขว้กันซ้ายขวา ฟันฉับลงมาดั่งดาวตก ฝากเป็นรอยดาบบนท้องฟ้า ฉับพลันก็มาถึงตรงหน้าของซึหุนหลิน
ดาบยาวที่ลากผ่านมา ส่งประกายดาบที่ปราศจากผู้ต่อกร ขณะที่ตัวดาบยังฟาดฟันลงมาไม่ถึง ได้ยินเสียงดัง “ปัง” พื้นดินถูกฟันจนขาดออกจากกันแล้ว
จอมราชันย่อมเป็นจอมราชัน แม้ว่าจะมีชะตาฟ้าเพียงสายเดียว ขอเพียงประกายตาแวบหนึ่งของเขาก็สามารถสังหารยอดฝีมือระดับสวรรค์สัจธรรมได้
ซึหุนหลินไม่ได้มีอาการตกใจลนลานในขณะที่ดาบยาวฟันเข้ามา ได้ยินเสียงดัง “แว้งค์” หลักกฎเกณฑ์หมุนเคลื่อนไป ฉับพลันได้ถักทอกลายเป็นโล่ยักษ์กั้นขวางอยู่ด้านหน้าของตน
เสียง “ปัง” ดังขึ้น ดาบยาวทั้งสองฟันฉับลงบนโล่ที่เกิดจากคาถา ฝุ่นและดินฟุ้งกระจาย ได้ยินเสียงแตกร้าวดังคร๊ากก ปรากฏรอยแยกเป็นริ้วๆ บนพื้นดิน แต่ว่าโล่ที่เกิดจากคาถายังคงยืนหยัดอยู่ได้
ย่อมไม่ต้องสงสัย ซึหุนหลินสามารถต้านรับการโจมตีของราชันสวรรค์ขวางเส้าไว้ได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด กำลังความสามารถทั้งสองฝ่ายอย่างน้อยก็ต้องพอฟัดพอเหวี่ยงกัน ซึหุนหลินไม่ได้ด้อยไปกว่าราชันสวรรค์ขวางเส้าอย่างแน่นอน
“ดูท่าหลายปีมานี้เจ้าฝึกปรือฝีมือได้มาไม่เบาเลยนี่!” ใบหน้าของราชันสวรรค์ขวางเส้าเยือกเย็นดั่งหิมะ ดวงตาทั้งสองปรากฏภาพในอดีตขึ้นมาอย่างชัดเจน แววตาที่เจิดจรัสเผยให้เห็นปณิธานการฆ่าที่น่ากลัว
ในขณะนี้ การต่อสู้ในลักษณะเช่นนี้ได้ดึงดูดผู้คนจำนวนไม่น้อยให้หันมาให้ความสนใจ ในบริเวณไกลกันดารใช่จะมีเพียงยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนเป็นจำนวนมากเท่านั้น ยังมีระดับจอมเทพอยู่จำนวนไม่น้อย ดังนั้น ศึกครั้งนี้เพิ่งจะเริ่มต้นก็ดึงดูดสายตาผู้คนได้จำนวนไม่น้อย หลายคนกระซิบกระซาบกับการศึกในครั้งนี้
แม้ว่าราชันสวรรค์ขวางเส้าจะเป็นจอมราชันหนึ่งชะตาฟ้า แต่ชื่อเสียงของเขาโด่งดังผู้คนจำนวนมากต่างรู้จักตัวเขามานานมากแล้ว ตรงกันข้ามซึหุนหลินที่อยู่ในฐานะจอมเทพ คนที่รู้จักเขากลับมีไม่มากนัก เนื่องจากเขาค่อนข้างทำตัวค่อมต่ำ
แน่นอนที่สุด เมื่อระดับจอมเทพต่อสู้ชี้ขาดกับจอมราชันย่อมเป็นที่สนใจของผู้คนเป็นจำนวนมาก จอมราชันระดับล่างกับจอมเทพระดับธรรมดา ใครจะแข็งแกร่งหรืออ่อนด้อยกว่ากัน เป็นข้อปัญหาที่ควรค่าแก่การถกเถียงกันตลอดมา
“พอไปได้” ซึหุนหลินไม่ได้แสดงอาการลำพองใจกับคำพูดของราชันสวรรค์ขวางเส้า และไม่ได้หวั่นเกรงในตัวเขา เพียงกล่าวเรียบเฉยออกมาว่า “พอฝืนเอาชีวิตรอดไปวันๆ เท่านั้นเอง”
“ทำลาย…” ราชันสวรรค์ขวางเส้าในเวลานี้ร้องคำรามเสียงดัง หนึ่งนิ้วที่จิ้มเข้ามา “แว้งค์” นิ้วนี้พลันก้าวข้ามกาลเวลา และกลับกลายเป็นการโจมตีที่แหลมคมมากที่สุด ทันใดนั้นเอง นิ้วนี้เสมือนหนึ่งเป็นเข็มศักดิ์สิทธิ์ที่ทิ่มแทงเข้ามาอย่างนั้น
โล่ยักษ์ที่เสกด้วยคาถาของซึหุนหลินรับกับนิ้วโจมตีเข้ามา ได้ยินเสียงดัง “ปัง” นิ้วนี้ได้โจมตีเข้าใส่จุดเปราะบางที่สุดของโล่ยักษ์ที่เสกขึ้นมา ทำให้โล่ยักษ์ที่เสกขึ้นมาแตกละเอียดไปทันที
ย่อมไม่เป็นที่สงสัย เหมือนดั่งที่ซึหุนหลินเคยพูดเอาไว้ก่อนหน้า พรสวรรค์ของเขาสูงจนเป็นที่อิจฉาและยำเกรงของผู้คน พรสวรรค์ที่ยากจะหาใดเทียมในหล้าของเขาทำให้สามารถทำลายกระบวนท่าของศัตรูได้ภายในระยะเวลาอันสั้น
“จอมราชันเก่งสมคำเล่าลือจริงๆ หนึ่งกระบวนท่าทำลายศัตรู” ซึหุนหลินที่มองเห็นโล่ยักษ์ที่เสกขึ้นมาถูกทำลายกล่าวขึ้นมาช้าๆ โดยไม่ได้หวั่นวิตก เขาได้หยิบเอาอาวุธของตนออกมาอย่างช้าๆ
แม้ว่าพรสวรรค์ของราชันสวรรค์ขวางเส้าจะสูงมาก สามารถทำลายกระบวนท่าของผู้อื่น แต่ว่าตัวของซึหุนหลินเองก็หาใช่ประเภทเติบโตด้วยการกินมัง เขาต้องล้มลุกคลุกคลานท่ามกลางกาลเวลาอันยาวนานที่ผ่านมา ท่ามกลางเลือดและคมดาบ ผ่านอันตรายและความเป็นความตายมานับไม่ถ้วน ทำให้เขาได้สั่งสมประสบการณ์ที่มากมายยิ่งนัก
“รอให้ข้าตัดหัวของเจ้าออกมา เจ้าก็จะรู้ว่าอะไรที่เรียกว่าทำลายกระบวนท่าศัตรูด้วยเพลงๆ เดียว” แววตาของราชันสวรรค์ขวางเส้าเยือกเย็นยิ่งนัก ยังคงพูดจาข่มขวัญผู้ที่ด้อยกว่ากลิ่นอายสังหารรุนแรง
ยอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่มองเห็นภาพนี้จากระยะห่างไกลต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้ ขณะที่ระดับจอมเทพบางคนส่ายหน้า ผ่านมากี่ปีแล้วราชันสวรรค์ขวางเส้าไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย ยังคงเหมือนดั่งเช่นครั้งนั้นที่ยโสและชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่ ยังคงยกตนข่มท่านเช่นเดิม
จอมเทพบางคนส่งเสียงฮึภายในใจ การสั่งสอนจากเทพโบราณกุยฝานในครั้งนั้นยังไม่หนำใจ ดูท่าคงต้องถูกใครสักคนมาสั่งสอนให้เข็ดหลาบเสียที
แน่นอน ระดับจอมเทพเหล่านี้ก็ได้แต่นึกอยู่ในใจเท่านั้นเอง ทุกคนล้วนแล้วแต่ไม่ต้องการไปมีเรื่องกับราชันสวรรค์ขวางเส้า เนื่องจากเบื้องหลังของราชันสวรรค์ขวางเส้ายังคงมีจอมราชันของตระกูลพวกเขาอยู่อีกสามองค์ และที่สำคัญที่สุดก็คือ ราชันสวรรค์ขวางเส้าได้เข้าร่วมอยู่ในกองกำลังนกหวีดน้อย เนื่องจากจอมราชันเซียนหวังของกองกำลังนี้ล้วนแล้วแต่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน หากมีเรื่องกับคนใดคนหนึ่งก็เท่ากับแหย่รังแตนเข้าให้
เมื่อต้องเผชิญกับสภาพการณ์เช่นนี้ จอมเทพส่วนใหญ่ก็ไม่ต้องการมีเรื่อง เว้นเสียแต่จอมเทพเหล่านี้ตัวเองมีกำลังความสามารถสูงมากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว กองกำลังที่อยู่ด้านหลังก็แข็งแกร่งมาก มิฉะนั้นล่ะก็ การสังหารราชันสวรรค์ขวางเส้าสักคนไม่ใช่ปัญหา แต่การไปเหย่รังแตนที่เป็นกองกำลังนกหวีดน้อยจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะยุ่งยากที่สุด
“ตึง…” เวลานี้ราชันสวรรค์ขวางเส้าค่อยๆ ชักเอากระบี่ยาวสามเล่มที่อยู่ด้านหลังของตนออกมา กระบี่ทั้งสามเล่มออกจากฝักพร้อมกันอย่างช้าๆ พลันส่องสว่างทั่วสิบสามทวีป!
ประกายกระบี่ยาวทั้งสามเล่มส่องสว่างไสวไปทั่งสิบสามทวีป ทุกๆ เส้นล้วนแล้วแต่ละลานตายิ่งนัก นัยน์ตาทั่วไปไม่สามารถรองรับกับประกายเช่นนี้ได้ ได้แต่อาศัยเนตรฟ้าเท่านั้น
ผู้คนจำนวนมากรู้สึกสะท้านภายในใจเมื่อมองเห็นกระบี่ยาวทั้งสามเล่มนี้ เนื่องจากพลันที่กระบี่ยาวทั้งสามของราชันสวรรค์ขวางเส้าสำแดงออกมา ย่อมมีความหมายที่แตกต่างกัน
ซึหุนหลิน เองก็มีท่าทีที่หนักแน่นโดยไม่ได้ประมาทต่อศัตรูแม้แต่น้อย ขณะมองดูกระบี่ยาวสามเล่มของราชันสวรรค์ขวางเส้าค่อยๆ ออกจากฝักอย่างช้าๆ
กระบี่ยาวทั้งสามเล่มของราชันสวรรค์ขวางเส้าคืออาวุธราชันชนิดมีพลังมาแต่กำเนิด แม้จะไม่ใช่ประเภทตัวอ่อนที่เป็นชุด แต่มันจัดอยู่ในประเภทศาสตราวุธเต๋าจอมราชันที่มีพลังมาแต่กำเนิด ทั้งยังเป็นชั้นคุณภาพสวรรค์ตราตั้ง
ตัวอ่อนที่มีพลังมาแต่กำเนิดนั้นจะเริ่มต้นที่ระดับทิพยสัจธรรม ชั้นคุณภาพต่ำสุดก็จะเป็นเลี่ยมทอง สำหรับตัวอ่อนที่มีพลังมาแต่กำเนิดระดับจอมราชันนั้น จะมีชั้นคุณภาพสวรรค์ตราตั้งเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ศาสตราวุธเต๋าที่มีพลังมาแต่กำเนิด ทั้งยังเป็นชั้นคุณภาพสวรรค์ตราตั้ง เมื่อเป็นเช่นนั้นศาสตราวุธเต๋าชิ้นหนึ่งก็เท่ากับพลังต่อสู้ของจอมราชันเซียนหวังถึงสององค์ อย่างน้อยที่สุดตามทฤษฎีจะเป็นเช่นนี้
กระบี่ยาวทั้งสามเล่มของราชันสวรรค์ขวางเส้าล้วนแล้วแต่เป็นศาสตราวุธเต๋าที่มีพลังมาแต่กำเนิดทั้งสิ้น ต่อให้ทั้งสามเล่มไม่ได้เป็นชุด แต่กระบี่ทั้งสามเล่มมีความสมดุลยิ่งนัก เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงทำให้อานุภาพของกระบี่ยาวทั้งสามเล่มเพิ่มสูงขึ้นหลายระดับ
ดังนั้น ยามที่กระบี่ทั้งสามของราชันสวรรค์ขวางเส้าปรากฎ ย่อมบ่งบอกถึงหนึ่งกระบวนท่าที่ปราศจากผู้ต่อกร พลันลงมือคือการสังหารที่เด็ดขาด
ซึหุนหลินที่เผชิญหน้ากับเหตุการณ์เช่นนี้ไม่กล้าประมาท หยิบเอาอาวุธที่ทรงพลังมากที่สุดในชีวิตออกมา เตรียมตัดสินชี้ขาดกับราชันสวรรค์ขวางเส้า
แม้ว่าซึหุนหลินหาใช่คนที่ทำตัวเด่นดัง แต่หากราชันสวรรค์ขวางเส้าต้องการจะสู่เขาก็ยินดี กล่าวสำหรับเขาแล้วหากราชันสวรรค์ขวางเส้าต้องการจะต่อสู้ด้วย เขาก็ยินดี กล่าวสำหรับเขาแล้วการต่อสู้กับราชันสวรรค์ขวางเส้ามันมีความหมายที่ยิ่งใหญ่มาก
ความจริงแล้วไม่เพียงซึหุนหลินเท่านั้นที่คิดเช่นนี้ แม้แต่จอมเทพที่ยืนชมอยู่ในระยะห่างไกลและรู้จักซึหุนหลินก็คิดอย่างนี้เช่นกัน
การต่อสู้ระหว่างซึหุนหลินกับราชันสวรรค์ขวางเส้าคือชะตาฟ้าหนึ่งสายต่อสู้ชี้ขาดกับดวงตราสัญลักษณ์ที่ประสานเข้าด้วยกันสามดวง ในบางแง่มุมอาจจะชี้ชัดลงไปได้ว่าจอมเทพธรรมดากับจอมราชันระดับล่างใครเหนือกว่ากัน หลังการศึกครั้งนี้แล้ว บางทีอาจได้เป็นบรรทัดฐานในการอภิปรายเกี่ยวกับเรื่องนี้
ที่สำคัญมากที่สุดก็คือ ซึหุนหลินกับราชันสวรรค์ขวางเส้าเกิดอยู่ในยุคเดียวกัน ทั้งสองฝ่ายต่างมีชีวิตอยู่มาแล้วอย่างยาวนาน ผ่านยุคสมัยแล้วสมัยเล่ามาแล้ว การต่อสู้ของพวกเขาจะกลายเป็นสิ่งที่เป็นตัวแทนในการศึกษาค้นคว้าอ้างอิงต่อไป
“วันนี้หากไม่ตัดหัวของเจ้าออกมา กระบี่จะไม่คืนฝัก” ดวงตาทั้งสองของราชันสวรรค์ขวางเส้าส่ออารมณ์ความรู้สึกที่รุนแรงออกมา ส่งความร้อนแรงทั่วฟ้าดิน เสียงก้องกังวานดั่งระฆัง ยกตนข่มท่าน ตั้งแต่วัยเยาว์กระทั่งปัจจุบัน ผ่านไปยุคสมัยแล้วสมัยเล่า นิสัยความโอหังหยิ่งยโสยังคงไม่เปลี่ยน
ซึหุนหลินยังคงไม่แสดงอาการหยิ่งยโสและไม่ทำตนให้ดูต่ำต้อยกับท่าทีที่ยกตนข่มท่านของราชันสวรรค์ขวางเส้า กล่าวน่าเกรงขามว่า “ผู้เฒ่าน้อยก็ขอรับการชี้แนะจากเคล็ดวิชาปราศจากผู้ต่อกรของจอมราชัน เพื่อประจักษ์ในสุดยอดท่วงท่าที่สง่างามของดาวรุ่งที่ปราศจากผู้ต่อกรในครั้งครานั้น!”