ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล - ตอนที่ 1931 ทางเลือกขององค์หญิงเทียนหวง
- Home
- ราชันอหังการ Emperor’s Domination จักรพรรดิบรรพกาล
- ตอนที่ 1931 ทางเลือกขององค์หญิงเทียนหวง
การที่จินเก๋อจะขึ้นเป็นจอมราชันในไกลกันดารนับเป็นเรื่องที่พบเห็นได้น้อยมาก แต่ก็ถือเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลอยู่
เนื่องจากการขึ้นเป็นจอมราชันครั้งแรกของจินเก๋อถูกเหรินเซิ่นลอบโจมตี ทำให้จินเก๋อประสบกับความล้มเหลวพลาดโอกาสไปอย่างน่าเสียดาย เพื่อให้ได้เป็นจอมราชันในครั้งนี้ ทางด้านของตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังเรียกได้ว่าได้ทุ่มเทกำลังกายใจไปไม่น้อยทีเดียว
มาคราวนี้ ทางด้านตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังไม่เพียงอัญเชิญบรรพบุรุษที่เป็นราชันสวรรค์ออกมาทั้งหมดแล้ว อีกทั้งด้านราชันสวรรค์ของเผ่าสวรรค์คนอื่นๆ ก็มีจอมราชันที่ตกปากรับคำว่า หากจำเป็น พวกเขาก็จะมาให้การคุ้มครองจินเก๋อด้วยเช่นกัน
เรียกได้ว่า การบรรลุสัจธรรมของจินเก๋อในครั้งนี้ได้มีจอมราชันแต่ละองค์คอยให้การคุ้มครองอยู่ เรียกได้ว่าไม่มีทางพลาดอย่างแน่นอน แต่ทว่า จอมราชันเซียนหวังจะไม่ยอมไปจากแดนแห่งการสืบค้นโดยง่ายดาย ดังนั้น การบรรลุสัจธรรมในครั้งนี้ของจินเก๋อจะต้องจัดให้มีขึ้นที่แดนแห่งการสืบค้น อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดทางตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังได้เลือกเอาไกลกันดารให้กับจินเก๋อ
สถานที่ที่เตรียมไว้สำหรับให้จินเก๋อบรรลุสัจธรรมคือด้านบนของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ขนาดใหญ่ลูกหนึ่ง ที่ตรงนั้นทางด้านตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังได้มีการสร้างเป็นปะรำพิธีขนาดยักษ์ขึ้น โดยตัวปะรำพิธีทั้งหลังแลดูเสมือนดั่งเป็นดอกบัวขนาดยักษ์สุดเปรียบเปรยที่บานเบ่งอยู่บนท้องฟ้า และตัวของจินเก๋อก็อยู่ภายในนั้น
ขณะนี้กองทัพที่ประกอบด้วยไพร่พลนับล้านได้เฝ้ารักษาการณ์อยู่ตรงนี้ ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ลูกนี้เสมือนหนึ่งเป็นถังเหล็กที่ถูกล้อมเอาไว้จนกระทั่งแม้แต่น้ำสักหยดยังเล็ดรอดไปไม่ได้ อีกทั้งทางด้านของตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังยังได้มีการประทับสลักยันต์จอมราชันเอาไว้ วางค่ายกลราชันที่สุดยอดในหล้าเอาไว้ด้วย
นอกจากกองทัพที่มีไพร่พลนับล้านได้ทำการล้อมภูเขาศักดิ์สิทธิ์นี้เอาไว้จนกระทั่งน้ำสักหยดยังเล็ดรอดไปไม่ได้แล้ว ยังมีจอมเทพของตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังแต่ละองค์คอยควบคุมบัญชาการด้วยตนเองในจุดสำคัญแต่ละจุด
ทั่วทั้งภูเขาศักดิ์สิทธิ์เสมือนหนึ่งเป็นเนื้อเดียวกัน แผ่กลิ่นอายแห่งการฆ่าฟันที่น่าสยดสยองไร้ขอบเขตออกมา เหมือนว่าใครก็ตามหากเข้าไปใกล้จะต้องถูกบีบรัดสังหารจนแหลกเป็นผุยผงในทันที
สืบเนื่องจากการถูกลอบโจมตีในครั้งนั้น มาคราวนี้ทางตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังจึงระมัดระวังรอบคอบเป็นพิเศษ ไม่อนุญาตให้ใครสามารถลอบโจมตีจินเก๋อที่กำลังจะสืบทอดชะตาฟ้าได้
ดังนั้น แม้ว่าจะมียอดฝีมือผู้บำเพ็ญตนที่มาดูชมขั้นตอนการสืบทอดชะตาฟ้าของจินเก๋อเป็นจำนวนมาก แต่ว่า ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้ ทุกคนต่างมองดูจากระยะห่างไกล และไม่ต้องการให้ตนถูกตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังมองว่าเป็นศัตรู
ภายใต้การล้อมเอาไว้อย่างหนาแน่นของกองทัพนับล้าน และการควบคุมสั่งการของระดับจอมเทพแต่ละองค์ด้วยตนเอง เกรงว่าใครก็ตามหากกระทำการโดยพละการแม้แต่น้อยก็จะถูกสังหาร ต่อให้เป็นระดับจอมเทพก็ไม่กล้าไปก่อเรื่องก่อราวขึ้นมา
ต่อให้เป็นคนโง่เขลาเพียงใดก็เข้าใจได้ว่า หากไปหาเรื่องกับตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังในจังหวะนี้ล่ะก็ มันคือการอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ และเป็นความแค้นที่ไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้ ตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังจะต้องตามฆ่าให้ถึงที่สุด
อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้กลับมีคนผู้หนึ่งที่ไม่รู้จักเวลา นาทีนี้ปรากฎคนผู้หนึ่งด้านหน้าภูเขาศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาอย่างกะทันหัน เข้าก้าวเดินเข้าไปหาภูเขาศักดิ์สิทธิ์นั้นอย่างช้าๆ
นาทีนี้ บริเวณภูเขาศักดิ์สิทธิ์อยู่ในสถานการณ์ที่ตื่นตูมหวาดหวั่นไปสิ้น ต่อให้เป็นยุงที่บินมาปรากฎอยู่ด้านหน้าของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ก็ต้องถูกกองทัพนับล้านของตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังเฝ้าจับตาเอาไว้ ไม่ต้องพูดถึงคนเป็นๆ เลย
ดังนั้น ยามที่คนผู้นี้ปรากฎตัวด้านหน้าของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ จึงได้ดึงดูดสายตาของคนทุกคนเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่ดูชมอยู่ในระยะห่างไกล หรือกองทัพที่มีไพร่พลนับล้านที่ล้อมภูเขาศักดิ์สิทธิ์จน้ำยังเล็ดรอดไปไม่ได้
ทันใดนั้น สายตาแต่ละคู่ล้วนแล้วแต่จับจ้องอยู่บนตัวของเขา ลำพังแค่แววตาก็สามารถท่วมร่างของเขาจนมิดได้แล้ว
“คนโหดอันดับหนึ่ง” มองเห็นคนที่ปรากฏอยู่หน้าภูเขาศักดิ์สิทธิ์อย่างกะทันหัน จึงมีผู้ที่สามารถจดจำประวัติความเป็นมาเขาได้ และร้องเสียงดังออกมา
ทุกคนต่างรู้สึกใจหายใจคว่ำทันทีเมื่อเห็นหลี่ชิเย่ปรากฏตัวอยู่ด้านหน้าของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ หลี่ชิเย่มาได้เวลาเหมาะเจาะจริงๆ เขามาปรากฏตัวก่อนที่จินเก๋อจะได้สืบทอดชะตาฟ้าพอดิบพอดี สิ่งนี้ไม่ใช่เป็นการบังเอิญอย่างแน่นอน
ทุกคนทั่วหล้าต่างรู้ดีว่าหลี่ชิเย่กับจินเก๋อมีความแค้นใหญ่หลวง ก่อนหน้านั้นพวกเขาเคยทดสอบฝีมือกันมาก่อน เวลานี้ หลี่ชิเย่ได้ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง แล้วจะไม่ให้ผู้คนต้องตระหนกได้อย่างไร
“คนโหดอันดับหนึ่งต้องการเป็นเหรินเซิ่นคนที่สองรึ? ครั้งนั้น เหรินเซิ่นนำพายอดฝีมือจากร้อยชาติพันธุ์ลอบโจมตีจินเก๋อ เวลานี้คนโหดอันดับหนึ่งจะทำแบบนั้นอีกครั้งรึ?” มีผู้ที่พึมพำออกมาเมื่อเห็นหลี่ชิเย่ปรากฎตัวขึ้นที่ตรงนั้น
“คนโหดอันดับหนึ่งโหดยิ่งกว่าเหรินเซิ่นในครั้งนั้นมากทีเดียว ครั้งนั้น เหรินเซิ่นยังมีจอมเทพท่าซิงคอยให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่” ระดับบรรพบุรุษของสำนักเจ้าลัทธิแห่งหนึ่งหัวเราะเจื่อนๆ และกล่าวว่า “เวลานี้ คนโหดอันดับหนึ่งกลับบุกเดี่ยว ความโหดเช่นนี้เกรงว่าแม้แต่เหรินเซิ่นก็ไม่อาจเทียบเคียงได้กระมัง”
เวลานี้ทุกคนต่างกลั้นลมหายใจเอาไว้ ขณะที่หลี่ชิเย่ยืนอยู่ด้านหน้าภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ทุกคนรู้สึกได้ว่าพายุฝนฟ้าคะนองกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว การสู้รบที่สั่นสะเทือนฟ้าดินกำลังจะเริ่มต้นขึ้น
แม้แต่กองทัพนับล้านของตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังก็รู้สึกตื่นเต้น คู่สายตาแต่ละคู่ต่างจับจ้องบนตัวของหลี่ชิเย่ อย่าว่าแต่กองทัพนับล้านเลย แม้แต่ระดับจอมเทพแต่ละองค์ของตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวังก็พลอยตื่นเต้นไปด้วย ดวงตาทั้งสองของพวกเขาส่งประกายเจิดจ้า จ้องมองดูหลี่ชิเย่อย่างไม่กะพริบตา
หลี่ชิเย่ยังคงมีท่าทีที่เอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้ว่าจะถูกจับจ้องโดยกองทัพนับล้าน และถูกล็อคเป้าโดยจอมเทพแต่ละองค์ เขาเงยหน้าขึ้นมองดูจินเก๋อที่อยู่บนท้องฟ้าทีหนึ่ง
จินเก๋อในเวลานี้ยืนอยู่บนปะรัมพิธีขนาดยักษ์ ใจจดใจจ่อรอคอยการมาถึงของชะตาฟ้า ขณะที่ในเวลานี้บนท้องฟ้าดูเจิดจรัส ปรากฏประกายที่พราวพร่างไหลรินอยู่ เสมือนว่าพลังชีวิตที่ไม่มีสิ้นสุดของสิบสามทวีปล้วนแล้วแต่มารวมตัวกันอยู่ตรงนี้อย่างนั้น
สำหรับจินเก๋อนั้น ได้ทุ่มเทสุดกำลังกับชะตาฟ้าที่กำลังจะมาถึง จะอย่างไรเสียเขาเป็นผู้ที่มีความทะเยอทะยานสูง เขาไม่เพียงต้องการสืบทอดชะตาฟ้าเท่านั้น เขาต้องการสืบทอดชะตาฟ้าให้ได้สี่สายในครั้งเดียว
กล่าวสำหรับจอมราชันเซียนหวังของสิบสามทวีปแล้ว การสืบทอดชะตาฟ้าสี่สายในคราวเดียวนั้นคือขีดสูงสุดที่จะทำได้ เนื่องจากในแต่ละยุคสมัยจอมราชันเซียนหวังมีโอกาสได้สืบทอดชะตาฟ้าเพียงแค่สามครั้งเท่านั้น ถ้าหากสามารถสืบทอดชะตาฟ้าได้ถึงสี่สายในคราวเดียว ย่อมเป็นการบ่งบอกว่ามีโอกาสได้กลายเป็นจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าสิบสองสายได้
แม้ว่าจินเก๋อได้พลาดโอกาสไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่เขายังคงมีความทะเยอทะยานสูงมาก ถ้าหากสองครั้งที่เหลือเขาสามารถสืบทอดชะตาฟ้าได้สี่สายทั้งสองครั้ง เขาก็จะได้เป็นจอมราชันเซียนหวังที่มีชะตาฟ้าแปดสาย
หลี่ชิเย่ละสายตากลับมา ยิ้มแล้วเดินหน้ามุ่งไปยังภูเขาศักดิ์สิทธิ์ด้วยท่าทีเอ้อระเหยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ต่อหน้ากองทัพนับล้านที่อยู่ตรงหน้า ในสายตาของเขาเหมือนว่าไม่มีตัวตนอย่างนั้น
“ปัง” เสียงตั้งขบวนที่พร้อมเพรียงยิ่งดังขึ้น ในชั่วพริบตาเดียวนั่นเอง ยอดฝีมือทั้งหมดของกองทัพนับล้านมีการปรับทิศทางการตั้งขบวนกันขึ้น ทั้งหมดได้หันหน้าไปยังหลี่ชิเย่
พริบตาเดียวนี้เอง กองทัพนับล้านพลันอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดทันที กลิ่นอายการฆ่าฟันพลันตลบอบอวลไปทั่วฟ้าดิน ทำให้ยอดฝีมือจำนวนนับไม่ถ้วนถึงกับต้องสั่นเทา
“จะเปิดศึกกันแล้ว” มีผู้ที่พึมพำออกมาเมื่อมองเห็นภาพเช่นนี้
“ช้าก่อน!” ในเวลานี้เอง เสียงใสกังวานเสียงหนึ่งดังขึ้น ในที่สุดมีคนผู้หนึ่งปรากฏตัวออกมาจากกองทัพนับพันนับหมื่นแล้ว
เป็นผู้หญิงที่มีท่วงทีงดงาม ความปราดเปรื่องสุดยอดในหล้า มีดวงตราสัญลักษณ์สามดวงลอยอยู่เหนือศีรษะ นางสวมชุดเกราะทั้งชุด ในมือถือทวน เรียกว่าอยู่ในเครื่องแบบทหารเต็มตัว ท่าทางหนักแน่นจริงจังมาก
“องค์หญิงเทียนหวง!” ผู้คนจำนวนมากต่างรู้สึกตระหนกเมื่อเห็นผู้หญิงที่เผยโฉมออกมา ที่ทำให้ผู้คนต้องตระหนกยิ่งกว่าก็คือ องค์หญิงเทียนหวงถึงกับเป็นจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สามดวงคนหนึ่ง
ในเวลานี้ผู้คนจำนวนมากต่างมองหน้ากันและกัน ชื่อเสียงของจินเก๋อนั้นไม่ต้องไปพูดถึง ความโด่งดังของเขาไม่มีใครเทียบ
แต่ นึกไม่ถึงเลยว่าองค์หญิงเทียนหวงจะเป็นระดับจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สามดวงผู้หนึ่ง ซึ่งนับว่าเหลือเชื่อสำหรับผู้คน หลายปีที่ผ่านมาองค์หญิงเทียนหวงไม่ค่อยได้ปรากฎตัวแก่สายตา อาศัยเก็บตัวอยู่ภายในตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวัง ช่วยบริหารกิจการงานทุกอย่างให้กับจินเก๋อ ไม่มีใครคาดคิดว่า องค์หญิงเทียนหวงจะเป็นจอมเทพที่มีดวงตราสัญลักษณ์สามดวง
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อยู่เหนือความคาดคิดของผู้คนทุกคน ถ้าหากจะกล่าวว่า กลุ่มคนรุ่นใหม่ได้เป็นจอมเทพย่อมเป็นเรื่องที่สร้างความฮือฮาได้แน่นอน ถ้าหากองค์หญิงเทียนหวงยินดีปรากฎตัวล่ะก็ ชื่อเสียงของนางย่อมไม่ด้อยไปกว่าฉินไป่หลี่อย่างแน่นอน
การปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันขององค์หญิงเทียนหวง ทำให้บรรยากาศพลันตึงเครียดถึงขีดสุด องค์หญิงเทียนหวงมีความแค้นกับคนโหดอันดับหนึ่งเป็นเรื่องที่รู้กันทั่วหล้า การที่คนโหดอันดับหนึ่งสังหารน้องชายและบิดาขององค์หญิงเทียนหวง ไม่ว่าใครก็ไม่ยอมปล่อยวางความแค้นนี้ลงได้อย่างแน่นอน
ในเวลานี้ องค์หญิงเทียนหวงก้าวเดินลงมาจากภูเขาศักดิ์สิทธิ์อย่างช้าๆ เมื่อนางก้าวเดินจนถึงด่านสุดท้าย จอมเทพที่ทำหน้าที่เฝ้าด่านได้กล่าวด้วยท่าทีหนักแน่นจริงจังว่า “องค์หญิง เรื่องความปลอดภัยสำคัญกว่า”
“ท่านบรรพบุรุษ ศิษย์ทราบดี ศิษย์ยินดีสลายความแค้นในครั้งนี้” องค์หญิงเทียนหวงกล่าวด้วยท่าทีที่หนักแน่นจริงจัง
จอมเทพผู้นี้นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง สุดท้ายยังคงปล่อยให้องค์หญิงเทียนหวงผ่านไปได้
ในเวลานี้ สายตาจำนวนมากต่างจ้องมองดูภาพเหตุการณ์ตรงหน้า ทุกคนต่างมองดูทุกๆ ความเคลื่อนไหวขององค์หญิงเทียนหวง
ในขณะนี้ องค์หญิงเทียนหวงได้มาหยุดอยู่ตรงหน้าของหลี่ชิเย่ นางมองตรงไปที่หลี่ชิเย่โดยไม่มีท่าทีหวั่นเกรง สงบนิ่ง เรียบเฉย
“น่าชื่นชมในความกล้าหาญ” หลี่ชิเย่ยิ้มกล่าวเรียบเฉยขณะมองดูองค์หญิงเทียนหวง
องค์หญิงเทียนหวงค่อยๆ วางทวนที่อยู่ในมือของตนลงอย่างช้าๆ โค้งคารวะต่อหลี่ชิเย่อย่างงาม กล่าวหนักแน่นว่า “คุณชายหลี่ ท่านกับข้ามีความแค้นใหญ่หลวง เรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างข้ากับท่าน ไม่เกี่ยวข้องกับสามีของข้า บิดาและน้องชายของข้าล้วนแล้วแต่ตายด้วยน้ำมือของท่าน เรื่องนี้ข้าก็จะไม่โทษใคร ต้องโทษว่าฝีมือไม่ดี ไม่สามารถพิเคราะห์เหตุการณ์…”
“…บุญคุณความแค้นบนโลกไม่แน่เสมอไปว่าจะต้องต่างตอบแทนเสมอไป ความแค้นในครั้งนั้นได้ลุล่วงไปแล้ว ไม่ว่าใครก็ยากจะเปลี่ยนแปลงอดีตได้ แต่ว่า ข้ายินดีปล่อยวางความแค้นในอดีต ให้มันลอยผ่านไปเหมือนเมฆหมอก ต่อให้วันข้างหน้าข้าและสามีไม่สามารถเป็นสหายกับคุณชาย แต่ก็ไม่มีความจำเป็นต้องเป็นศัตรูกันทุกยุคทุกสมัย…”
“…ข้าหวังว่าไฟสงครามในครั้งนี้จะตายไปพร้อมกับความตายของบิดาของข้า ข้าไม่ต้องการให้ไฟสงครามครั้งนี้เผาผลาญต่อไปถึงแคว้นหงส์ฟ้า และต้องการให้ไฟสงครามในครั้งนี้ไหม้ลามไปถึงตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวัง ข้ายินดีสลายบุญคุณความแค้นในครั้งนี้ ครั้งนั้นบิดาของข้าไม่รู้จักกาลเทศะ ข้ารู้สึกเสียใจ ณ ที่นี้ และขออภัยต่อคุณชายหลี่ ไม่ทราบว่าคุณชายหลี่จะยินดีสลายความแค้นในครั้งนี้หรือไม่?”
ครั้นองค์หญิงเทียนหวงกล่าวมาถึงตรงนี้แล้ว ท่าทีหนักแน่นเคร่งขรึม และก้มศีรษะลงต่ำ
ภาพนี้ทำให้ฟ้าดินเงียบสงัดไปทั่ว ทุกคนต่างจ้องมองไปที่องค์หญิงเทียนหวง คำพูดขององค์หญิงเทียนหวงสร้างความหวั่นไหวให้กับผู้คนเป็นจำนวนมาก
ทั้งน้องชายและบิดาขององค์หญิงเทียนหวงล้วนแล้วแต่ตายด้วยน้ำมือของหลี่ชิเย่ แต่มาวันนี้ องค์หญิงเทียนหวงไม่เพียงยินดีสลายความแค้นในครั้งนั้น กระทั่งยินดีขอโทษต่อหลี่ชิเย่ มันช่างเป็นเรื่องที่สร้างความหวั่นไหวต่อจิตใจของผู้คนเหลือเกิน
คนที่รับกับสิ่งนี้ไม่ได้อาจเข้าใจว่าองค์หญิงเทียนหวงนั้นอ่อนแอเกินไป ถึงกับยอมสลายบุญคุณความแค้นกับผู้ที่มีความแค้นถึงขั้นไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้ กระทั่งแสดงความขอโทษแทนบิดาของตนที่ตายไป การแสดงออกถึงความอ่อนแอเช่นนี้เป็นสิ่งที่ผู้คนยากจะยอมรับได้
แต่กับระดับบรรพบุรุษบางคนที่เคยผ่านอุปสรรคยิ่งใหญ่มาแล้วกลับพยักหน้ากันลับๆ เนื่องจากพวกเขามองออกถึงสถานการณ์ การผงาดขึ้นมาของหลี่ชิเย่นั้นไม่มีอะไรขัดขวางได้ ถ้าหากเขาไม่เกิดอุบัติเหตุเสียก่อน ในอนาคตเขาจะต้องเป็นผู้ที่ปราศจากผู้ต่อกรแห่งยุค ไม่มีใครสามารถขวางการก้าวเดินของเขาได้
การที่องค์หญิงเทียนหวงยินดีสลายบุญคุณความแค้นในครั้งนี้กับหลี่ชิเย่ นางไม่ต้องการให้ไฟสงครามลุกลามเผาไหม้ต่อไปในแคว้นหงส์ฟ้า และไม่ต้องการให้ไฟสงครามลามมาถึงตระกูลขุนนางโบราณจ้านหวัง!
………………………………………………..